สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeคนอยากผิวดี ผิวสวยทุกคน (*˘︶˘*).。.:*♡ในยุคนี้มีสกินแคร์ส่วนผสมล้ำๆ แพงๆ ที่โฆษณาว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวแบบ 10 in 1 ออกมามากมาย คลินิกดูแลผิวก็มักมีคอร์สมหัศจรรย์ประเภทที่ว่า แค่ฉีดๆ ทาๆ ไม่กี่ครั้ง ( ในราคาสูงลิบลิ่ว ) ก็มีผิวสวยเรียบเนียนเหมือนผิวดีมาตั้งแต่เกิดได้ซึ่งสาวๆ มากมายที่ชีวิตเร่งรีบ ไม่มีเวลา และเอาจริงๆ ก็ขี้เกียจ จึงซื้อสกินแคร์ราคาฟันหัวแบะเหล่านี้มาใช้ หรือซื้อคอร์สเหล่านี้เพื่อหวังกู้ผิวตัวเอง ซึ่งระหว่างทำน่ะผิวก็ดูดีอยู่หรอก แต่พอจบคอร์ส หรือใช้ครีมหมดขวดเท่านั้นแหละ เหมือนฤทธิ์เวทมนตร์หายวับ ผิวหน้าผิวตัวก็กลับมาอยู่สภาพเดิม งง ที่ผ่านมาฉันแค่ฝันไปเหรอ//แต่จ่ายเงินไปจริงๆ นี่สิ... #ร้องไห้หนักมากไม่ว่าเธอจะมีสภาพผิวแบบไหน การใช้ทางลัดเหล่านี้ก็ให้ผลได้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ เท่านั้น อยากมีผิวสวยนานๆ ต้องปูพื้นบำรุงสภาพผิวตั้งแต่พื้นฐาน ด้วย' 7 หลักพื้นฐานสำคัญใน SkinCare Routine ของสาวผิวสวย 'ควบคู่กับสกินแคร์ที่ไม่จำเป็นต้องแพง แต่ต้องมีวินัยใช้เป็นประจำเท่านั้นเองอยากมีผิวสวยเป๊ะต้องทำยังไงบ้าง เราไปดูกันเลยดีกว่าค่า Let's Go Girl!

1. บำรุงผิวดีแค่ไหน ถ้าไม่ทา 'ครีมกันแดด' ทุกวัน ก็ไร้ค่า!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/21d804b1b53bbc6baa27bf9b7424144f.jpg

ถ้าต้องไปติดเกาะห่างไกล แล้วต้องเลือกสกินแคร์ไปด้วยได้แค่อย่างเดียว เรา recommend แรงๆ ให้เลือก ' ครีมกันแดด ' เพราะเป็นไอเทมช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวถึงชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว!

จะในวันแดดจัด วันฝนตก หรือวันฟ้าครึ้ม แสงแดดก็ยังส่องรังสียูวีผ่านชั้นบรรยากาศลงมาอยู่ดี เธอจึงต้องทาครีมกันแดดทั้งผิวหน้าและผิวกายทุกวันให้ติดเป็นนิสัยค่ะ ห้ามลืมเด็ดขาด!

หากลืมทากันแดดเป็นเวลานาน จะสังเกตได้เลยว่าผิวจะหมองคล้ำและมีริ้วรอยมากขึ้น เรียกง่ายๆ ว่า' ผิวดูแก่ลง 'เพราะรังสียูวีจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ถ้าเป็นเด็กๆ หรือวัยรุ่นยังกู้ผิวได้เร็ว แต่หากอายุ 25 ปีขึ้นไปเมื่อไหร่ล่ะก็ ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนน้อยลงเรื่อยๆ


ผิวจะเริ่มแห้งกร้าน มีริ้วรอยและจุดด่างดำ ฝ้ากระก็มา ผิวไม่อิ่มเด้งเหมือนก่อน หากมีปัจจัยกระตุ้นอย่างแสงแดดเข้าไปอีก ผิวอาจพังถาวรเลยก็เป็นได้! โดยเลือกที่เหมาะกับสภาพผิว ถ้าผิวมันก็ใช้แบบเจลหรือโลชั่น ผิวแห้งก็ใช้แบบครีม ถ้าผิวผสมก็เลือกที่เหมาะกับสภาพผิวในช่วงนั้นๆ ค่ะ

