สวัสดีค่าาาา สาวๆSistaCafeคนสวยปังทั้งหลาย (✧∀✧)/เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไหมคะ? ปกติก็เป็นคนดูแล บำรุงผิวหน้าอย่างดีมาตลอด แต่วันที่ต้องใช้ผิวในวันสำคัญ เช่นถ่ายรูป ไปเจอแก๊งเพื่อนที่ไม่ได้นัดกันนานแล้ว หรือเดทแรกกับคนที่คุยอยู่ ตื่นมาหน้าตุยเย่ วาตานาเบ้ไอโกะมากๆจับผิวแล้วงง อยู่ดีๆ ผิวลอกเป็นขุย หมองคล้ำ สิวขึ้นเฉย เป็น Bad Skin Day ที่เลือกเวลาได้ทำร้ายจิตใจกันสุดๆโดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน!จะแบกหน้าพังๆ แบบนี้ไปพบปะผู้คนไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่าง กรี๊ดๆๆ *(>д<)*゚゚วันที่ผิวหน้าไม่ได้ดั่งใจ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ทุกคน เราอาจควบคุมปัจจัยทุกอย่างของชั้นใต้ผิวหนังไม่ได้ อากาศเอย ฮอร์โมนเอย หรือบางวันเราแค่ละเลยผิวไปบ้าง ตื่นมาผิวก็อาจแย่ลงได้แต่สาวๆ สามารถกู้ชีพผิวพังในวันวิกฤติได้ด้วยวิธีธรรมชาติตามนี้! รับรองว่าเยียวยาสภาพผิวได้ดีขึ้น พร้อมไปถ่ายรูปหรือกล้าเจอคนสำคัญได้แน่นอน >//<จะต้องทำยังไงบ้างเรามาดูกันเลยดีกว่าา ( ´ ∀ `)ノ~ ♡

1. ผิวหน้าจะสวย ต้องเริ่มจากการ 'ล้างหน้าให้สะอาด' ก่อน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/7706df1c96fd6eb01f1072f241be080f.jpg

ผิวหน้าจะสวยเพอร์เฟกต์ไปไม่ได้ ถ้าไม่ปูพื้นฐานตั้งแต่การทำความสะอาด! นึกภาพว่าผิวหน้าก็เหมือนผืนผ้าใบในการวาดรูป ถ้ามีสะเก็ด มีจุดด่างดำ มีรอยเปื้อน รูปที่วาดก็จะดูหม่นหมอง ออร่าลดลงจากที่ควรจะเป็น

สาวๆ จึงควรทำความสะอาดผิวหน้าอย่างพิถีพิถันอยู่เสมอ เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมเป็นขั้นแรกในการใช้สกินแคร์ชิ้นอื่นๆ ค่ะ

ในส่วนของคลีนซิ่งทำความสะอาด ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาผิวของเธอในขณะนั้น นั่นหมายความว่าคลีนซิ่งตัวเดียวกัน อาจตอบโจทย์ปัญหาผิวของเธอในช่วงหนึ่ง แต่เวลาผ่านไป ฤดูเปลี่ยน ก็อาจต้องเปลี่ยนไปใช้คลีนซิ่งตัวอื่นที่ดูแลผิวได้ดีกว่า


เช่น ถ้าเธอผิวมันในฤดูร้อน แต่ผิวผสมและแห้งลงในฤดูหนาว ก็ควรมีคลีนซิ่งทั้งเนื้อเจลและเนื้อครีม เพื่อสลับกันใช้ตามเวลานั้นๆ สำคัญคือต้องรู้ว่า ' ผิวต้องการอะไร ' จะได้ไม่เจอปัญหาผิวลอก หรือล้างแล้วหน้ายังมันเยิ้มค่ะ

2. ผิวหมองคล้ำ หน้าไม่สดใส ต้อง 'สครับผลัดเซลล์ผิวเก่าออก'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/157ac034091410c67f3621d09cd22d33.jpg

ขั้นตอนหนึ่งในการดูแลผิวหน้าที่สาวไทยหลายคนอาจละเลยไป คือ ' สครับหน้า ' เพราะกลัวเจ็บ ระคายเคือง ผิวเป็นแผล จึงไปทุ่มทุนกับอุปกรณ์ล้างหน้าและครีมบำรุงราคาแพงแทน

