รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/0a/a3/9a/0aa39a06248a04515251b4967e24bc3a.gif

ฮัลโหลค่าา สาวๆSistaCafeคนผมกระดกทั้งหลาย! (〃>_<;〃)ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง~ ต้องร้องเพลงนี้ทุกครั้งเวลาเห็นปลายผมตัวเองในกระจก งอนกระดกเป็นก้นเป็ดเบอร์แรงมากๆ ก็คือผมเสียแตกปลายแหละ ก็ว่าบำรุงผมดีแล้วนะ แต่สงสัยจะยังบำรุงไม่พอ TT^TTผู้หญิงอย่างเราๆ ก็รักเส้นผมยิ่งกว่าชีวิตอะเนอะ #ของรักของข้าาา บางคนไว้ยาวมาหลายปีถึงประบ่า กลางหลัง จะให้คว้ากรรไกรตัดฉับ เหลือเป็นผมติ่งมัธยม หรือสั้นน้อยลงจนทำทรงผมสวยๆ ไม่ได้ก็ทำใจลำบาก เฮ้ออ ทำไงดีล่ะเนี่ย (ಥ﹏ಥ)

เส้นผมของเรา โดยปกติก็มักถูกรบกวนจากแสงแดด ความร้อนจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ฝุ่น สิ่งสกปรกและสารเคมีในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แม้จะดูแลผมดีแค่ไหน ก็มีเปอร์เซนต์ที่ปลายผมจะเสียได้ แต่ทางออกของปัญหานี้ไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการตัดทิ้งเสมอไป!ยังมีหนทางประนีประนอมด้วยการใช้จะมีอะไรบ้างเราไปอ่านกันเลย ☆ ~('▽^人)

1. ไข่แดง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/2722cefc33f9bb22cec54144fa2398d1.jpg

หากพูดถึงสูตรมาส์กผมแบบบ้านๆ ที่ได้ผลที่สุด คงหนีไม่พ้น ' ไข่แดง ' ที่อุดมไปด้วยโปรตีนมีคุณสมบัติเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ผมชั้นดี ซ่อมแซมเกล็ดผมช่วยเยียวยาตั้งแต่โคนจรดปลาย จัดการผมชี้ฟูให้นุ่มสลวยเงางามได้เหมือนครีมนวดผมราคาแพงเลย !( แต่กลิ่น สัมผัสเมือกๆ ของไข่ดิบก็อาจจะรู้สึกหยึยๆ นิดนึง ) นอกจากจะช่วยป้องกันผมแตกปลายได้ดี แม้ผมจะแห้งเสียไปแล้วก็ยังซ่อมได้ค่ะ

วิธีใช้ > ไม่แนะนำให้ใช้แค่ไข่แดงเพียวๆ แต่ควรผสมกับส่วนผสมอื่นๆ ด้วย เพื่อกลบกลิ่นคาวของไข่ และได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นสูตรที่เราแนะนำคือ ใช้ไข่แดง 1 ฟอง ผสมกับน้ำมันมะกอก น้ำมันอัลมอนด์ และน้ำผึ้งอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ กวนให้เข้ากันจนได้เนื้อมาส์กเหลวๆ นำมาหมักผมทิ้งไว้ 30-45 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้สะอาดทำเป็นประจำต่อเนื่องอย่างน้อยหนึ่งเดือน ปลายผมจะนุ่มขึ้นจนรู้สึกได้

2. เบียร์

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/9162c832d9a83bc0f792d44d3d257a4d.jpg

สาวๆ น่าจะเคยเห็น ' เบียร์ ' เป็นส่วนผสมในแชมพู ครีมนวดแบรนด์ชื่อดังกันอยู่บ้าง เพราะในเบียร์มีโปรตีนและน้ำตาล ซึ่งช่วยซ่อมแซมเกล็ดผมที่แห้งเสีย บรรเทาอาการผมแตกปลาย และยังช่วยให้ผมหนา มีวอลลุ่มมากขึ้นอีกด้วย


ถือเป็นครีมนวดผมจากธรรมชาติชั้นเยี่ยมเลยล่ะค่ะ สาวผมบางต้องชอบ! ทั้งยังมีคุณสมบัติอื่นๆ เช่น กระตุ้นให้ผมยาวเร็วขึ้น และทำให้เส้นผมชุ่มชื้นยิ่งขึ้นอีกด้วย

วิธีใช้ > ควรใช้เบียร์ชนิดไม่มีฟองเท่านั้น เบียร์ที่ผสมก๊าซฟองฟู่ จะยิ่งทำให้ผมแห้งเสียนะจ๊ะ!โดยหลังจากสระผมด้วยแชมพูเสร็จแล้ว ให้ราดเบียร์ลงไปบนผมเปียกๆ หมักทิ้งไว้ 2-3 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ได้ผมสวยอย่างที่ตั้งใจไว้ชัวร์!