2. ทำความสะอาดผิวหน้า 'เช้า-เย็น' ห้ามขี้เกียจ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/1268169ea72d43de04814a5adf2154da.jpg

แม้จะขี้เกียจ หรือตื่นสายแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ควรล้างหน้าต่ำกว่า 2 ครั้งต่อวัน คือช่วงเช้าและเย็น ยิ่งในสภาพอากาศร้อนชื้น ชวนให้ตัวเหนียวหนับอย่างประเทศไทย

การปล่อยผิวสกปรกๆ ไว้หลายชั่วโมงต่อเนื่องโดยไม่ทำความสะอาด ทั้งฝุ่น น้ำมัน เหงื่อ สิ่งสกปรก คราบเมคอัพ มลภาวะใดๆ ยกทัพกันเข้ามาเกาะผิวแบบ non stop แน่นอน นานเข้าถ้าสิวไม่บุก ผิวก็จะหมองคล้ำ ดูไม่กระจ่างใสค่ะ

ทั้งนี้การล้างหน้าโดยใช้โฟม SLS ที่เป็นด่างเกินไป หรือล้างบ่อยเป็นสิบๆ ครั้งก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะผิวหน้าก็ยังต้องการน้ำมันมาหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติ สภาพผิวที่แห้งผากที่บางคนอาจคิดว่าดี อาจกระตุ้นให้ร่างกายคิดว่าผิวไม่สมดุล จึงระคายเคืองและมีสิวเกิดขึ้นใหม่ได้ ( ใช่ค่ะ สิวจะขึ้นไม่ใช่เพราะผิวมันอย่างเดียว ผิวแห้งก็เกิดได้เช่นกัน )

หากเป็นสาวผิวแห้งมาก ช่วงเช้าจะล้างด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว หรือใช้โฟมสูตรอ่อนโยนจะดีกว่า แล้วค่อยล้างด้วยรีมูฟเวอร์และโฟมล้างหน้าแบบจัดเต็มสองรอบ ( Double Cleansing ) ในตอนเย็นค่ะ

3. สครับ ผลัดเซลล์ผิวหน้า-ผิวตัว ทุกสัปดาห์ ถ้าไม่อยากผิวหมอง!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/ce57a4a21f4cf60f3888545517445c36.jpg

ไม่ว่าสาวๆ จะมีสีผิวแบบไหน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะดูผิวหมองลงได้ ไม่ใช่แค่สาวผิวขาวเพียงอย่างเดียว และสาเหตุก็คือเธออาจไม่ได้ ' ผลัดเซลล์ผิวหน้า ' ได้บ่อยมากพอ บางคนกลัวเจ็บจึงไม่ยอมแตะสครับเลย แต่ที่จริงอายุยิ่งมากขึ้น ยิ่งต้องเริ่มหัดใช้สครับ

เพราะร่างกายผลัดเซลล์ผิวเก่าได้ช้ากว่าเดิม จากที่รอบปกติคือ 28 วัน ก็อาจนานกว่านั้น และบางทีก็ผลัดได้ไม่หมด มีสิ่งตกค้างหลงเหลือเพราะเซลล์ไม่แข็งแรงเหมือนสาวๆ วัยรุ่นนั่นเอง

สครับจึงถือเป็นตัวช่วยชั้นเยี่ยม ให้ผิวหน้า ผิวตัวกระจ่างใสอยู่เสมอ กระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอก กระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ เลือกเป็นสูตรอ่อนโยน เกล็ดไม่ใหญ่บาดผิว แต่ก็ไม่ควรใช้บ่อยจนเกินไป ไม่ใช่ขัดหน้ามันทุกวัน กลัวหน้าไม่ใส

อันนี้ก็เกินลิมิตไป เดี๋ยวผิวจะระคายเคืองจนเป็นแผลแทน แค่สัปดาห์ละครั้งก็นับว่าเพียงพอแล้ว! ( หากมีผิวที่ค่อนข้างแข็งแรงไม่แพ้ง่าย ถ้าอยากขัดทุกวันก็ใช้สครับเนื้อละเอียดและนุ่มนิดนึง แต่ยังไงก็แนะนำว่าสัปดาห์ละครั้งก็พอ )

4. จะมีสภาพผิวแบบไหน ก็ต้องใช้ 'มอยส์เจอไรเซอร์' คนผิวมันก็ต้องทา!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/90d23bce71a634e6ce602da0aa386175.jpg

หลักพื้นฐานในการบำรุงผิว จะผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ยังไงก็ต้องใช้ ' มอยส์เจอไรเซอร์ ' อยู่ดี หนีไม่พ้นหรอกค่ะซิส แค่ต้องเลือกประเภทเนื้อให้เหมาะกับผิวเท่านั้นเอง!