ทั้งที่จริงแล้ว หากเธอไม่ผลัดเซลล์ผิวหน้าเก่าออกเลย ก็เหมือนถนนทางลูกรังที่ไม่ลาดยางให้เรียบ แต่ถมดินลงไปเรื่อยๆ หน้าก็จะยังดูเหนื่อย ดูหมองคล้ำอยู่ดี ซิสทุกคนจึงควรใช้สครับขัดผิวหน้าอยู่เสมอ เพื่อให้หน้าเปล่งประกาย สดใสมีออร่าค่ะ

ใครที่มีผิวแห้ง บอบบางแพ้ง่าย ไม่กล้าใช้เม็ดสครับกลัวจะบาดผิว เราแนะนำให้ใช้ ' โทนเนอร์แผ่น ( peel pad ) ' ที่มีส่วนผสมของ glycolic acid กรดอ่อนๆ ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้หลุดลอกออกเองตามธรรมชาติ โดยไม่ทำให้แสบหน้าแต่ถ้าซิสมีสภาพผิวปกติ ค่อนไปทางผิวมัน เราแนะนำเป็นเม็ดสครับแบบปกติ หรือมาส์กโคลนพอกหน้า เพื่อดูดซับความมันและขจัดคราบที่อุดตันรูขุมขน เพียงใช้อย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้ง ก็มีผิวสวยกระจ่างใสได้

3. อย่าลืมที่จะใช้ 'มาส์กหน้า' เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวทุกครั้ง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b9fd65938ce794a7001bd2205ec43cc9.jpg

นอกจากมาส์กแบบโคลนพอกแล้ว ' มาส์กแผ่น ' ก็เป็นอีกไอเทมที่สาวๆ ควรมีติดบ้านไว้ใช้เป็นประจำ เพราะเป็นสกินแคร์ช่วยเติมสารอาหารผิวเร่งด่วน บูสต์ผิวได้รวดเร็วกว่าครีมบำรุงทั่วไป

กอบกู้ผิวเยิน ผิวพังไม่กี่วันก่อนออกงานในวันสำคัญ เพียงแปะลงบนผิวหน้า 10-15 นาทีทุกวัน และควรเลือกใช้สูตรมาส์กที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่กังวล เหมือนกับการซื้อคลีนซิ่งโฟมค่ะ

ถ้าเป็นสาวผิวมัน ก็ควรเลือกมาส์กที่ช่วยสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน ลดความมันเยิ้มของผิวให้ใบหน้ามีความแมตต์มากขึ้น, หากมีสภาพผิวปกติแต่หมองคล้ำ ไม่สดใส ก็เลือกสูตรมาส์กที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ช่วยปรับผิวให้สว่างกระจ่างใส,


หากผิวแห้ง ก็ใช้มาส์กสูตรผสม hyaluronic acid ที่ช่วยทำให้ผิวอิ่มน้ำ นุ่มฟู แต่งหน้าติดง่ายขึ้น เป็นต้น *ถ้าปกติผิวหน้าโอเคอยู่แล้ว แนะนำให้ใช้สูตรเติมความชุ่มชื้น เพราะถ้าผิวหน้าไม่ขาดน้ำ ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาผิวกวนใจค่ะ

4. ทา 'มอยส์เจอไรเซอร์' บำรุงผิวเป็นลำดับทีละชั้น เพื่อผิวหน้าฉ่ำโกลว์

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/6c642690049163da3ad71263643776fb.jpg

แม้จะใช้มาส์กหน้าบำรุงผิวไปแล้ว แต่มอยส์เจอไรเซอร์ตัวอื่นๆ ใน Skincare Routine ก็ล้วนสำคัญกับผิวหน้า ห้ามละเลยในการทาเด็ดขาด! โดยเฉพาะผิวที่มีริ้วรอย ความหมองคล้ำ สิวขึ้นง่าย แปลว่าสภาพผิวไม่แข็งแรง ความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ


จึงต้องเสริมเกราะป้องกันอย่างเต็มที่ให้มากที่สุด เพื่อรักษาปัญหาผิวเดิมและปัญหาผิวใหม่ที่จะเกิดในอนาคตค่ะ