3. น้ำผึ้ง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/14bf751a65f8ad4fb7986898ebe7b825.jpg

น้ำผึ้ง ชื่อนี้ไม่ต้องพูดเยอะ! ขึ้นชื่อเรื่องมอยส์เจอไรเซอร์เก่าแก่มาตั้งแต่พระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์โบราณ ทำให้สุขภาพผิวกายและเส้นผมเปลั่งปลั่ง เงางาม

น้ำผึ้งมีสาร humectant ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ป้องกันผิวแห้ง รวมถึงหนังศีรษะที่แห้งลอก เมื่อชโลมน้ำผึ้งก็ทำให้ชุ่มชื้น สะอาดจากคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรีย รวมถึงซ่อมผมแตกปลาย ต่อมรากผม ( hair follicles ) แข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ

วิธีใช้ > ไม่ควรใช้แค่น้ำผึ้งผสมกับน้ำเปล่า จะทำให้ผมเหนียวพันเป็นสังกะตังยิ่งกว่าเดิมได้

ควรผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ น้ำมันมะกอกและไข่แดง จะได้สูตรที่ทั้งทำความสะอาดและบำรุงผมในคราวเดียวกัน! ผสมส่วนผสมทั้งหมด แล้วนำไปหมักเส้นผม ชโลมให้ครอบคลุมถึงบริเวณหนังศีรษะด้วย หมักไว้ 20-25 นาทีแล้วล้างออก ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

แล้วเตรียมรอรับเส้นผมที่นุ่มสลวยเหมือนผมใหม่กันได้เลย! #เตรียมสยายผมสวยๆ

4. ดอกคาโมไมล์ ( Chamomile )

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/73c3e14355b68ad965a5ec6b5c715607.jpg

ไม่ใช่แค่ดอกไม้ที่สูดกลิ่นเพื่อผ่อนคลาย บรรเทาความเครียดเท่านั้น แต่ ' ดอกคาโมไมล์ ' กลีบสีขาว เกสรสีเหลืองสุดน่ารักนี้ เป็นส่วนผสมชั้นยอดในการเยียวยาผมแห้งเสียชี้ฟูค่ะ!

ด้วยคุณสมบัติเป็น antiseptic จึงช่วยฆ่าเชื้อและกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ทำให้ผมยาวได้ดีขึ้น ใช้คาโมไมล์บำรุงผมเป็นประจำ จะช่วยป้องกันผมแห้งเสียแตกปลาย และทำให้หนังศีรษะสะอาดสดชื่น

วิธีใช้ > เราจะไม่ใช้ตัวดอกไม้สดเพียวๆ แต่จะใช้ในรูปแบบ ' ชาคาโมไมล์ ' ทำความสะอาดเส้นผม ให้ผมสวยเงางามเพียงนำชาคาโมไมล์ยี่ห้อใดก็ได้ ( ถ้าเป็นแบบถุงตาข่าย ด้านในใส่ดอกคาโมไมล์อบแห้งจะดีมาก แต่ถ้าไม่มีใช้แบบถุงชาธรรมดาก็ได้ ) แช่ในน้ำร้อน ทิ้งไว้จนเย็น จนสารต่างๆ ในดอกไม้ซึมเข้าไปในน้ำชา กรองน้ำด้วยผ้าขาวบาง แล้วนำน้ำนั้นไปล้างเส้นผมได้เลยหลังสระผมเสร็จ สามารถใช้ออยล์คาโมไมล์นวดส่วนหนังศีรษะและปลายผม จะได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น

5. มะละกอสุก

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/0446ec3df98eeb0e3072c03c14037aa4.jpg

แม้สาวๆ ส่วนใหญ่จะมีภาพจำของมะละกอสุกว่า เป็นผลไม้ช่วยลดน้ำหนักและขับถ่าย แต่ยังมีคุณสมบัติลับอย่างการ ' ซ่อมผมแตกปลาย ' ด้วยนะคะซิส!


