สวัสดีค่าาา สาวๆSistaCafeคน#ไม่อยากมีสิวทั้งหลาย (♡˙︶˙♡)' สิว ' คำนี้พูดเบาๆ ก็สั่นสะท้านไปถึงหัวใจ ช่างเป็นปัญหาผิวที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเป็นเลยให้ตายเถอะ (╥ω╥)ถ้าไม่ใช่คนพันธุกรรมแต้มบุญดีจริงๆ เชื่อว่าซิสทุกคน ไม่ว่าจะผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสมต้องเคยผ่านการเป็นสิวมาแล้วทั้งนั้น ทั้งสิวหัวดำ สิวอักเสบ สิวหัวช้าง มาครั้งนึงกว่าจะรักษาให้ผิวกลับมาเนียนกริบเหมือนเดิมก็ยากเหลือเกินเรียกว่าสิวคือสิ่งน่ารำคาญและน่าโมโหที่สุดในการดูแลผิวหน้าเลยก็ว่าได้ #โอยเกลียดดดและสาวซิสรู้ไหมว่า เรื่องเล่าบอกปากต่อปากเกี่ยวกับ' สิว 'ที่เธออาจเคยได้ยินตอนยังเด็กนั้น หลายเรื่องไม่ใช่เรื่องจริง หากทำตามคำแนะนำเหล่านั้น ผิวของเธอก็จะยังเป็นสิวตลอดไป หน้าไม่ใสสักที!วันนี้เราจึงขอยกตัวอย่าง' 7 ความเชื่อผิดๆ ที่เกี่ยวกับสิว ที่คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ 'มาบอกต่อให้ฟังกัน ถ้าไม่อยากหน้ามีสิวอีกต่อไป ต้องปรับความคิดใหม่ด่วน ตามนี้!

1. คนที่จะเป็นสิวได้ มีแค่ 'วัยรุ่น' เท่านั้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/6c84802ef7d712b45f9c635301729c70.jpg

ความเชื่อที่แทบจะฝังหัวมาตั้งแต่เด็กเลยก็คือ พอโตไปเป็น ' วัยรุ่น ' ฮอร์โมนกำลังปั่นป่วนพลุ่งพล่าน สิวต้องขึ้นเต็มหน้าแน่เลย แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสิวก็จะหายไปเองแหละ

ก็จริงที่ว่าเหตุผลหนึ่งในการเกิดสิว เกี่ยวกับฮอร์โมนที่ไม่สมดุลของวัยรุ่น แต่สถิติจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ( NIH ) ของอเมริกาเปิดเผยว่า 80% ของคนอายุ 11-30 ก็มีสิวเกิดขึ้นได้เหมือนกัน คนส่วนใหญ่สิวจะเริ่มหายไปจริงๆ แบบไม่เกิดขึ้นใหม่ ต่อเมื่ออายุเลยวัย 30 ไปแล้วค่ะ

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าข่ายนี้ เพราะก็มีผู้ใหญ่บางคนที่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ แม้อายุเลยไปถึง 30 40 50 แล้ว ก็ยังเป็นสิวอักเสบได้อยู่ ดังนั้นความเชื่อที่ว่าสิวจะเป็นแค่ช่วงวัยรุ่นจึงไม่จริง เพราะผู้ใหญ่ วัยกลางคนก็เป็นได้ทั้งนั้น


ใครที่คิดว่าจะทิ้งสิวไว้เฉยๆ รอหาย มันอาจจะหาย ' ช้า ' กว่าที่คิดนะคราวนี้ หาวิธีรักษาสิวจริงจังตั้งแต่ตอนนี้อาจจะดีกว่านะคะ

2. เราสามารถรักษาสิวให้หายเกลี้ยง 100% ได้ 'ในชั่วข้ามคืน'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/f255373bb90c656aaca6f16693885dc1.jpg

มักจะมีความเชื่อที่ว่า ถ้ามีสิวอักเสบ ให้ใช้เจลแต้มสิวบางยี่ห้อที่เคลมว่า' สิวจะหายวับไปเองได้ชั่วข้ามคืน 'แค่แต้มตอนกลางคืน ตื่นมาจะไม่รู้สึกว่ามีสิวเม็ดนี้มาก่อน ซึ่งถ้าสังเกตแบบไม่อคติ จะรู้ว่ามันดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง


จากประสบการณ์ตรงของหลายๆ คน สิวอาจจะดูยุบลง แต่ที่จริงแล้ว กว่าชั้นใต้ผิวตรงนั้นจะกลับไปเป็นสภาพปกติ ต้องใช้การรักษาสิวต่อเนื่อง 4-6 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำ หรือบางคนอาจใช้เวลา 2-3 เดือนหรือนานกว่านั้น กว่าผิวจะกลับมาเนียนใสได้เหมือนเดิมค่ะ

ดังนั้นสาวๆ คนไหนที่ใช้เจลแต้มสิว แล้ววันรุ่งขึ้นสิวยุบ ดูมีทีท่าจะดีขึ้น ก็อย่าเพิ่งหยุดใช้ ให้ทาต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ก่อน เราจับด้วยตัวเองอาจจะไม่รู้สึก แต่จริงๆ ชั้นใต้ผิวยังอักเสบอยู่ ต้องให้เวลาฟื้นฟูหน่อย

วิธีนี้จะช่วยป้องกันสิวเกิดใหม่ที่ขึ้นซ้ำในบริเวณเดิมได้อีกด้วย ดังนั้นอย่าเชื่อคำเคลมเจลแต้มสิวให้มาก ไม่มีหรอกทาคืนเดียวแล้วหายจริงๆ ยังไงก็ต้องทาต่อเป็นเดือนๆ ถ้าไม่อยากมีสิวใหม่ขึ้นซ้ำอีกค่ะ

3. ถ้าเป็นสิว ต้อง 'ห้ามแต่งหน้า' เดี๋ยวสิวเห่อหนักกว่าเดิม!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/fb41f2c29e2a467b650d0ab10abf0c18.jpg

เป็นความเชื่อที่เรียกว่าส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเลยทีเดียว ถ้าเป็นสิว แม้ขึ้นแค่เม็ดเดียวก็' ห้ามแต่งหน้าโดยเด็ดขาด 'เพราะจะทำให้ผิวไม่ได้หายใจ รูขุมขนอุดตันกว่าเดิม สารพัดเหตุผลที่จะหามาพูด ทั้งที่บางคนพอโชว์หน้าสดไป ก็บอกว่าทำไมไม่แต่งหน้ากลบ แต่พอแต่งไปก็บอกว่าเดี๋ยวยิ่งสกปรก งงมั้ย งงมาก!

ความจริงก็คือ ถ้าไม่ใช่สิวอักเสบเต็มหน้าจริงๆ เธอก็ไม่จำเป็นต้องห้ามใช้เครื่องสำอางขนาดนั้น ยังแต่งหน้าได้อยู่ แม้จะมีผิวเป็นสิวง่ายก็ตาม แค่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวค่ะ

หลักๆ คือเลือกเครื่องสำอางสูตรไม่ทำให้รูขุมขนบนผิวอุดตัน ( non-comedogenic ) และไม่ก่อให้เกิดสิว ( non-acnegenic ) ถ้าไม่รู้จะแยกประเภทยังไง ก็เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใส่สี น้ำหอม ซิลิโคน พาราเบน หรือสารเคมีที่ทำร้ายผิวไว้ก่อน


เพราะสารเหล่านั้นทำให้รูขุมขนอุดตันได้ง่าย ดังนั้นไม่ต้องกลัวที่จะใช้รองพื้นหรือคอนซีลเลอร์กลบสิว ตราบใดที่เลือกสูตรที่ไม่ทำร้ายผิว ก็ใช้ได้สบายมาก!เมื่อกลับบ้านมาแล้ว ก็เช็ดทำความสะอาดด้วยไมเซลลาร์วอเตอร์ ตามด้วยคลีนซิ่งโฟมอีกรอบ และใช้โทนเนอร์เช็ดหลังล้างหน้าอีกที รับรองหน้าสะอาดหมดจดแน่นอน

4. ใครมีผิวเป็นสิวง่าย ต้องล้างหน้าบ่อยๆ กว่าสภาพผิวอื่น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/111790e6bbf8cc409447deadb19161a9.jpg

เป็นความเชื่อที่สาวผิวเป็นสิวง่าย หรือว่าง่ายๆ คือมีสิวที่หน้าตลอด มักจะคิดว่าต้องหมั่นล้างหน้าให้บ่อยที่สุด ให้หน้าสะอาดกริ๊บแบบไม่มีเชื้อแบคทีเรียเหลือสักตัว บางคนแค่เช้าเย็นยังไม่พอ ล้างมันเช้า สาย บ่าย เย็น แต่สุดท้ายสิวก็ยังไม่ค่อยลดเท่าไหร่ สงสัยไหมว่าทำไม?