หลังจากล้างหน้า เช็ดผิวด้วยโทนเนอร์ ใช้มาส์กแผ่นเสร็จแล้ว ก็ทามอยส์เจอไรเซอร์โดยเรียงจากความเข้มข้นต่ำสุดไปสูงสุด ( เซรั่ม>> เจล >> ครีม >> อายครีม >> ออยล์ ) แนะนำว่าหลังทาครีมในแต่ละชั้น ให้เว้นระยะ 1-2 นาที เพื่อให้ตัวครีมซึมเข้าผิว ทำหน้าที่ให้เต็มประสิทธิภาพก่อน ค่อยทาครีมชั้นอื่นทับลงไป


และจำให้ขึ้นใจว่า ต้องทาครีมบน ' ผิวหน้าที่ยังเปียกหมาดๆ อยู่ ' เท่านั้น เพราะผิวก็เหมือนฟองน้ำ ถ้ามีความชื้นจะดูดซึมครีมได้มากกว่าผิวที่แห้งสนิท ดังนั้นทาหลังอาบน้ำทันทีจะดีที่สุด

5. ใช้ 'เซรั่มวิตซี' เป็นทางลัดบูสต์ผิวกระจ่างใสอย่างรวดเร็ว

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/094282642561e17c00f34bc5151bb5ab.jpg

อยากผิวไบรท์ ใสกิ๊กแบบไม่ต้องฉีดฟิลเลอร์เข้าหน้า อีกหนึ่งทางลัดที่เราขอแนะนำสาวๆ ซิสต้าก็คือ ' เซรั่มวิตามินซี ' นั่นเอง เพราะวิตามินซีจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออก ขจัดความหมองคล้ำ ลดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้นแบบไม่หลอกตา


เพียงนำเซรั่มวิตซีเข้าไปในขั้นตอน Skincare Routine ของเธอทั้งช่วงเช้าและก่อนนอน ผิวหน้าก็เฮลตี้ ดูอ่อนเยาว์ เด็กลงกว่าวัย ใช้ตอนเช้าหลังล้างหน้าด้วยคลีนซิ่ง และใช้ตอนเย็นก่อนลงมอยส์เจอไรเซอร์

เซรั่มจะมีลักษณะเนื้อใสๆ เป็นน้ำ จึงควรลงเป็นขั้นตอนแรก หยดลงอุ้งมือเพียง 1-2 หยด แล้วตบเบาๆ ให้ทั่วผิวหน้าที่เปียกชื้น มือใหม่หัดใช้อาจต้องใจเย็นสักนิด ผิวอาจไม่ไบรท์ทันทีชั่วข้ามคืน ใช้ต่อเนื่องหลักสัปดาห์ขึ้นไป ผิวที่ดูหมองจะค่อยๆ มีชีวิตชีวามากขึ้น

รอยคล้ำเสียจางหายไป ชั้นใต้ผิวสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ทำให้ผิวยืดหยุ่น ลดความเสียหายจากผิวที่สัมผัสรังสียูวีในแสงแดด ถือเป็นไอเทม must have ที่สาววัยไหนก็ต้องมี!

6. นอนไม่พอ ตาลึกโหลเป็นแพนด้า ต้องทา 'อายครีม'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/883ead95d480237d3cab2b16d4f02fd5.jpg

ชีวิตประจำวันของสาวๆ ยุค 2020 คงเลี่ยงได้ยากที่จะไม่นอนดึก เพราะชีวิตมีเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ทำตลอดเวลา บางคืนกว่าจะได้หลับก็เที่ยงคืน ตี 1 ตื่นเช้ามาตาบวมเป่ง แพนด้าถามหา หน้าโทรมกันถ้วนหน้า

อีกหนึ่งอาวุธที่จะช่วยให้เอาตัวรอดได้ แม้วันนั้นต้องออกงานสำคัญก็คือ ' อายครีม ' ที่มีสรรพคุณช่วยให้รอยคล้ำใต้ตาจางลง ให้ดวงตาเรียบเนียน ชุ่มชื้นกระจ่างใสขึ้น ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นใต้ตาที่ทำให้ดูแก่ก่อนวัยได้ค่ะ

ควรทาทั้งตอนเช้าก่อนแต่งหน้า และพอกให้หนาๆ ก่อนนอน เพราะบริเวณใต้ตาเป็นผิวที่บอบบาง ไม่ควรปล่อยให้แห้งกร้าน ริ้วรอยจะมาเยือนทันที และถ้ามาแล้ว บอกเลยว่าหายยากมาก!

