สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeที่อยากมี' เงินก้อน 'ทุกคน (*♡∀♡)

เราเชื่อว่าวัยรุ่นจบใหม่ยุคนี้หลายคน ที่พอมีงาน มีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว ก็อยากใช้เงินปรนเปรอความสุข ( ที่สมัยเรียนอยากทำ แต่ทำไม่ได้เพราะเงินไม่พอ ) ให้เต็มที่ แต่บางทีก็ใช้เพลินไปหน่อย

จากที่ควรจะหยุดแค่ปีแรก ก็รู้สึกว่าเอาน่า ยังได้อีก ช้อปเสื้อผ้าทุกคอลเลคชั่น มีคาเฟ่ ร้านอาหารแพงแค่ไหนต้องตามไปกิน ไหนจะงานราษฎร์งานหลวง ใส่ซองงานแต่งรุ่นพี่ เพื่อนชวนปาร์ตี้เย็นวันศุกร์ Friday Night ตั่งต่าง

วันดีคืนดีมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ดูเงินคงเหลือในบัญชีคือยิ้มแห้ง ไม่มี ไม่มีเลยเจ้าค่ะ รายการมีแต่ไหลออก ถอนออกรัวๆ บางคนทำงานมาเป็นสิบปี ไม่มีเงินเก็บเลยก็เยอะ! เป็นแบบนี้ต่อไป ตอนป่วยคงต้องนอนรอความตายที่โรงพยาบาลอนาถาแน่ๆ TT


รูปภาพ:https://media2.giphy.com/media/JpG2A9P3dPHXaTYrwu/giphy.gif

ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น เราอยากมาเตือนสติสาวๆ ที่ยังใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเหมือนเททิ้งว่า สถานการณ์ปัจจุบันอย่างโควิด ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า หน้าที่การงานตอนนี้ ไม่มีที่ไหนมั่นคงทั้งนั้น งานที่ไม่น่ามีปัญหาก็ยังโดนไล่ออก ปิดตัวกันได้ง่ายๆ ถ้าวันนึงเธอตกงาน แล้วมีเรื่องด่วนต้องใช้เงินจะทำยังไง?

จะดีกว่าไหมถ้าจะเก็บออมเงินเสียแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่มีปัญหาให้มาตามแก้ทีหลัง ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มเก็บยังไง ก็มาอ่าน

' 7 นิสัยคนรวย ใช้เงินอย่างฉลาด ให้กระเป๋าตังค์ไม่รั่วไหล '

ในบทความนี้กันได้เลยค่ะ (♡°▽°♡)

1. ทบทวนตัวเองว่า ชีวิตนี้ มีความต้องการอะไรที่ 'ต้องใช้เงิน' บ้าง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/9441e3cf070672171d921becc77e4a60.jpg

ขั้นตอนแรกในการเก็บเงิน ให้เธอตั้งสติดีๆ แล้วลิสต์รายการออกมาให้ชัดเจนว่า ในตอนนี้ มีสิ่งไหนที่เธอ ' จำเป็นต้องใช้เงินซื้อ ' บ้าง แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในอนาคต ความจำเป็นในการดำเนินชีวิต


อาจหมายถึงของที่ต้องใช้ตอนนี้อย่างเดียว หรือรวมของที่ต้องซื้อในอีก 3-5 ปีข้างหน้าด้วย เพื่อสาวๆ จะได้วางแผนการเงินได้แม่นยำที่สุดนั่นเองค่ะ ย้ำว่าของที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ใช่แค่กิเลสอยากได้!

ของเหล่านั้นอาจจะเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ( ที่จำเป็นต้องซื้อ เพราะสายงานที่ใช้ ทำงานผ่านมือถือสะดวกกว่า ), รถยนต์ ( เพราะที่ทำงานเดินทางไกล หักลบค่าเดินทางแล้ว ซื้อรถคุ้มกว่า ), เสื้อผ้าคัตติ้งเนี้ยบๆ ( เพราะต้องพบลูกค้า สร้างความน่าเชื่อถือ ราคาอาจจะสูงหน่อยแต่ใช้ได้นาน คุณภาพดี ) เป็นต้น

จากนั้นเลือกของที่จำเป็นที่สุดมา 1 อย่าง แล้วตั้งงบที่สมเหตุสมผลที่สุด แล้วเริ่มเก็บเงินเพื่อของชิ้นนั้นทันที เมื่อเก็บเงินถึงแล้วก็เลือกเป้าหมายเป็นของชิ้นอื่นต่อ สลับกันไปเรื่อยๆ