เพราะผิวของเรามีการผลัดเซลล์เก่าออก และสูญเสียความชุ่มชื้นออกไปในทุกๆ วัน ยิ่งอายุที่ไม่ใช่เด็กแล้ว น้ำในผิวก็จะระเหยออกไปเยอะขึ้น น้ำมันบนผิวน้อยลง กลับมาเต่งตึงแบบเดิมได้ยากขึ้น จึงต้องใช้ครีมบำรุงอยู่เสมอทั้งเช้า-เย็น

สาวผิวมันหลายคนปฏิเสธที่จะทาครีม กลัวผิวเหนียวเหนอะหนะ กลัวสิวขึ้นด้วยความเชื่อใดๆ ก็ตาม ถ้าไปถามหมอผิวหนังจะรู้เลยว่าเป็นความคิดที่ผิดมาก!

เพราะคนผิวมันมากมายที่ชั้นผิวข้างในแห้งมาก ต่อมไขมันจึงถูกกระตุ้นให้ผลิตออกมามากขึ้นเพื่อรักษาสมดุล ทำให้ผิวชั้นนอกดูมัน แต่จริงๆ มันขาดความชุ่มชื้นขั้นรุนแรงเลยล่ะ ดังนั้นอย่าลืมทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการใช้สกินแคร์ เพื่อให้ผิวสวยนุ่มเด้งทุกครั้งที่สัมผัสนะคะ

5. น้ำเปล่า คือมอยส์เจอไรเซอร์แบบดื่มที่ราคาถูกที่สุดแล้ว ดื่มเยอะๆ!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/9e2049d9ab3417196f0d3afc970f3391.jpg

นอกจาก ' น้ำเปล่า ' จะมีคุณประโยชน์มากมายในด้านสุขภาพ เช่น ช่วยดีท็อกซ์ระบบในร่างกายให้สะอาด, ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนเป็นปกติ, รักษาสมดุลกรดด่างในเลือดแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิว

ทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ไม่ต่างกับครีมบำรุงผิวเคาน์เตอร์แบรนด์เลย จะบอกว่าน้ำเปล่าเป็นมอยส์เจอไรเซอร์แบบดื่มที่ราคาถูก ปลอดภัยสำหรับสาวๆ ทุกคนก็ยังได้

ใครที่ปกติดื่มน้ำน้อยในชีวิตประจำวัน อายุยังน้อยอาจยังไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน แต่เมื่ออายุเลย 25 ขึ้นไป จะเห็นเลยว่าสุขภาพร่างกายและผิวแย่ลง ผิวดูเหี่ยวๆ ริ้วรอยเยอะกว่าที่ควรเป็น จึงควรปรับนิสัยให้ชินซะตั้งแต่วันนี้ พยายามดื่มให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วหรือ 2 ลิตร ( ถ้าเทียบกับน้ำขวดใหญ่ ก็ดื่มขวดครึ่ง )


ลองดื่มต่อเนื่องสักเดือน ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวจนรู้สึกได้แล้ว ผิวจะใสๆ เต่งๆ เด้งเหมือนมีน้ำห่อหุ้มอยู่ข้างใน ถ้าไม่เชื่อก็ทดสอบดูได้เลย ♡ ~('▽^人)

6. สิวบนหน้าจะยั่วยวนใจแค่ไหน ก็ยั้งมือไว้ อย่าไปบีบเด็ดขาด

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/eaff023b627c9a692640e7c7ecb223ac.jpg

รู้ว่าสิวอักเสบเม็ดใหญ่บนหน้าน่ะมันยั่วยวนใจ ชวนให้เอานิ้วมือไปบีบสุดๆ แต่ถ้าอยากผิวสวยเรียบเนียน ยังไงก็ต้องข่มใจไว้!