ในกรณีฉุกเฉินที่ยังหาอายครีมไม่ได้ ให้นำช้อนสแตนเลสไปแช่แข็ง แล้วนำมาประคบดวงตา ความเย็นจะทำให้หลอดเลือดฝอยใต้ตาที่กองตัวรวมกันจนเป็นรอยคล้ำ ไหลเวียนเป็นปกติ ทำให้ดวงตากระจ่างใสขึ้น

7. ทา 'ครีมกันแดด' ในทุกๆ วัน โดยไม่มีข้อยกเว้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/018f1ba327cc9971901e8d89041edd60.jpg

หากต้องเรียงลำดับ Top Rank สกินแคร์ที่สาวๆ ทุกคน ไม่ว่าจะแต่งหน้าหรือไม่แต่งต้องมีติดกระเป๋า อันดับ 1 ต้องมอบให้ ' ครีมกันแดด ' อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะต้องทาทุกวัน ไม่ว่าจะวันแดดจัด วันเมฆเยอะ วันฝนตก มนุษย์ทุกคนก็หลบรังสียูวีจากแสงแดดในชีวิตประจำวันไม่ได้

หากไม่ทาครีมกันแดด รังสียูวีเข้มข้นจะทะลุทะลวงเข้ามาชั้นใต้ผิว ทำลายคอลลาเจนในผิว นานเข้าผิวก็จะหยาบกร้าน มีริ้วรอย คล้ำเสีย ถ้าวันนี้ผิวพังแล้ว ไม่ทาครีมตอนนี้ วันหน้าผิวเยินกว่าเดิมเป็นสิบเท่าแน่นอน!

ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ไม่ต่ำกว่า 50 PA+++ ขึ้นไปทั้งใบหน้าและลำตัว เลือกสูตรที่เป็น Physical Sunscreen ที่ใช้หลักสะท้อนรังสียูวีออกจากผิว, ไม่ว่าจะอยู่ที่แดดจัดหรือไม่ แต่ถ้าอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ยังไงก็ต้องทากันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพราะประสิทธิภาพของกันแดดจะลดลงตามเวลาที่ท

หรือจะใส่หมวกปีกกว้างป้องกันแสงแดดกระทบหน้า ก็ช่วยได้อีกทาง ช่วงกลางคืนหลังล้างหน้า อย่าลืมทาเซรั่มวิตซี เพื่อลดความคล้ำเสียของผิวหน้าด้วยจะยิ่งดีค่ะ

------------------------------------------

อาจไม่ใช่วิธีการลึกล้ำพิสดารอะไรมาก แต่บรรดา Skincare Routine พื้นฐานเหล่านี้นี่แหละ ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวในวันสภาพผิวแย่ได้ในเวลาเดียวกัน เหมือนยาสามัญประจำบ้านอย่างไรอย่างนั้น! แม้ว่าเราจะดูแลผิวในวันปกติอยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่ทำครบทุกขั้นตอนจริงๆ เราอาจล้างหน้าสะอาด ใช้ครีมบำรุงคุณภาพดี แต่หลงลืมการสครับผลัดเซลล์ผิวเก่า หรือเร่งรีบ/ กลัวหน้าเหนอะจนลืมที่จะใช้ครีมกันแดด ทั้งที่สกินแคร์ทุกชิ้นส่งผลต่อผิว หากไม่ใช้ตัวไหนเป็นระยะเวลานานๆ ก็ทำให้เกิดปัญหาผิวได้สุดท้ายนี้ เราจึงอยากให้สาวซิสขยันและมีวินัยกับผิวตัวเองให้มากๆ คีย์เวิร์ดของผิวดีไม่ใช่ใช้ของแพง แต่คือบำรุงให้รอบด้านเป็นประจำสม่ำเสมอ! แม้วันไหนผิวมีปัจจัยอื่นๆ มารบกวน เธอก็ฟื้นฟูได้ในเวลาอันรวดเร็วค่ะ สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายย