รูปภาพ:https://media1.giphy.com/media/l2JhpjWPccQhsAMfu/200.gif

ฮัลโหลค่า สาวๆSistaCafeที่กำลัง' เซ็งเป็ด 'กันทุกคน (´-ω-`)ใช้ชีวิตปี 2020 มาแป๊บๆ ก็ใกล้จะเข้าคริสต์มาส ขึ้นปีใหม่แล้ว รู้สึกว่าปีนี้ยังไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตเท่าไหร่เลยเนอะ ด้วยสถานการณ์เชื้อโรคระบาด ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก รวมถึงการใช้ชีวิตของคนในหลายประเทศ รวมถึงไทยเปลี่ยนไปตลอดกาลบางคนที่มีแพลนต้องไปเรียนหรือทำงานต่างประเทศ ก็ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ไม่รู้น่านฟ้าจะเปิดอีกเมื่อไหร่ สำหรับบางคนเหมือนชีวิตพังไปเลยก็มี แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เหนือการควบคุมน่ะนะ... (╥﹏╥)บางคนก็ยังมีกำลัง มีเงินทุนเหลือไปทำงานอดิเรก ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่บางคนเงินหมด ก็ต้องไปทำงานหารายได้ให้พ้นไปแต่ละวัน ใช้ชีวิตวนลูป ตื่น ไปทำงาน นอน ต่อเนื่องเป็นไลฟ์สไตล์แบบเดิมๆ ก็ทำให้รู้สึกเบื่อ ท้อ สิ้นหวังและหมดไฟขึ้นมาได้ในบทความนี้จะมาเตือน' 7 สัญญาณบอกชัดว่า เธอควรเปลี่ยนชีวิตเดิมๆ ที่เป็นอยู่ 'ถ้าเข้าข่ายแม้แต่ข้อเดียว แปลว่าได้เวลาปรับชีวิตในปีหน้าให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้แล้ว บอกเลยว่า ยิ่งรู้ตัวเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันค่ะ

1. ไม่มีจุดมุ่งหมายว่า 'จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5b6372d7089c511787ef07a729cbbece.jpg

มนุษย์ทุกคนจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหรือไม่ หลักๆ ขึ้นอยู่กับ ' ความหวัง ' ถ้าไม่มีเป้าหมายหรือความหวังอะไรในชีวิต ทุกอย่างที่ทำจะดูไร้ความหมาย ไร้ค่าไปในทันที อารมณ์ที่เคยร่าเริงก็จะดิ่ง หม่นและเศร้าได้ง่ายมาก ซึ่งแต่ละคนก็มีความหวังในชีวิตแตกต่างกันไป

เช่น อยากรวย, อยากเรียนต่อถึงปริญญาโท, อยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน, อยากไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ แต่ถ้าจุดมุ่งหมายคือความว่างเปล่า เธอก็จะหมดไฟ ไม่กระตือรือร้นใดๆ ในชีวิต ซึ่งส่งผลกับกำลังกายและประสิทธิภาพในสมองในอนาคตด้วยค่ะ

ลองถามตัวเองง่ายๆ ดูว่า " ตอนนี้มีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร " ไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน ตอบให้ได้ภายใน 3 วิ ถ้าคิดไม่ออก อึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไงดีนั่นแหละสัญญาณชัดว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ตอบโจทย์แล้ว ต้องหาทางเปลี่ยนไลฟ์สไตล์อย่างด่วนจี๋!!

2. อารมณ์เฉยมาก ใช้ชีวิตไปวันๆ ถ้าเป็นกราฟหัวใจคือ 'เส้นตรง' ตลอด

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/ca838a54ca7abd27b7db79cd11337b90.jpg

จะสังเกตว่า คนที่ได้ใช้ชีวิตสนุกตามใจตัวเอง หรือแพลนชีวิตเป็นไปตามที่วางไว้ กราฟอารมณ์จะมีการขยับขึ้นลงตลอด มีเรื่องให้รอคอย ตื่นเต้น มีความสุข ระทึก ผิดหวังบ้าง เสียใจบ้าง แต่สุดท้ายก็จะลุกขึ้นมายืนและร่าเริงได้ใหม่ เพราะใจลึกๆ เขามั่นใจว่าจะไปถึงเป้าหมายได้นั่นเอง

ในทางกลับกัน ถ้าสังเกตตัวเองแล้วว่าอารมณ์นิ่งเฉยมาก ดูหนัง ฟังเพลง ฟังข่าวเม้าท์ของเพื่อนๆ ก็ไม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไร กินข้าวไม่อร่อย นอนก็ไม่ค่อยหลับ จนแทบจะเข้าข่ายภาวะซึมเศร้าไปแล้ว

