ฮัลโหลค่าา สาวๆSistaCafeที่อยาก' ลดไซส์กางเกง 'ทั้งหลาย! (*¯ ³¯*)♡สถานการณ์โควิดกลับมาอีกแล้ว อ่านข่าวก็นอยด์ไปหมด จะออกไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ได้ ต้องนั่งจมจ่อมอยู่แต่ในบ้าน ทำให้หนทางคลายเครียดของสาวๆ หลายคนไปอยู่ที่การ' กิน 'ยิ่งถ้าทำงาน work from home ไม่มีเวลาเข้าออกงานตายตัว ไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์ว่าจะมีคนเห็นกินขนมกร้วมๆ ก็กินหลกเลยจ้า สักพักเอ๊ะ ทำไมเสื้อผ้าที่เคยใส่ได้เริ่มอึดอัด ไปชั่งน้ำหนักซะหน่อยละกัน อื้อหือ อ้วนจนไม่กล้ามองตัวเลขเลยจ่ะ ทำไมปล่อยตัวมาได้นานขนาดนี้ แงงงง TT^TTแต่เอาตรงๆ นะ ก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมานั่งฟิต กินอาหารคลีน ไปฟิตเนสสักเท่าไหร่หรอก ( ฟิตเนสคนเยอะๆ ก็น่ากลัวติดเชื้ออีก!! ) หรือต้องยอมลงทุนกับอาหารเสริมลดน้ำหนักแพงๆ ที่ขายในโซเชียลดี?บอกตรงนี้เลยว่าไม่จำเป็นค่ะ! แค่ปรับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันบ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็พอ ลองทำตาม' 7 ทริคสุดง่าย ลดน้ำหนักแบบชิลล์ๆ 'ในบทความนี้ดูแล้วน้ำหนักจะค่อยๆ ลดลงจนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยที่ยังไม่ต้องออกกำลังกายจริงจังแต่อย่างใด!จะต้องทำยังไงบ้างเราไปดูกันค่ะ

1. อยู่ในที่ 'อากาศเย็นๆ' เข้าไว้

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/29245616588e310b83395e36605ba5a9.jpg

มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ( the journal Diabetes ) เปิดเผยว่า การเปิดเครื่องปรับอากาศในห้องให้อุณหภูมิเย็นขึ้น หรือเปิดพัดลมให้ลมเย็นพัดโกรกในฤดูหนาว จะช่วยเผาผลาญไขมันหน้าท้องในช่วงที่สาวๆ นอนหลับตอนกลางคืนได้

อุณหภูมิที่ลดลงจะเพิ่มประสิทธิภาพของ ' ไขมันสีน้ำตาล ( brown fat ) ' ที่ช่วยทำให้ร่างกายอุ่น โดยเผาผลาญไขมันที่เก็บสะสมไว้ในหน้าท้อง เมื่ออากาศหนาว ไขมันที่หน้าท้องจึงถูกเบิร์นออกไปเยอะขึ้นนั่นเองค่ะ

ผู้เข้าทดลองใช้เวลา 2-3 สัปดาห์นอนในห้องนอนที่มีอุณหภูมิหลากหลาย ทั้งแบบอุณหภูมิปกติ, อุณหภูมิเย็นและอุณหภูมิอุ่นๆ หลังจากผ่านไป 4 สัปดาห์ในห้องนอนที่อุณหภูมิเย็น ( ประมาณ 18 องศาเซลเซียส ) ร่างกายของผู้เข้าทดลองมีการเผาผลาญของไขมันสีน้ำตาลมากกว่าปกติถึง 2 เท่า ซึ่งทำให้ไขมันหน้าท้องลดลง หน้าท้องแบนราบมากขึ้นเป็นของแถม


ถ้าใครอยากทดสอบทฤษฎีนี้ก็ลองดูนะคะ แต่ต้องเตรียมชุดนอน ผ้าห่มผ้านวมให้หนาๆ เลยนะเพราะหนาวมาก!!! และทำใจกับค่าไฟปลายเดือนด้วยนะคะซิสสส

