- - - สวัสดีค่าาา สาวๆSistaCafeที่กำลังมี' พุงน้อยๆ 'ทุกคน - - -ดูจากสถานการณ์โควิดช่วงนี้แล้ว ท่าทางจะได้ work from home กันไปยาวๆ ฟิตเนสก็ปิด จากที่ทำงานอยู่บ้านมาแล้วตลอดทั้งปี ของกินทั้งอาหารเดลิเวอรี่ ขนมหวานก็คือเต็มที่มาก จากที่เคยหุ่นดีใส่เสื้อครอป เกาะอก รัดรูป เอวลอยได้ชิลล์ๆ เจ้าไขมันตัวดีก็เริ่มโผล่มาทักทายหน้าท้องที่เคยแบนราบ ลองจิ้มตอนนี้คือนิ่มย้วยสุดๆ ช่วงนี้ชีวิตก็ยุ่งวุ่นวายเหลือเกิน ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย แต่ก็อยากทวงคืนหุ่นดีหุ่นเดิมกลับมา หรือจะต้องเข้าโหมดอดข้าวดี??

ใจเย็นก่อน! นักโภชนาการได้บอกไว้ว่า ถ้าอยากมีหน้าท้องแบนราบ ทางออกไม่ใช่การกินน้อยลงเท่าแมวดม หรือถึงขั้นอดข้าวเสมอไป ทรมานตัวเองไม่พอ บางทีอ้วนขึ้นด้วยเพราะร่างกายเข้าโหมดจำศีล เผาผลาญน้อยลง ควร ' เลือกกินอย่างฉลาดขึ้น ' จะเข้าใกล้หุ่นในฝันมากกว่าแค่กินอาหารให้ถูกประเภท ร่างกายก็เบิร์นไขมันได้มากขึ้นโดยไม่ต้องออกกำลังกายด้วยซ้ำไป ถ้าไม่เชื่อก็ลองทำตาม' 8 กฎเหล็ก กินลดไขมันพุง หน้าท้องแบนราบแบบไม่เหนื่อย 'ในบทความนี้กันเลย ต้องกินอาหารแบบไหนบ้าง มาดูไปพร้อมๆ กันค่ะ  ╰( ͡° ͜ʖ ͡° )つ

1. กินอาหาร/เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ 'ขับปัสสาวะ ลดบวม' ในทุกมื้อ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/0914198e1afd57f1e4ae2be91d6a23a0.jpg

สำหรับสาวๆ บางคนที่เพิ่งมีพุงน้อย ไขมันหน้าท้องอาจจะไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ที่ดูบวมๆ อืดๆ ล้นเสื้อครอป เกาะอกเพราะร่างกาย ' บวมน้ำ ' มากกว่า หากสาวๆ กินอาหารที่มีรสจัด เค็มจัด เผ็ดจัดเยอะเกินไป เช่น บะหมี่ ข้าวกล่องสำเร็จรูป ไส้กรอก เซลล์ในตัวจะทำการอุ้มน้ำ ทำให้ท้องอืด ตัวดูอ้วนเกินกว่าความเป็นจริงได้


ซึ่งเธอสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ ' ขับปัสสาวะ ( diuretic ) ' ชื่ออาจจะฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ ก็แค่ทำให้เข้าห้องน้ำบ่อย ลดบวมเท่านั้นเองค่ะ

เครื่องดื่มที่ทำให้หน้าท้องแบนราบได้ง่ายที่สุดคือ ' น้ำมะนาว ' เพราะมะนาวช่วยขับน้ำออกจากร่างกายได้ตามธรรมชาติ เวลาสาวๆ เห็นสูตรดีท็อกซ์ร่างกายด้วยน้ำ ทุกคนจึงแนะนำเป็นน้ำเปล่าใส่มะนาวหั่นซีก


แต่ถ้าอยากกินผักผลไม้ที่ได้เคี้ยวบ้าง ก็สามารถกินเป็นแตงกวา มะเขือเทศ กีวี แตงโม ผักใบเขียวและอะโวคาโด  ก็ช่วยลดบวม ทำให้เธอกำจัดน้ำส่วนเกินออกได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