สัญญาณข้อนี้บ่งบอกชัดว่าเธอไม่พึงพอใจกับชีวิตปัจจุบันสุดๆ เป็นกราฟหัวใจก็เป็นเส้นตรงที่เหมือนคนตายไปแล้ว ลองถามตัวเองว่า " ตอนนี้อะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกแฮปปี้ได้บ้าง " ถ้าไม่มีคำตอบเลย หรือเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ชั่วครั้งชั่วคราวที่ไม่ทำให้ชีวิตโดยรวมดีขึ้น นั่นคือไม่โอเคแล้ว


ถ้ายังไม่เริ่มแก้ไขอะไรสักอย่าง อารมณ์ที่นิ่งเฉยก็จะเริ่มดิ่งลงเรื่อยๆ จนมีสภาวะทางจิตผิดปกติได้ในที่สุดค่ะ

3. มีความมั่นใจในตัวเอง (self-esteem) ต่ำลงเรื่อยๆ

รูปภาพ:https://cache.gmo2.sistacafe.com/images/uploads/content_image/image/1019019/1607833799-f7c019a47d4f6420ddc7a809fcfa825c.jpg

หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มีความสุข มีผู้คนรอบข้างที่พร้อมซัพพอร์ตเราในทุกเรื่องที่อยากจะทำ เราจะรู้สึก ' ถูกเติมเต็ม ' ซึ่งส่งผลให้ความมั่นใจและภูมิใจตัวเอง ( self esteem ) อยู่ในระดับสูง


แม้จะมีใครมานินทาว่าร้าย หรือเจอสถานการณ์แย่ๆ ก็จะมีสติตั้งรับได้ดี ไม่คิดโทษตัวเองซ้ำๆ สามารถมองเรื่องด้านลบในมุมที่ดี พร้อมแก้ไขปัญหาได้ เพราะรักตัวเอง คนเหล่านั้นจะหลีกหนีสังคมแย่ๆ ที่อยู่แล้วอึดอัดโดยอัตโนมัติ ทำให้แนวโน้มการมีความทุกข์ก็ลดลงไปอีก

หากในปัจจุบันนี้เธอรู้สึกไม่ภูมิใจกับอะไรสักอย่างรอบตัว ไม่ว่าจะหน้าตา รูปร่าง หน้าที่การเงิน เงินในบัญชี ความผูกพันในครอบครัว ความสนิทสนมกับเพื่อน รู้สึกตัวเองด้อยค่า ทุกคนดีกว่าเราหมด เราไม่เหมาะที่จะได้สิ่งดีๆ หรอก etc.

ก็เป็นไปได้ว่าตอนนี้สังคมที่เธออยู่ ( บ้าน, โรงเรียน, ออฟฟิศ หรือแม้แต่ประเทศ ) ไม่เหมาะกับตัวตนของเธออย่างสิ้นเชิง หากเข้าข่ายในข้อนี้ เราแนะนำให้เธอย้ายตัวเองออกมาให้เร็วที่สุดเป็นอันดับแรก รับรองว่าโลกจะสดใสขึ้นกว่าเดิม 100 เท่าค่ะ

4. รู้สึกอิจฉาใน 'ไลฟ์สไตล์ดีๆ' ของคนอื่น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b642ff70c3a60fc56d57d6f046159b9d.jpg

ที่จริงความรู้สึก ' อิจฉา ' ก็ถือเป็นซับเซ็ตย่อยๆ ของการมี self esteem ต่ำเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเรารู้สึกว่าตัวเองด้อย อยู่ในที่ต่ำ ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจหรือให้ความสำคัญ ในทางจิตวิทยาเราจะหาทางออกด้วยการส่งอารมณ์ด้านลบไปหาคนที่มีชีวิตดีๆ ล้อมรอบด้วยผู้คนที่รัก หรือชีวิตที่จริงๆ แล้วเธอใฝ่ฝันอยากจะได้นั่นเอง


จะเรียกว่าเป็นภาวะ ' องุ่นเปรี้ยว ' ก็คงไม่ผิดเท่าไหร่ อารมณ์คนทั่วไปเห็นคนรวยมีคฤหาสน์ มีรถสปอร์ตขับ แล้วรู้สึกอิจฉานั่นล่ะค่ะ