เพราะรอยสิวบนผิวหน้าน่ะ ถ้าเกิดขึ้นแล้วโอกาสที่ผิวจะกลับมาเรียบเนียน 100% นั้นน้อยมากหากไม่ไปเลเซอร์ ซึ่งราคาสูงลิบลิ่วสำหรับนักเรียนนักศึกษา แก้ไขที่ต้นเหตุด้วยการไม่ไปบีบให้เกิดรอย เกิดแผลเป็นแต่แรกจะดีที่สุดค่ะ

ไม่ใช่แค่บีบสิวนะ แต่ไม่ควรเอามือไปสัมผัสเลยด้วยประการทั้งปวง! เพราะในวันๆ หนึ่ง เราใช้มือหยิบจับสิ่งของมากมาย ราวบันไดเอย กลอนประตูเอย โต๊ะทำงานเอย ที่แฝงไปด้วยสิ่งสกปรกและเชื้อโรคเต็มไปหมด

ยิ่งจับหน้าบ่อยๆ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เชื้อโรคเข้าไปเกาะ อุดตันรูขุมขนกันเพลินเลย ดังนั้นอย่าเสี่ยงจะดีกว่า เอามือให้ห่างๆ ใบหน้าเข้าไว้ค่ะ ฮึบ!!

7. เช็ดเครื่องสำอางบนหน้าให้เกลี้ยง 'ทุกครั้ง' ก่อนเข้านอน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/c3986f202724ccfe9798208d6307f197.jpg

จะแต่งหน้าอ่อนๆ พอกรุบกริบ หรือแต่งจัดหนักจัดเต็มไปปาร์ตี้แดนซ์ยับมา ก็ต้องเช็ดเครื่องสำอางให้เกลี้ยงทุกครั้งก่อนนอน อย่าหลับไปเฉยๆ ทั้งที่เมคอัพยังคาอยู่เต็มผิวหน้าโดยเด็ดขาด


ถ้าผิวหน้าไม่แข็งแกร่งจริง เช้าวันรุ่งขึ้นสิวขึ้นเรียงเป็นเม็ดๆ ตามแก้มหรือคางแน่นอน อย่าหาทำ พอมีสิวแล้วมันแก้ให้เรียบเนียนเหมือนเดิมยาก!

โดยปกติผิวหน้าของเรา ถึงไม่แต่งอะไรเลย หลังล้างหน้าเสร็จ ผ่านไปหลายๆ ชั่วโมงก็จะเริ่มมีฝุ่น สิ่งสกปรกลอยมาตกที่ผิวอยู่แล้ว ไหนจะน้ำมันที่ร่างกายผลิตตามธรรมชาติอีก ยิ่งแต่งหน้ามาทั้งวัน ผิวก็ยิ่งเสี่ยงเป็นสิวมากขึ้น จึงต้องทำความสะอาดให้หมดจด


แนะนำให้ใช้คลีนซิ่งสูตรไมเซลลาร์เหยาะสำลี เพื่อเช็ดส่วนดวงตาและปาก ส่วนผิวหน้าให้ใช้คลีนซิ่งออยล์ เพื่อไม่ให้ผิวโดนสำลีเสียดสีจนระคายเคือง และไม่ทำให้หน้าแห้งจนเกินไปด้วยค่ะ

รูปภาพ:https://beautyinsider.sg/wp-content/uploads/2020/06/gif-1.gif

------------------------------

เรากล้าการันตีเลยว่า ขอแค่ทำตามหลัก 7 ข้อนี้ใน Skincare Routine พื้นฐานในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ผิวก็มีสภาพดี เด้ง อิ่มฟูได้โดยไม่ต้องพึ่งคอร์สคลินิกแสนแพง หรือสกินแคร์ราคาขูดเลือดอีกต่อไป ไม่ปฏิเสธหรอกว่าของเหล่านั้นช่วยกอบกู้สภาพผิวในระยะสั้นได้จริง แต่ถ้าเราไม่มีวินัยกับผิว ทำบ้างไม่ทำบ้าง ปล่อยปละละเลยตามยถากรรม ผิวก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม หรืออาจแย่กว่าเดิมตามอายุที่มากขึ้น! จึงควรรักษา คงสภาพผิวที่ดีไว้เรื่อยๆ จะได้ดูสวยไปอีกหลายสิบปีนะคะถ้าผิวสวยเราก็จะดูบุคลิกดี มีเสน่ห์มากขึ้นด้วยเนอะ สำหรับวันนี้เราต้องขอตัวลาไปก่อนละน้า พบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่า

♡(。- ω -)