สวัสดีค่าา สาวๆ SistaCafe ที่มีแฟนฉายา ' เจ้าขี้งอน ' ทั้งหลาย!
มนุษย์ในโลกนี้ก็มีหลายแบบเนอะ~ ในเรื่องของความรัก บางทีเราก็เลือกไม่ได้ว่าใครจะคลิกกับเราแบบตรงสเปค 100% คนปัจจุบันนี้เขาก็เอาใจใส่ เทคแคร์ดีบ้างในหลายโอกาสแหละ แต่สิ่งที่น่าปวดหัวสุดในความสัมพันธ์คือ เขาเซนซิทีฟมากๆ ภาษาชาวบ้านก็ขี้น้อยใจแหละ -_- เผลอทำอะไรแบบไม่ได้คุยกับเขาก่อน เป็นเรื่องเลยจ่ะ บ้านแตก! ทั้งที่คนทั่วไปเขาก็คงขำๆ ปล่อยผ่าน แต่คนนี้ไม่ได้เลยจ้า ละเลยเกินก็ไม่ได้ เอาใจเกินก็ไม่ได้ งง
คุยกันเรื่องประเด็นอ่อนไหว ศาสนา สิ่งแวดล้อม ครอบครัวใดๆ โดนด่า โดนงอนไปหลายรอบแล้ว บางประเด็นยังงงว่า เอ๊ะ ฉันผิดเหรอ ( วะ )?? บางทีก็เหนื่อยนะ ยิ่งคนที่ได้แฟนขั้วตรงข้ามกับตัวเอง เราชิลล์แต่เขาซีเรียสเบอร์แรงมาก จะรับมือ ปรับตัวยังไงให้ไม่ต้องเลิกกัน แง T T สาวๆ คนไหนที่ยังไม่รู้วิธีจะรับมือกับแฟนไทป์แบบนี้ยังไงดี มาอ่าน ' 7 วิธีรับมือแฟนนิสัยเซนซิทีฟ ' จะดูแลรักครั้งนี้ยังไงให้ไม่มีดราม่า ( หรือลดลงให้น้อยที่สุด ) เรามาดูกันเลยดีกว่าค่า ღƪ(ˆ◡ˆ)ʃ♡ƪ(ˆ◡ˆ)ʃ♪

จะทำความเข้าใจแฟนที่มีความเซนซิทีฟสูง ควรทำการบ้านไว้ก่อนด้วยการศึกษาว่า เขาชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดบ้าง คือสาวๆ บางคนอาจจะคบผู้ชายคนนึงเพราะหล่อ ผิวขาว สูง 180+ นิสัยน่ารักดีอะไรก็ว่าไป แต่อาจไม่เคยทำความรู้จักแฟนอย่างจริงจังว่า ถ้าตัดสเปคนั้นออกไป ผู้ชายคนนี้คือใคร ชอบกินอะไร ชอบไปที่ไหน ไม่ชอบทำสิ่งไหน มีทัศนคติ มุมมองต่อโลกแบบไหน ขัดกับความคิดของเธอหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากถึงมากที่สุดในชีวิตคู่ค่ะ
ถ้าเขินก็ไม่จำเป็นต้องถามเขาตรงๆ ทุกเรื่องก็ได้ พยายามสังเกตจากการใช้ชีวิตของเขาในชีวิตประจำวัน การแสดงออกต่อคนอื่นเป็นยังไง ชวนคุยเรื่องประเด็นต่างๆ ที่ทำให้เขาหลุด mindset ของตัวเองออกมา ที่สำคัญต้องอดทน แม้เจอสิ่งที่ขัดกับนิสัยเธอบ้าง ถ้าไม่ถึงขั้นต่างกันสุดขั้วก็ยอมๆ กันนิดนึง ถอยมาพบกันครึ่งทาง เขาเองก็ต้องทนกับนิสัยบางอย่างของเธอเหมือนกัน เมื่อเธอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เธอก็จะเข้าใจมุมของเขา และรู้ทันมากขึ้นว่าควรพูดหรือไม่พูดอะไรให้มีดราม่านั่นเอง

ผู้ชายแต่ละคนมีวิธีแสดงออกต่อความรักไม่เหมือนกัน บางคนชอบจับมือ หอมแก้ม จุ๊บๆ ในที่สาธารณะ พอเราชักมือออกหรือเบี่ยงตัวหนี วันนั้นแหละมีเรื่องแน่! ในขณะที่บางคนก็โตมาแบบมี social distancing ( ขอใช้ศัพท์โควิดนิดนึง ) ที่บ้านเลี้ยงแบบมีสเปซระหว่างกัน เขาจึงเข้าหาเธอไม่เป็น แค่ใช้คำพูดหวานบ้างนิดหน่อย สัมผัสมือหรือไหล่บ้าง สำหรับเขาก็คือให้ความรักอย่างล้นเหลือแล้ว
คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของเธอละว่า แฟนที่อยู่ข้างๆ เนี่ย อยากให้ทำแบบไหนถึงจะพอใจ? แต่จะเอาใจเขาทุกเรื่องโดยลืมความต้องการของเธอเองก็คงไม่ใช่ ต้องปรับจูน บาลานซ์ให้มันพอดี เช่น เขาอยากให้กอด จับมือบ่อยๆ ลูบหัว แต่เธอเขินและไม่ชอบสกินชิพอะไรขนาดนั้น ก็อาจพบกันครึ่งๆ ที่เธอทำบ้าง เขาทำบ้าง แต่สิ่งที่ไม่ควรละเลยเป็นอันขาด คือ ' คำชมเชยกับให้กำลังใจ ' อันนี้ควรให้ไปเลยแบบไม่อั้น เป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจชั้นดีที่ทำให้คู่รักอยู่กันยืดเลยล่ะ มนุษย์คนไหนก็ชอบให้ชมทั้งนั้นแหละ แม้จะขี้งอนแค่ไหนก็ตาม

บางครั้งที่เราโกรธ เบื่อ รำคาญความขี้ดราม่า ขี้น้อยใจของแฟน เพราะเรามองแต่ในมุมของตัวเอง คิดว่าทำแบบนี้ก็พอแล้ว จะอะไรกันนักหนา โทรหาแค่วันละครั้งจะตายรึไง เจอกันแค่สัปดาห์ละหนก็ถมเถ บลาๆ เพราะเธออาจมีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อนให้คุย ไปปาร์ตี้กันบ่อยอยู่แล้ว ในขณะที่แฟนอาจทำงานหนัก ไม่ค่อยมีสังคม ครอบครัวก็เหินห่าง สิ่งเดียวที่เขาจะอ้อนได้ ขอร้องได้ก็คือแฟนคนเดียว เป็นต้น
ลองนึกภาพว่าตัวเองมีชีวิตแบบเขา เจอประสบการณ์ต่างๆ มาแบบเขา เธออาจจะถึงบางอ้อว่าหลายนิสัยที่เขาเป็น ไม่แปลกเลยว่ามาจากอะไร ถ้าเธอเจอแบบเขาอาจจะเป็นหนักกว่านี้ก็ได้ใครจะรู้! วิธีนี้จะทำให้สาวๆ เข้าใจแฟนมากขึ้น อาจจะไม่ถึงขั้นยอมรับได้ 100% หรอก เพราะคนเราก็มีทิฐิของตัวเองอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้ลดความรำคาญ และพยายามทำให้เขารู้สึกดีมากขึ้น แทนที่จะปล่อยผ่านอย่างเคยค่ะ

คำพูดเป็นนายของเรา เมื่อพูดออกไปแล้ว มันจะไม่สามารถกดปุ่ม undo เหมือนทำงานในคอมพิวเตอร์ได้ คนฟังรับสารแล้วจำและตัดสินเธอจากคำพูดนั้นทันที ไม่ว่าจะพูดในทางดีหรือร้ายก็ตาม ไม่ใช่แค่กับแฟนนะ แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ สาวซิสก็ควรระวังคำพูดให้มากๆ คิดก่อนพูดให้เยอะ ยิ่งถ้าแฟนเป็นคนเซนซิทีฟ พูดอะไรนิดหน่อยก็เจ็บปวด ทิ่มแทงใจได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ก็ต้องเรียนรู้ว่าเขาไม่โอเคและอย่าหาพูดอีก!
เราเองก็มีเพื่อนเซนซิทีฟที่ไม่ใช่คนมีอารมณ์ขัน เวลาเล่าเรื่องตลกให้ฟังเขาจะยึดถือเป็นจริงเป็นจังมาก แม้จะมีประเด็นบุลลี่ ประชดขำๆ บ้างเขาก็จะหน้าบึ้งและสวดเรายาวทันที เพราะเขาไม่ตลกด้วย! สิ่งที่เราทำก็คือพูด ' ขอโทษ ' และไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมาอีก แม้ว่าสิ่งที่เราพูดจะไม่ตั้งใจ แต่เขาเสียความรู้สึกไปแล้ว ก็ขอโทษไปเถอะ จะได้เรียนรู้ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับทุกอย่างที่เราพูดได้ ยิ่งเป็นแฟนกัน ก็ต้องรักษาน้ำใจกันให้มาก จริงไหม?

คนที่เซนซิทีฟ ส่วนใหญ่ก็คือคนซีเรียสในชีวิตระดับนึง คนที่สามารถเก็บดีเทลเล็กๆ น้อยๆ มาคุยต่อยอด วิเคราะห์ หรือเก็บเป็นอารมณ์จากมันได้ จะยิ่งทนไม่ได้เป็นพิเศษ ถ้าคนรอบตัวทำสิ่งผิดพลาดซ้ำเป็นครั้งที่สอง ทั้งที่รอบแรกก็ได้สอน ได้คุยกันจน ( คิดว่า ) เข้าใจแล้ว ถ้าเธอทำซ้ำอีกรอบ เขาจะรู้สึกว่าเธอไม่ได้ใส่ใจเขาเลย เผลอๆ จะโทษตัวเองด้วยว่าเขาสอนเธอไม่ดีพอหรือเปล่า ทำไมเธอยังทำแบบเดิม เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตอีก
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ทั้งประเด็นเล็กๆ อย่างจัดเรียงของในบ้านไม่เรียบร้อย, พื้นไม่สะอาด, พูดหยาบคายผิดกาลเทศะ ไปจนถึงเรื่องที่คนทั่วไปยังไงก็โกรธ เช่น มาสาย, นินทาพ่อแม่เขาให้ตัวเขาฟัง, ขี้เกียจจนเสียการเสียงาน เจ้านายด่า เป็นต้น สิ่งที่เธอควรทำก็ง่ายๆ เลย แค่ ' อย่าทำผิดซ้ำสอง ' เท่านี้ก็ลดโอกาสดราม่าในครั้งหน้าไปได้เยอะแล้ว ลองดูค่ะซิส

สมมุติมีเหตุดราม่าที่ไม่ตั้งใจเกิดขึ้นจริงๆ เธอพยายามระวังแล้วแต่ก็ดันไปสะกิดต่อมเขาจนได้ บรรยากาศมาคุก่อตัวขึ้น เธอก็เบื่อ เขาก็โกรธ สิ่งแรกที่ทำคืออย่าบอกว่าเขา ' คิดไปเอง ขี้งอนอยู่ได้ ' เพราะสถานการณ์จะยิ่งแย่ลง ในเมื่อเห็นเขา ' ร้อน ' ก็ต้องปล่อยให้เขาเย็นลงด้วยการถอยห่างออกมา ปล่อยให้เขาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวสักพัก แล้วค่อยอธิบายจุดยืนของเราให้เขาฟังทีหลัง

ถ้าเซนซิทีฟในระดับทั่วๆ ไป ( ยังคุยกันรู้เรื่อง พบกันครึ่งทางได้ ) ก็ยังโอเค แต่สำหรับคนที่ขี้ดราม่า ขี้งอนเกินเบอร์ แค่เธอทำผิดนิดเดียวกลายเป็นเรื่องระดับชาติ งอนข้ามวันข้ามปี พูดอะไรก็ไม่ฟัง โลกหมุนรอบตัวเอง และยังเรียกร้องหลายอย่างจากเธอประหนึ่งเธอเป็นแม่ ไม่ใช่แฟน อันนี้น่าจะต้องคุยกันจริงจังแล้วว่า อะไรคือเบื้องหลังของพฤติกรรมเหล่านี้กันแน่??
ใช่แค่นิสัยส่วนตัวเขาจริงๆ หรือเขามีปมอะไรมา เขาอาจไม่ได้เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่แรก แต่มีเหตุการณ์หักมุมชีวิตหรือเปล่า เรื่องนี้ควรต้องทำความเข้าใจกันอย่างยิ่ง แสดงออกว่าเราเชื่อใจได้ จะไม่ไปปูดเรื่องของเขาให้คนอื่นฟัง เพื่อให้เขาสบายใจที่จะเล่าออกมา เมื่อเรารู้สาเหตุแล้วก็จะค่อยๆ บรรเทานิสัยนี้ หรือแก้ไขปัญหาที่เกิดได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ก็อย่าหวังว่า เขาจะสามารถแก้ปมนี้ได้ใน 2-3 วัน บางคนอยู่กับปัญหานั้นมาหลายสิบปีหรือทั้งชีวิต ยังไงก็ต้องใช้เวลา เอาแค่เขามีใจพร้อมที่จะเปลี่ยนไปกับเรา นั่นก็เป็นสัญญาณที่ดีมากแล้วล่ะค่ะ
------------------------------------------------------
เพราะคนเราเติบโตมาแตกต่างกัน ทั้งพื้นเพทางบ้าน นิสัย ทัศนคติ มุมมองต่อโลกใบนี้ บางคนอาจปล่อยวาง มองผ่านสิ่งเล็กน้อยจุกจิกได้ แต่บางคนก็มองเห็นดีเทลตรงนั้นเป็นปัญหาที่ไม่ควรปล่อยผ่าน ควรนำมาคุยและหาทางแก้ต่อไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า บางคนก็จ้องจับผิดทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจนข้ามเส้นที่เรียกว่า ' น่ารำคาญ ' เกินไป ถ้าแฟนของสาวๆ คนไหนยังอยู่ในระดับที่เปิดใจคุยได้ มีเจตนาที่อยากให้เธอเข้าใจมุมมองคนอื่นมากขึ้น ทำให้เธอเติบโตขึ้น ( แม้บางครั้งจะจบด้วยน้ำตาก็เถอะ ) ก็ยังคุ้มกับการประคองให้ได้ไปต่อค่ะ
แต่ถ้าคนไหนที่จ้องแต่จะหาเรื่อง ง้อแล้วไม่จบ ไม่ให้อภัย ตามขุดคุ้ยเรื่องเดิมที่เธอพลาดซ้ำซาก โลกหมุนรอบตัวเอง ให้เธอต้องมาคอยเอาใจตลอดเวลา อันนี้ก็ต้องทบทวนแล้วว่ายังอยากจับมือกันต่อไปไหม เพราะสุดท้ายเราก็ต้องเคารพความเป็นตัวตนของกันและกัน จึงจะเป็นรักที่มั่นคงและยั่งยืนเนอะ ♡ ( ̄З ̄) สำหรับวันนี้เราต้องขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่า
Comments