ถ้าแค่รู้สึกอิจฉา แล้วเกิดแรงผลักดันให้พยายามเรียนหนังสือ ตั้งใจทำงานเพื่ออัพเกรดชีวิตตัวเอง เราถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะบางครั้งการอยู่เฉยๆ ก็อาจทำให้เฉื่อย ต้องหาอะไรกระตุ้นตัวเองบ้าง แต่ถ้าจิตใจของเธอเข้าขั้น ' ริษยา ' ในใจแอบแช่งให้เขาล่มจม ธุรกิจล้มละลาย ครอบครัวแตกแยก จะได้ตกอยู่ในฐานะเดียวกับเธอบ้าง


อันนี้เราว่าไม่ใช่ละ นอกจากฝั่งนั้นเขาจะสุขสบายดี ไม่รับรู้ใดๆ ว่าเธอมุ่งร้ายต่อเขาแล้ว ความอาฆาตแค้นจะกัดกินใจของเธอเองจนกลบความสุขด้านอื่นออกไปจนหมด เพราะโฟกัสแต่ความริษยาอย่างเดียว อย่าปล่อยให้ความชั่วร้ายครอบงำจิตใจ ถ้ารู้ตัวว่าเป็น ต้องหาทางแก้อย่างด่วน!

5. เยียวยาตัวเอง หนีโลกความจริงด้วย 'วิธีแย่ๆ' ทำสุขภาพกายและจิตพัง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/9f9d71b74d9d17d47e1ee578d2715849.jpg

สำหรับบางคนที่สภาพแวดล้อมที่อยู่ปัจจุบันชวนจิตใจเศร้าหมอง ไม่มีอะไรน่าบันเทิงเริงรมย์ มีแต่สมาชิกครอบครัว toxic ชวนหาเรื่อง, สังคมในโรงเรียนที่โดนบุลลี่ตลอดเวลา, การทำงานได้ค่าแรงขั้นต่ำที่ทำอีกสิบชาติก็ไม่รู้จะรวยหรือเปล่า


จนสภาวะจิตใจอ่อนแอ รับไม่ไหว


ก็ใช้วิธีหลีกหนีความจริงด้วยการหันหน้าเข้าหาแสงสี อบายมุขและสิ่งมึนเมาทั้งหลาย ไม่ว่าจะการเที่ยวสถานบันเทิง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือแม้แต่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดค่ะ

หากเธอติดอยู่ในวังวนนั้น เราเตือนตรงนี้ก่อนเลยว่า วิธีเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้จริง แค่หลอกตัวเองชั่วคราวเท่านั้น ของมึนเมาเหล่านี้ก็เหมือนหลุมที่เธอตกลงไป ( จะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจกระโดดลงไปเองก็ตาม ) ยิ่งเวลาผ่านไป หลุมนี้จะลึกลงไปเรื่อยๆ ทำให้เธอห่างจากอากาศด้านบนมากขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าไม่รีบถอนตัวเสียตั้งแต่ตอนนี้ หายนะมาเยือนแน่นอน ทั้งโรคติดเหล้า ตับแข็ง ปอดดำจากบุหรี่ หรือภาวะหลอนจากการเสพยา สุดท้ายอาจอันตรายถึงแก่ชีวิต ถ้ารู้ตัวว่าเลิกเองไม่ได้ ก็ยื่นมือให้คนที่ไว้ใจได้ช่วยโดยด่วน ด้วยรักและหวังดี!

6. เรื่องนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำให้อารมณ์ดิ่ง หม่นได้ทั้งวัน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/23f58dc30c3085897ea68dc56babe5ca.jpg

เพราะชีวิตปัจจุบันนี้ก็หม่นหมอง กระตุ้นให้เธอมีความรู้สึกทางลบได้ง่ายอยู่แล้ว เหมือนจิตใจเป็นเตาถ่านที่แค่มีสะเก็ดไฟเล็กๆ โยนเข้าไป ก็พร้อมจะระเบิดลุกเป็นไฟโชติช่วงได้ตลอดเวลา สะเก็ดเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนเรื่องแย่ๆ ที่เธอบังเอิญหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอในแต่ละวัน


อาจจะไม่ใช่เรื่องเฉพาะเจาะจงที่เธอโดยตรง แต่เมื่อเจอก็อารมณ์เสียไปทั้งวัน เช่น หมากัด ฝนตกน้ำท่วม รถติด สะดุดเท้าตัวเองหน้าบันไดเลื่อน เจ้านายขึ้นเสียงใส่ เพื่อนไม่ชวนไปงานแต่งงาน etc.