เพราะเขามีกรดโฟลิก ( folic acid ) ที่ช่วยกระตุ้นระบบเลือดในร่างกาย รวมถึงช่วงหนังศีรษะให้ไหลเวียนได้ดี และยังมีวิตามินเอ ที่ช่วยกระตุ้นให้ผลิตซีบัม น้ำมันตามธรรมชาติในร่างกาย ทำให้หนังศีรษะและต่อมรากผมชุ่มชื้นอยู่เสมอ ผมยาวเร็วขึ้นด้วยค่ะ

วิธีใช้ >นำมะละกอสุกไปบด หรือปั่นรวมกับโยเกิร์ต ให้ได้เนื้อครีมเนียนๆ แล้วนำไปหมักผมทิ้งไว้ 30-45 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นทำต่อเนื่องสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ผมแตกปลายเกิดใหม่จะน้อยลง ผมชี้ฟูลดลง เรียบลื่นยิ่งขึ้น

6. น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil )

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/92890a1ed1932c10c5162791cc3984a9.jpg

ง่ายที่สุด เร็วที่สุด แถมกลิ่นหอมหวานรัญจวนใจ ต้องขอมอบมงให้ ' น้ำมันมะพร้าว ' ! นอกจากจะใช้ได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวกายให้เนียนนุ่ม กินวันละช้อนช่วยเพิ่มไขมันดี ลดความอ้วนแล้ว ยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากหนังศีรษะได้ดี


เคลือบปิดเกล็ดผมที่แห้งเสีย ผมแข็งแรงมีวอลลุ่มมากขึ้น ผมแตกปลายลดลง ลดผมร่วงและแห้งเสียได้ดีที่สุด เป็นนัมเบอร์วันที่ควรมีติดตู้กับข้าวไว้เลย!

วิธีใช้ > ไม่จำเป็นต้องผสมกับวัตถุดิบอื่นๆแค่ใช้น้ำมันมะพร้าวเพียงอย่างเดียว นำมาวอร์มบนฝ่ามือให้อุ่น แล้วนำไปนวดบริเวณหนังศีรษะ ลูบไล้เส้นผมตั้งแต่โคนจรดปลาย ให้ออยล์เคลือบทั่วทั้งเกล็ดผม หมักทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมงแล้วล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ( หากกลัวล้างไม่หมดก็ใช้น้ำอุ่นได้ )ทำสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอ ผมหนามีวอลลุ่มไม่เกินรอแน่นอน!

7. ว่านหางจระเข้ ( Aloe Vera )

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/59c4b87fd397fb06c9c98a6f116b80d3.jpg

อะโลเวร่า หรือว่านหางจระเข้ มีหลายงานวิจัยพิสูจน์แล้วว่า ช่วยเยียวยาผมแห้งเสียและแตกปลายได้ชะงัด!

เพราะ

มีเอนไซม์  proteolytic ช่วยขุดเอาเซลล์ผิวหนังศีรษะที่ตายแล้วออกมาให้สะอาด ทำให้เส้นผมงอกได้เร็วขึ้น สุขภาพผมดีขึ้น และยังมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ ทำให้หนังศีรษะเย็นสบายสดชื่น กำจัดสิ่งสกปรก

หากต้องการดีท็อกซ์หนังศีรษะ ว่านหางคือคำตอบค่ะ

วิธีใช้ >หากมีว่านหางจระเข้สด ให้ใช้มีดผ่านำวุ้นใสๆ ออกมา ใช้ประมาณ 2-3 ใบกำลังดี หากไม่มี ใช้เจลอะโลเวร่าแทนก็พอถูไถไปได้ ไม่ต้องผสมอะไร นำไปหมักเส้นผมได้เลย ( อาจจะมีสัมผัสเหนียวๆ เละๆ นิดนึง ทนหน่อยนะ คุ้มค่าชัวร์! ) ทิ้งไว้ 30-40 นาทีแล้วล้างออกแนะนำให้ล้างด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน เพราะแค่น้ำเปล่าอย่างเดียวอาจล้างไม่หมดค่ะ ^^'''

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/4e/69/6d/4e696dfdfa1aace1094f0d718e213fca.gif

-----------------------------------

สบายใจได้ ผมยาวที่สาวๆ หวงแหนจะไม่ถูกตัดจนแหว่งวิ่นจนไม่กล้าออกไปพบเจอผู้คนแน่นอน เพียงทำตาม 7 สูตรง่ายๆ ป้องกัน เคลือบบำรุงผมแตกปลายในบทความนี้! บางสูตรเน้นเคลือบผมให้นุ่มสลวยโดยเฉพาะ บางสูตรเน้นป้องกันและทำความสะอาดเส้นผม ก็เลือกใช้ตามสไตล์และความสะดวกในการหาวัตถุดิบของซิสกันได้เลย ไม่ว่าจะเลือกใช้สูตรไหน ขอให้มีวินัยทำเป็นประจำ ปล่อยให้สารจากธรรมชาติเข้าไปฟื้นฟู แก้ไขปัญหาเส้นผม ไม่นานผมเป็ดก๊าบๆ ก็พร้อมสยายปีกเป็นหงส์สุดสวย จนดูไม่ออกเลยว่าผมเคยเสียมาก่อน  อิอิ (¬‿¬ ) สำหรับวันนี้เราขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่า