ข้อดีของการทำแบบนี้คือ เธอจะแน่ใจว่าเงินที่เสียไป เป็นของที่จำเป็น และได้กลับคืนมาเป็นชิ้นเป็นอันแน่ๆ และช่วยให้วางแผนชีวิตได้ด้วยว่า ยังมีของที่ต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ ทำให้มีสติ ลดกิเลสในการอยากซื้อของไร้สาระไปโดยปริยาย

2. สร้าง 'บัญชีเงินเก็บ' เงินเดือนออก ให้ตั้งโอนไปบัญชีนั้นอัตโนมัติ!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5244c464a05320aa0e0690d06594f7d8.jpg

สาวๆ บางคนติดช้อปปิ้งออนไลน์ พอเงินเดือนออก เอาละ ต้องขอเข้าแอปว่ามีอะไรลดบ้าง กดสั่ง กด F กันสนุกเลย รู้ตัวอีกทีเงินเดือนเหลือไม่กี่พัน ( บางคนเหลือหลักร้อย... ) ที่เหลือเข้ากระเป๋าพ่อค้าแม่ค้าหมดแล้ว -_-

ไม่เป็นไรค่ะ ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่นับจากนี้เธอต้องดัดนิสัยตัวเองด้วยการเปิด' บัญชีเงินเก็บแบบหักเงินอัตโนมัติ 'ถ้าอยากมีเงินก้อนไว้ใช้ค่ะ!

ไปธนาคาร สร้างบัญชีเงินฝากแบบที่ตัดเงินจากบัญชีเงินเดือนอัตโนมัติ ห้ามทำบัตรเอทีเอ็ม ฝากอย่างเดียว ห้ามถอนยกเว้นกรณีสำคัญจริงๆ เช่นตัวเองหรือพ่อแม่ป่วยหนัก หรือมีของชิ้นใหญ่ที่ต้องซื้อเท่านั้น


วิธีนี้จะทำให้อุ่นใจได้ว่า เมื่อถึงวันเงินเดือนออก เงินก็ถูกหักเป็นเงินเก็บไว้ส่วนหนึ่งแล้ว ถึงจะสติหลุดใช้เงินที่เหลือจนหมด ก็ยังมีเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินชัวร์ๆ

3. ถ้ารู้ว่าเป็นคนคุมเงินไม่อยู่ ก็อย่าทำ 'บัตรเครดิต'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/022c83c06bdb39f4056eaa0b73e9f13c.jpg

บัตรเครดิตก็คือดาบสองคม! แม้จะมีข้อดีมากมาย ทั้งเก็บแต้มไว้ cash back เวลาช้อปปิ้ง, ใช้จ่ายล่วงหน้าได้ตอนยังไม่มีเงินสดติดตัว หรือเงินเดือนยังไม่ออก, ไม่ต้องรอเงินทอน เศษสตางค์ รูดปื๊ดเดียวเสร็จ แต่ข้อเสียก็น่ากลัวไม่เบา

ถ้าอยู่ในมือของคนที่บริหารเงินไม่เป็น พังกันมามากเท่าไหร่แล้วกับการผ่อน 0% จนยอดทบต้นทบดอก รูดช้อปปิ้งจนเกินโควต้า หาเงินมาจ่ายไม่ไหว ต้องเปิดบัตรใหม่มาเพิ่ม ทบกันไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเป็นหนี้ โดนฟ้องล้มละลายหมดตัว

ถ้ารู้ตัวว่าคุมตัวเองไม่ได้ มีบัตรในมือต้องใช้เรียบแน่ๆ ก็ตัดไฟแต่ต้นลม อย่าทำ ' บัตรเครดิต ' เสียตั้งแต่แรกดีกว่า เพราะการจะใช้บัตรเครดิตให้ราบรื่น ต้องมีวินัยทางการเงินและรอบคอบพอสมควร

ยิ่งถ้าหลงๆ ลืมๆ ไม่รู้ว่าต้องครบยอดต้องจ่ายวันไหน ต้องจ่ายไม่เกินวันที่เท่าไหร่ เผลอจ่ายเกินเดตไลน์จนมีดอกเบี้ยประจำ แบบนี้ใช้แค่บัตรเดบิต โอนเงินธรรมดาก็พอค่ะ ป้องกันการเป็นหนี้หัวโตไม่รู้ตัว

4. ติดตาม 'พฤติกรรมการใช้เงิน' ของตัวเองทุกวัน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/a1393637ce2ec61bf04355e936481a0d.jpg

แม้จะดูจุกจิกไปนิด แต่การติดตามการใช้เงินของตัวเองในทุกๆ วันก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าเงินหายไปไม่รู้สาเหตุ จะได้สืบได้ว่ามาจากไหน ยิ่งถ้ากำลังผ่อนหรือเก็บเงินซื้ออะไรอยู่ ก็ควรรู้ที่มาที่ไปของเงินทุกบาททุกสตางค์!