2. เข้าร้านกาแฟ ให้สั่งแค่เมนู 'กาแฟดำ' เท่านั้น

รูปภาพ:https://img.168upload.com/uploads/20201230/6feb24f76604107e881e0fd56ecfc1b5c9217b12.jpg

เดี๋ยวนี้ร้านคาเฟ่มีอยู่เกลื่อนเมืองไทย โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพ เชียงใหม่ ภูเก็ต ที่มีขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่ละร้านก็จะมีเครื่องดื่ม signature ให้ได้เลือกชิมมากมาย

แต่ถ้าสาวๆ อยากลดน้ำหนัก ( หรืออย่างน้อยก็ไม่อ้วนขึ้นไปกว่านี้ ) เครื่องดื่มเมนูเดียวที่เธอจะสั่งได้คือ ' กาแฟดำ ' หรืออเมริกาโน่ไม่ใส่น้ำตาลเท่านั้น เพราะกาแฟเพียวๆ จะช่วยลดไขมันส่วนเกิน ช่วยลดหิวจุกจิก และทำให้ลดน้ำหนักได้เมื่อดื่มอย่างต่อเนื่องเป็นประจำค่ะ

มีงานวิจัยเปิดเผยว่า หากดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน ไขมันในร่างกายจะลดลงประมาณ 4% แต่ต้องเป็นกาแฟอย่างเดียวจริงๆ ห้ามขี้โกงลักไก่ ใส่ครีมเทียม น้ำตาล น้ำผึ้ง นมสดใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทั้งเพิ่มแคลอรี่โดยใช่เหตุ และยังทำให้ระบบน้ำตาลในเลือดสวิง มีผลให้หิวจุกจิกบ่อยขึ้น ลดน้ำหนักได้ยากขึ้นไปอีก

โดยปกติกาแฟที่ไม่ผสมอะไร จะแทบไม่มีแคลอรี่อยู่แล้ว จึงดื่มได้เรื่อยๆ ถ้ากลัวนอนไม่หลับสามารถดื่มแบบ decaf หรือแบบสกัดคาเฟอีนออกก็ได้ ( ถึงสามารถดื่มได้ในช่วงทำ Intermittent Fasting ยังไงล่ะ ) ถ้าเธอดื่มกาแฟดำแทนลาเต้ หรือคาราเมลมัคคิอาโต้ ยังไงน้ำหนักก็ลดลงอย่างแน่นอน

3. กินอาหาร 'ไขมัน Full-fat' อย่ากินไขมันพร่องมันเนย!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/ab07de9bd211b6da17a24b1e7d821dd2.jpg

สาวๆ หลายคนเมื่อจะเริ่มลดความอ้วน จะเลือกอาหารที่ ' Low-fat ' ไขมันต่ำหรือพร่องมันเนยไว้ก่อน ยี้อาหารไขมันสูงต่างๆ เพราะกลัวอ้วน ทั้งที่อาหารโลว์แฟตเนี่ยแหละ ภัยเงียบที่สุด!ถ้าเธออ่านฉลากโภชนาการที่ติดอยู่ข้างห่อ เธอจะถึงบางอ้อว่าไขมันต่ำก็จริง แต่ทางผู้ผลิตใส่แป้งและน้ำตาลผสมให้มากขึ้นแทนเพื่อแต่งรสแต่งกลิ่นให้อร่อยยิ่งขึ้น ยิ่งกินเยอะ ก็ยิ่งโหลดคาร์โบไฮเดรตกับรสหวานเข้าร่างกายจนเต็มพิกัด สุดท้ายอ้วนเพราะแป้ง ไม่ได้อ้วนเพราะไขมัน!

อย่ากลัวอาหารที่มีไขมันสูงตามธรรมชาติ เพราะหลายๆ อย่างมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้ เช่นอะโวคาโด ช่วยลดไขมันเลวและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด, ชีส ช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2, ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคซึมเศร้า โรคสมองเสื่อม เป็นต้นถ้ากินในปริมาณที่พอดี เธอจะอิ่มนานถึงมื้อถัดไปโดยไม่อยากกินขนมหวานจุกจิกเพิ่มด้วยซ้ำ ไปๆ มาๆ หุ่นดีขึ้นซะงั้น