ถ้าเธอมีชีวิตที่รวมๆ มีความสุขอยู่แล้ว เรื่องเหล่านี้อาจทำให้สะดุดไปบ้าง แต่ไม่กี่นาทีเธอก็ลืมแล้ว เพราะไม่ได้มีความสำคัญอะไร ยังมีเรื่องดีๆ อย่างอื่นให้คิด แต่ถ้าแค่ฝนตก น้ำท่วมเรื่องเดียว เธอก็นั่งคิดไปถึงชีวิตที่ผ่านมา ผังเมือง การคมนาคม ความสัมพันธ์ในครอบครัว

คิดไปคิดมาก็โมโหที่ต้องทนอยู่แบบนี้ ก็ชัดแล้วว่าสภาพแวดล้อมปัจจุบันคือปัญหา หากไม่สามารถเปลี่ยนหรือเริ่มแก้ไขที่ตัวเองได้ ทางออกที่ง่ายที่สุดคือ ' หนีออกจากสภาพแวดล้อมเดิม ' เท่านั้น

7. ไม่มีพลังงานในการใช้ชีวิต เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะจบๆ ไปสักที

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/841e3d9573f4c88c7ca2a084d34eeca3.jpg

ถ้าเธอคือโทรศัพท์มือถือ จะบอกว่าตัวเองอยู่ในโหมด ' แบต 5% ' ตลอดก็คงได้ คือเฉื่อย เนือยมากเวอร์ ไม่มีกำลังใจในการใช้ชีวิตที่แท้จริง อยู่ไปวันๆ เมื่อไหร่จะหมดวัน ตอกบัตร ทำงานรับเงิน เดินทางกลับบ้าน ดูหนัง นอน


ชีวิตวนอยู่แค่นี้ อ่านข่าวก็เบื่อไปหมด เมื่อไหร่โลกจะแตกสักที ขี้เกียจมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ชาติหน้ามีจริงขอไม่เกิดมาแล้วนะ บลา บลา บลา นี่แหละคนกำลังมีความทุกข์เลยค่ะ

ถ้าเธอรู้สึกเพลีย เหนื่อยล้า ไปหาหมอก็บอกว่าไม่มีความผิดปกติทางกายอะไร บางทีสาเหตุจริงอาจอยู่ที่จิตใจก็ได้ เพราะเวลาสภาพจิตใจแย่มากๆ มันก็ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายด้วยเหมือนกัน เข้าทำนองที่ว่า ' ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ' นั่นเอง

หากรู้ตัวว่าสิ่งที่เป็นไม่ใช่ปัญหาที่หมอทางกายวินิจฉัยได้แน่ๆ เพราะมีแต่ความคิดลบเต็มหัวไปหมด ก็คงต้องเริ่มทบทวนว่าปัญหาเกิดจากอะไร หากมีปัจจัยจากสภาพแวดล้อม สังคมที่อยู่ ก็ลองถอยออกมาแล้วดูว่ามีความสุขมากขึ้นไหม ถ้าใช่ ก็นั่นแหละคำตอบ!

รูปภาพ:https://media1.tenor.com/images/a5172036a42a21edd6293c845e710288/tenor.gif?itemid=12003971

---------------------------------------

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่แย่นรกแตก หาแสงสว่างปลายทางที่อุโมงค์ไม่เจอแค่ไหน เราก็ยังอยากให้สาวซิสมีความหวัง มองโลกในแง่บวกเข้าไว้! อาจจะพูดง่ายแต่ทำยาก บางคนกำลังจะอดตาย บางคนความฝันครั้งเดียวหลุดลอยไปและไม่อาจหวนคืนมาอีก แต่ถ้ามองอีกมุมมันก็คือโชคชะตาที่เราบังคับไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือยอมรับและหาทางแก้ไขปัญหา เราเชื่อว่าถ้ามนุษย์ทุกคนยังมีลมหายใจอยู่ ก็ยังเริ่มใหม่กับทุกอย่างในวันรุ่งขึ้นได้เสมอค่ะ

(・ω<)☆

อย่าเพิ่งยอมแพ้กับวังวนเดิมๆ คิดไปเองว่าจะหาทางออกไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้ลอง สุดท้ายมันอยู่ที่ mindset และความตั้งใจจริงของซิสเองว่า อยากจะก้าวผ่านออกมาจากตรงนั้นจริงๆ หรือเปล่า เนื่องในช่วงใกล้สิ้นปีแล้ว ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะทิ้งสิ่งเก่าๆ ที่วนลูปจำเจ ส่งผลเสียกับสุขภาพจิต และเริ่มเขียนแพลน 2021's Resolution ขึ้นมาใหม่ ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงไม่รู้ แต่เราแน่ใจว่าถ้าความคิดดี ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน จับมือข้ามผ่านปีหน้าไปด้วยกันนะคะ สู้!ヾ(=`ω´=)ノ”