จะจดใส่สมุดปกติหรือใช้แอปพลิเคชั่นรายรับรายจ่าย ที่มีให้โหลดฟรีทั่วไปก็ได้ค่ะ ( แต่ถ้าใช้แอพ แนะนำให้ก๊อปปี้ไฟล์เก็บไว้ หรือคัดใส่สมุดอีกทีก็ดีนะคะ กันมือถือพังแล้วข้อมูลหายหมด จากประสบการณ์ตรง )

จดให้หมดทั้งค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าเครื่องสำอาง ค่ารถ ใครที่อยู่หอแล้วทำเรื่องให้ค่าไฟ ค่าน้ำ ตัดผ่านธนาคารอัตโนมัติ ก็ควรไปดูบิลย้อนหลังแล้วเอามาใส่ในรายจ่ายด้วย เพราะบางทีพอไม่ได้กดจ่ายเอง เราก็จะลืมว่ามีรายจ่ายนี้ด้วย

และอย่าลืมเช็คความถูกต้องทุกเดือน ว่าเงินเก็บที่เหลือกับรายจ่ายที่หายไปสมดุลกันไหม หรือถ้าขยันพอจะเช็คทุกสัปดาห์ก็ยิ่งดี เมื่อชินเป็นนิสัยแล้ว เธอจะขนลุกว่าเงินที่หายไปเป็นพันๆ ก็มาจากการเสียหลักสิบ หลักร้อยที่เราจ่ายแบบไม่คิดอะไรในทุกๆ วันนั่นแหละ T^T

5. ทำ 'ข้าวกล่องโฮมเมด' ไปกินเองที่มหาลัย / ที่ทำงาน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/75cf59d22db82ce1264e1c6a0e2df71c.jpg

สาวๆ ที่เรียนหรือทำงานในย่านใจกลางเมืองที่อาหารแพงลิบ จะให้กินข้าวร้านสะดวกซื้อทุกวัน ทั้งผงชูรส สารกันเสีย ก็กลัวตับไตจะพังก่อนวัยอันควร อีกวิธีที่ช่วยประหยัดเงินได้ก็คือ ' ทำข้าวกล่องมากินเอง ' ค่ะ


ใช้เวลาหลังเลิกเรียน/เลิกงาน ไปซูเปอร์ซื้อวัตถุดิบสดๆ แพ็คใหญ่มาทำอาหาร ทำครั้งนึงกินได้เป็นสัปดาห์ หารเฉลี่ยแล้วราคาแต่ละมื้อถูกกว่าซื้อกินแน่นอน ส่วนต่างนั้นจะเป็นเงินเก็บหรือไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นก็ตามสะดวกโลด

ถ้ากลัวกินอย่างเดียวหลายวันจะเบื่อ แนะนำให้มีเมนูหลักไว้ 1 อย่าง เช่น ข้าวผัด ข้าวกล้อง ข้าวสวย แล้วเปลี่ยนกับข้าวให้หลากหลาย เช่น วันนี้ไข่ตุ๋น พรุ่งนี้ไข่ดาว มะรืนไส้กรอกทอด เป็นต้น หรือถ้าไม่ชอบกินข้าว ก็ทำไส้แซนด์วิชไว้ 2-3 แบบ แล้วสลับกันกินกับขนมปังก็ได้


ข้อดีของอาหารโฮมเมดคือเราคุมส่วนผสมและแคลอรี่เองได้ ทั้งปลอดภัยและไม่อ้วน #มันดือมาก (´ ω `♡)

6. เพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง เพื่อหาทาง 'เพิ่มรายได้' ให้มากขึ้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/92238271d6dd7f54707df8e607139c8d.jpg

หากรายจ่าย หรือภาระที่มีนั้น เงินเดือนประจำทางเดียวเริ่มไม่พอ คงถึงเวลาแล้วที่สาวๆ จะหารายได้เพิ่มจากการ ' ทำตัวเองให้มีมูลค่ามากขึ้น ' คิดง่ายๆ ว่าเงินตอบแทนในหนึ่งเดือน แปลว่าเขาคิดแล้วว่าเรามีประสบการณ์แค่นี้ ทักษะแค่นี้ จึงควรได้เงินเท่านี้


ดังนั้นถ้าอยากได้เงินเพิ่ม ก็ต้องพัฒนาทักษะตัวเองให้สูงขึ้นกว่าเดิม ทั้งในแง่ของ hard skill อย่างเรียนต่อปริญญาโท หรือ soft skill จากการฝึกอบรม เรียนออนไลน์ อ่านหนังสือฮาวทูต่างๆ หรือฟัง podcast เสริมความรู้ค่ะ

นอกจากทักษะเฉพาะด้านแล้ว การมีหัวทางครีเอทีฟ สร้างสรรค์ คิดนอกกรอบก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เปิดโลกให้กว้างขึ้นด้วยการเรียนภาษาต่างประเทศใหม่ๆ หาสังคมกลุ่มใหม่ๆ เรียนทำอาหาร เขียนหนังสือ ออกท่องเที่ยว เรียนวาดรูป เรียนดนตรีที่สำคัญคิดบวก มองโลกในแง่ดี มองทุกอย่างว่ามีความเป็นไปได้ ไม่ปิดกั้นตัวเอง แม้จะไม่ได้ความรู้เป็นใบปริญญาอัพวุฒิโดยตรง แต่เธออาจได้ลู่ทางใหม่ๆ ในการทำเงินที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้ค่ะ

7. ไม่ต้องอายที่จะใช้ 'คูปองส่วนลด' ในการช้อปปิ้ง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/582e8981efe780da1b815ee26d828da0.jpg

มีสาวๆ อีกหลายคนที่มี ' คูปองส่วนลด ' หรือพ้อยท์แลกเงินเต็มกระเป๋า แต่ขี้เกียจหรืออายที่จะใช้ เพราะกลัวจะดูเป็นคนงก คนขี้เหนียวหรืออะไรก็ตาม แต่เชื่อไหมว่าแค่คูปองลด 5 บาท 10 บาท ถ้าใช้บ่อยๆ เดือนนึงก็ประหยัดเงินเป็นร้อยแล้วนะ

แถมส่วนใหญ่คูปองพวกนี้ก็อายุการใช้งานสั้น ประมาณ 1-3 เดือนตามโปรโมชั่นเท่านั้น แล้วทำไมจะไม่เอาออกมาใช้ล่ะ จริงไหม?

จะซื้อของกินในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง สกินแคร์ในช้อปก็ตาม ส่วนใหญ่ห้างในไทยจะมีโปรโมชั่นอะไรสักอย่างตลอดอยู่แล้ว ไม่ลดอันนี้ก็อันนั้น

เราก็แค่เช็คว่าตัวเองมีคูปอง มีพ้อยท์ หรือบัตรอะไรที่ใช้แทนส่วนลดได้รึเปล่า ถ้าพอมีเวลาและไม่ลำบากเกิน ก็เทียบราคาดูว่า สินค้าเดียวกันแต่ขายคนละร้าน ร้านไหนขายถูกกว่าก็ไปซื้ออันนั้น นี่ไม่ใช่ความงก แต่เรียกว่าใช้เงินให้คุ้มค่าต่างหากล่ะ (✧ω✧)

รูปภาพ:https://media0.giphy.com/media/3o7aTFWIdZi4kRVijm/giphy.gif

-------------------------------

สำหรับมือใหม่หัดออมเงิน เราเข้าใจดีว่าการลด ละ เลิก นิสัยช้อปปิ้งตามใจอยาก ชอบก็กดซื้อ ใช่ก็พร้อมโอน นี่มันก็ยากพอดู! บางคนไม่เคยเก็บเงินได้มาก่อนในชีวิต ได้มาก็ใช้ออกตลอดแต่ยิ่งอายุมากขึ้น เราควรมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น จะหวังให้ที่บ้านมาซัพพอร์ตตลอดก็คงไม่ใช่ โตแล้วก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ พ่อแม่จะได้ไม่เป็นห่วงและไว้ใจว่าเราจะดูแลตัวเองได้ค่ะ

ออมเงินยังไงก็มีแต่ข้อดี หากเรามีเงินเย็นอยู่ในมือ เมื่อเราอยู่ในจุดที่มีของจำเป็นครบแล้ว เราจะเอาไปใช้จ่ายของฟุ่มเฟือยบ้าง หรือเอาไปต่อยอดก็ได้ แต่ถ้าในเวลาจำเป็นแล้วไม่มีเงิน เมื่อนั้นแหละเดือดร้อนแน่นอน!อยากเป็นคนรวยๆ ก็ต้องหัดเก็บเงินให้อยู่นะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้สาวๆ ทุกคนเด้ออ วันนี้ขอตัวลาไปก่อน บ๊ายบายย