4. เลือกกินผลไม้ที่มี 'สีแดง'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/67e28b068aa84454c6e375b4a6e38a0f.jpg

ถ้าต้องเลือกกินผลไม้อะไรสักอย่างเพื่อลดความอ้วน ช้อยส์แรกที่สาวๆ ควรนึกถึงคือ ' ผลไม้ที่มีสีแดง ' เช่น แอปเปิ้ลแดง, แตงโม, องุ่นแดง, สตรอว์เบอร์รี่, ราสเบอร์รี่, มะเขือเทศ เป็นต้น

เพราะผลไม้ที่มีเปลือกสีแดงเหล่านี้จะมีสารอาหารที่เรียกว่า ' ฟลาโวนอยด์ ( flavonoids ) ' มากกว่าผลไม้สีอื่นๆ โดยเฉพาะแอนโธไซยานิน ( anthocyanins ) ที่มีหน้าที่ช่วยชะลอการเก็บสะสมไขมันในร่างกายได้

มีงานวิจัยที่ทำโดย the University of Western Australia ค้นพบว่า แอปเปิ้ลแดงสายพันธุ์ Pink Lady มีอัตราส่วนของฟลาโวนอยด์มากที่สุด

ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ร่างกายไม่กักเก็บไขมัน สุขภาพดี เหมาะกับการกินช่วงไดเอทสำหรับสาวๆ มากเลยล่ะค่ะ

5. ดื่มชา 'พู่เอ๋อ' ร้อนๆ ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8350b6f768010c87c16f4ee0df72eca1.jpg

นอกจากชาเขียว ชาอู่หลง ชาดำแล้ว ชาอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยลดเซลล์ไขมันในร่างกายก็คือ ' ชาพู่เอ๋อ ( pu-erh tea ) ' ชาหมักที่ส่งตรงจากเมืองจีน โดยนักวิจัยชาวจีนได้แบ่งหนูทดลองเป็น 5 กลุ่ม

โดยให้อาหารแต่ละกลุ่มแตกต่างกันไปในเวลา 2 เดือน มีกลุ่มที่ให้อาหารไขมันสูงแบบไม่ดื่มชา และกลุ่มที่ให้อาหารไขมันสูงแต่ให้สารสกัดชาพู่เอ๋อในปริมาณแตกต่างกันไป

ผลวิจัยค้นพบว่า ชาชนิดนี้ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยลดไขมันหน้าท้องในกลุ่มหนูทดลองที่ให้อาหารไขมันสูงอีกด้วย ทั้งนี้ต้องเตือนก่อนว่า ในมนุษย์ปกติ การดื่มชาพู่เอ๋ออาจให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพแตกต่างออกไปจากหนูทดลอง

แต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่น่าสนใจสำหรับสาวๆ ที่อยากลองชาชนิดใหม่นอกจากชาญี่ปุ่น โดยเราแนะนำให้ดื่มเป็นชาร้อนๆ จากใบชาโดยตรงจะให้รสชาติและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ

6. บอกลากางเกง/กระโปรงยางยืด ใส่แค่ 'กางเกงยีนส์/รูดซิปติดกระดุม' เท่านั้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/bd357a771f1d86a3f62ba4e3e3167f00.jpg

วิธีนี้อาจไม่ใช่การเผาผลาญไขมัน หรือจำกัดแคลอรี่โดยตรง แต่เป็นจิตวิทยาอ้อมๆ ให้เธอต้องรักษารูปร่างไว้! ปกติเวลาทำงานอยู่บ้านหรือไม่ต้องพบเจอผู้คน เรามักจะใส่เสื้อผ้าสบายๆ ใส่ง่ายๆ อย่างเดรสตัวโคร่งบ้าง กางเกงยางยืดบ้าง


แต่ข้อเสียคือเมื่อเป็นยางยืดที่ขยายออกได้เรื่อยๆ เราจะไม่รู้ว่าตัวเองกินเข้าไปเยอะเท่าไหร่แล้ว กว่าจะสุดขอบยางยืดจนอึดอัดพุง น้ำหนักอาจพุ่งไป 5-6 กิโลกรัมแล้วก็ได้ ถึงตอนนั้นการไดเอทก็จะยากขึ้นกว่าเดิมอีก Y^Y

ถ้าเริ่มรู้ตัวว่าอ้วนแล้ว แม้จะขึ้นมาแค่ 2-3 กิโลก็ตาม ให้หาเสื้อผ้าในตู้ที่ใส่แล้วรัดรูปหรือพอดีตัวมาใส่ระหว่างวันทันที แม้จะอยู่บ้านก็ต้องบังคับตัวเองให้ใส่ เช่น กระโปรงสอบ กางเกงยีนส์ กางเกงรูดซิป กางเกงติดกระดุม เป็นต้น


เมื่อเราใส่ชุดที่กึ่งทางการหรือชุดเหมือนจะออกไปนอกบ้าน เราจะควบคุมพฤติกรรมตัวเองได้มากขึ้นโดยอัตโนมัติ ไม่อยากกินเยอะเพราะกินแล้วจะอึดอัดตัวเอง จะเกิดอาการเสียดาย ไม่อยากอ้วนจนใส่กางเกงตัวโปรดไม่ได้ สุดท้ายก็จะค่อยๆ ลดไขมันหน้าท้องได้เองค่ะ

7. กิน 'แตงโม' เป็นผลไม้มื้อว่างแทนขนมหวาน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/69965ff55ece0fcc21eef0acda0b1335.jpg

สำหรับสาวไทยที่หาซื้อผลไม้สดได้ง่าย อยากหาผลไม้กินในมื้อว่างแทนขนมหวาน เราขอแนะนำเป็น ' แตงโม ' ที่ราคาถูก มีรสหวานกล้อมแกล้มแต่แคลอรี่ต่ำ เพราะมีน้ำในปริมาณที่สูง แทบจะกินเสริมโควต้าน้ำเปล่าในแต่ละวันได้เลย

และยังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการท้องอืด ( bloating ) ในสาวๆ ที่เป็นโรคกรดไหลย้อนหรือกินอาหารเยอะเกินไปจนอาหารไม่ย่อยอีกด้วยนะ

นักวิจัยของ University of Kentucky ค้นพบว่า การกินแตงโมช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกายได้ สาวๆ สามารถกินเป็นมื้อว่างระหว่างวัน

โดยจะกินเปล่าๆ หรือนำไปราดโยเกิร์ต, ราดสลัดผัก หรือปั่นรวมเป็นสมูทตี้รวมกับผลไม้อื่นๆ เช่น กล้วย สตรอว์เบอร์รี่ก็ได้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งน้ำหนักลด ทั้งเฮลตี้แบบนี้ ต้องลองกินดูแล้วล่ะค่ะซิส ^ ^

รูปภาพ:https://thumbs.gfycat.com/AnimatedSlushyGenet-max-1mb.gif

-------------------------

ทริคง่ายๆ ทั้ง 7 ข้อที่ช่วยให้เธอลดน้ำหนักได้ก็มีประมาณนี้ แค่ปรับพฤติกรรมการกิน เพิ่มการกินไขมันดี ผลไม้แคลอรี่ต่ำ กาแฟดำช่วยเผาผลาญไขมัน รวมถึงไลฟ์สไตล์อย่างการอยู่ในที่อากาศเย็น และใส่เสื้อผ้าให้พอดีตัวอยู่ตลอดเวลา ก็เป็นการบังคับตัวเองอ้อมๆ ว่าจะปล่อยตัวให้อ้วนไปกว่านี้ไม่ได้ แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือน้ำหนักจะลงค่อนข้างช้า ปีละ 1-2 กิโล ข้อดีคือทำได้เรื่อยๆ ทรมานไม่เครียดค่ะแต่ถ้าอยากผอมไวกว่านี้ ก็จำเป็นต้องคุมอาหารและออกกำลังกายทั้งเวทและคาร์ดิโอควบคู่ไปด้วยอยากหุ่นเป๊ะในเวลาอันรวดเร็วก็ต้องพยายามเพื่อให้ได้มาถือว่าบทความนี้เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ยังชิลล์ได้อยู่ แต่เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพก็แล้วกันเนอะ เจอกันใหม่บทความหน้าน้า บ๊ายบาย

(´。• ω •。`) ♡