ความจริงก็คือ ผิวเป็นสิวง่ายนี่แหละบอบบางที่สุด ( ถึงได้มีสิวไง ถ้าผิวแข็งแรงทนทานสิวไม่มาหรอก ) ดังนั้นการล้างหน้าบ่อยเกินไป จะยิ่งกระตุ้นให้ผิวระคายเคือง จนทำให้สิวอักเสบยิ่งกว่าเดิมแทนค่ะ

แต่ก็ไม่ต้องสุดโต่งขนาดไม่ล้างหน้าเลย จะได้ถนอมผิวนะ อันนั้นก็สกปรกเกิ๊น! เดินทางสายกลางด้วยการล้างหน้าวันละ 2 รอบ เช้า-เย็นเหมือนคนทั่วไปก็พอ แต่เน้นล้างให้สะอาดหมดจด พิถีพิถันกับการล้างหน้าสักนิดอย่ารีบล้างลวกๆ หรือถ้าวันไหนออกกำลังกาย ต้องอยู่กลางแดด ร้อน เหงื่อออกเยอะจริงๆ ก็ค่อยล้างระหว่างวัน ถ้าไม่สะดวกล้างด้วยน้ำ คลีนซิ่งไมเซลลาร์ชุบสำลีแผ่นคือคำตอบ!

5. สิวอักเสบ แค่แต้มยาไม่พอหรอก ต้อง 'บีบออกมา' ถึงจะหาย!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/83bc82b803c51d34eff1c3ba5c02ef3f.jpg

ไม่เชิงเป็นความเชื่อ แต่มีการบอกต่อกันมาว่า เชื้อสิวไม่ควรเก็บไว้บนผิวหน้านะ ต้องบีบเอาออกมาให้หมดถึงจะหาย ถ้าเป็นสิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวอุดตันที่เกิดจากรูขุมขนยังพอเข้าใจได้ ( แต่ก็จะทำให้เกิดหลุมสิวหรือรูขุมขนกว้างภายหลังอยู่ดี... )แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบ แดงๆ บวมเป่งอยู่ล่ะก็ อย่าหาทำด้วยการพยายามไปบีบ ไปเค้นเอาหนอง เอาเลือดจากสิวออกโดยเด็ดขาดนอกจากสิวจะไม่หายแล้ว ยิ่งจะทำให้ผิวบริเวณนั้นอักเสบกว่าเดิม เผลอๆ จะเป็นแผลเป็นถาวรด้วยเด้อ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่า-ไป-บีบ-มัน!! แม้สิวเม็ดเป่งๆ จะดูยั่วยวนใจให้เอามือไปบีบมากแค่ไหนก็ตาม ปล่อยมันไว้ ทาเจลแต้มสิวแล้วใช้ชีวิตไปตามปกติ พยายามอย่าส่องกระจก ( เพราะส่องแล้วจะอดไม่ได้ ) เดี๋ยวสิวก็จะค่อยๆ ยุบตัวลงไปเองจำไว้นะคะ สิวอักเสบยังยุบได้เร็ว แต่แผลเป็นรักษายากมาก โอกาสที่ผิวจะกลับไปเนียนอย่างเดิมแทบไม่มี อย่างมากคือทาครีมลบรอยแต่ก็จะเห็นเป็นจางๆ อยู่ดี อย่าให้มีแผลแต่แรกจะดีกว่าน้า

6. อาหารไม่เกี่ยวกับการเป็นสิวหรอก คิดไปเอง!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/4f9b6e090721fad6617c31a19ca4f643.jpg

หลายคนมักมีความเชื่อว่า สิวเกิดจาก ' ความสกปรก ' และ ' พันธุกรรม ' แค่สองอย่างนี้เท่านั้น กินอาหารตามใจปากเพราะไม่คิดว่าจะส่งผลอะไรกับสุขภาพผิว ทั้งที่ความจริงแล้ว ผิวจะเป็นยังไง ก็มาจากสิ่งที่กินเข้าไปนั่นแหละค่ะ!


นอกจากเรื่องของผิวหมองคล้ำ ผิวกระจ่างใส ฉ่ำน้ำใดๆ แล้ว ยังเกี่ยวข้องกับการเกิดสิวบนผิวหน้าโดยตรงด้วย โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้งเยอะๆ และช็อกโกแลตไขมันสูง ยิ่งทำให้สิวอักเสบมากขึ้น หรือมีสิวเกิดขึ้นใหม่ได้มากขึ้นค่ะ

หากเธอมีผิวที่เป็นสิวง่าย รักษาด้วยวิธีปกติแล้วไม่หายสักที อาจเป็นทางเลือกที่ดีถ้าจะปรึกษาหมอผิวหนัง เพราะสาเหตุของสิวอักเสบอาจอยู่ที่อาหารที่เธอกินทุกวันโดยไม่รู้ตัว!


ใครที่กำลังเพลิดเพลินกับของหวาน คุกกี้ เค้ก ชานมไข่มุก แพนเค้ก โดนัท ก็ขอให้พักก่อน หันมากินอาหารที่ช่วยเสริมผิวอย่างผักผลไม้ ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่แทน แล้วเธอจะพบว่าผิวดีขึ้นจนน่าตกใจเลยแหละ ถ้าไม่เชื่อก็ลองปรับอาหารตั้งแต่วันนี้เลย

7. เพราะความเครียดไง ถึงเป็นสิว!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/62cf69b9945828c56674538d8bf46e9d.jpg

มักจะเป็นความเชื่อที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ ว่าปัจจัยหนึ่งในการเกิดสิวก็คือ ' ความเครียด ' บางคนทำงานหนัก นอนดึก ตื่นมามีสิว ก็โทษความเครียดไปแล้วเรียบร้อย

แต่ในทางการแพทย์อ้างอิงจาก Mayo Clinic ( องค์กรสุขภาพชื่อดังในอเมริกา ) ค้นพบว่าความเครียดไม่ได้ ' ทำให้เกิดสิวใหม่ ' แต่กระตุ้นสิวที่มีอยู่แล้วให้อักเสบมากขึ้นมากกว่าค่ะ


พูดง่ายๆ คือ ถ้าหน้าเกลี้ยงอยู่ เครียดแล้วเกิดสิว แสดงว่าที่จริงมีสิวอักเสบซ่อนอยู่ใต้ผิวรอปะทุอยู่แล้ว พอเครียดมันเลยยิ่งขึ้นมาเร็วขึ้นนั่นเอง

แม้จะดูพูดง่ายทำยาก แต่วิธีแก้ไขก็คือพยายามอย่าเครียด หรือเครียดให้น้อยที่สุด! หาวิธีผ่อนคลายตัวเอง

เช่น ฟังเพลง ดูหนัง นอน ออกไปเดินเล่น เล่นกับหมาแมว คุยกับเพื่อน ไปสปา มาส์กหน้า อะไรก็ได้ที่ทำให้สมองได้รีแลกซ์ เท่านี้ก็ยังช่วยคงสภาพหน้าสวยใสไว้ได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ทำให้สิวที่มีอยู่แล้วแย่ลงอย่างแน่นอน

------------------------------------

การดูแลผิวหน้าให้ใสไร้สิว อาจไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป! ปัจจัยหลายอย่างที่สาวๆ คิดว่าก่อให้เกิดสิว ที่จริงอาจไม่ใช่ตัวกระตุ้นขนาดนั้น เช่นความเครียด แต่สิ่งที่เราอาจละเลยไปอย่างอาหาร แท้จริงเกี่ยวข้องกับสุขภาพผิวภายในของเราโดยตรง, การแต่งหน้าไม่ได้ทำให้สิวเห่อ ถ้าใช้เครื่องสำอางไม่อุดตันและล้างหน้าให้สะอาด, การบีบสิวไม่ได้ช่วยลดการอักเสบ แต่ทำให้สิวบวมเป่งกว่าเดิม เป็นต้นเหล่านี้คือสิ่งที่ควรรู้และนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะบางสิ่งที่สาวๆ ทำอาจกระตุ้นสิว หรือหล่อเลี้ยงสิวไว้บยหน้าโดยที่เธอไม่รู้ตัวก็เป็นได้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์น้า ถ้าทำแล้วผิวดีขึ้นยังไงก็ทักมาคุยกัน หรือคอมเมนต์บอกใต้บทความนี้ได้เลย วันนี้เราขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้าค่ะ บ๊ายบายย

( ´ ▽ ` ).。o♡