2. ดื่มชาสมุนไพรที่ช่วย 'ดีท็อกซ์ลำไส้' ตามธรรมชาติ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/17c35283567329988b117198b0442940.jpg

เครื่องดื่มอีกชนิดที่เราไม่อยากให้สาวๆ พลาดหากอยากลดหน้าท้องคือ ' ชาสมุนไพร ' ที่มีสรรพคุณช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ ลดอาการท้องอืด จิบแล้วส่งผลให้สบายท้อง เพียงดื่มหลังมื้ออาหารที่รู้สึกว่ากินเยอะเกินไป หรือกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก

ซึ่งก็มีหลากหลายชนิดให้เลือก ที่ดังๆ หน่อยก็เช่น ขิง, เปปเปอร์มินต์, คาโมไมล์, ชาเขียว, ชามะนาว เป็นต้น

เพียงหย่อนถุงชาลงไปถ้วย รินน้ำเดือดจัดลงไป รอให้อุ่นแล้วค่อยๆ จิบทีละนิดตอนที่ยังอุ่นอยู่ อย่าปล่อยให้เย็นชืดหรือดื่มรวดเดียว ประสิทธิภาพจะลดลง!


นอกจากหน้าท้องจะยุบลงแล้ว ข้อดีคือชาสมุนไพรบางชนิดยังมีฤทธิ์ช่วยกล่อมให้ง่วงนอนได้เร็วขึ้น แก้ปัญหานอนไม่หลับได้อีกด้วย 2 in 1 สุดๆ เช่น ชาคาโมไมล์ค่ะ (´。• ω •。`) ♡

3. เปลี่ยนจานอาหารให้ 'เล็กลง' กว่าเดิม

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/04c695fac4266978e45f09090692c45d.jpg

เรียกว่าเป็นทริคทางจิตวิทยาหน่อยๆ ก็ได้ แต่การเปลี่ยนขนาดจานอาหารให้เล็กลงกว่าเดิม ช่วยทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นได้จริง เพราะคนเราไม่ได้กินอาหารแค่ลิ้น แต่เรายังกินทาง ' สายตา ' ด้วยเช่นกัน


ถ้าอาหารอยู่ในจานใบใหญ่ เราจะรู้สึกว่าไม่ได้เยอะขนาดนั้น ควรกินให้หมดเดี๋ยวเสียของ ( แม้จะแคลอรี่เกินโควต้าไปมากโข.... ) จึงลงเอยด้วยการได้รับพลังงานส่วนเกินโดยไม่จำเป็น น้ำหนักพุ่ง พุงออกซะงั้น

มีงานวิจัยเผยว่า คนที่กินน้อยลงกว่าเดิมในจานขนาดเล็ก จะทำให้กินได้หมดเร็วขึ้น ทำให้รู้สึกผิดที่จะเติมจานที่สองหรือหาอะไรกินเพิ่มเติมไปโดยไม่รู้ตัว จึงส่งผลทางอ้อมให้กินน้อยลงต่อวัน จึงน้ำหนักค่อยๆ ลดลงได้ในระยะยาว

เพียงกินข้าวในจานหรือชามเล็กๆ ( อย่าขี้โกง อัดข้าวให้เต็มชามนะคะ ใช้ปริมาณเหมือนตักข้าวใส่ชามปกติ ) ติดต่อกันสักเดือนสองเดือน น้ำหนักลงแน่นอน พุงก็ลดลงด้วยเป็นของแถมค่ะ

4. กินอาหารที่ 'เค็มน้อย' เลี่ยงโซเดียมจากเกลือให้มากที่สุด

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/d9921e453b2686c3ca9d82a16b8fac36.jpg

รสเค็มจาก ' เกลือ ' และผงชูรสในอาหารที่อุดมไปด้วยโซเดียม ถือว่าเป็นศัตรูตัวร้ายของหุ่นผอมเพรียวเลยล่ะ! แม้ไม่ใช่คนน้ำหนักเกิน การกินโซเดียมเยอะเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการบวมน้ำ ทั้งใบหน้า แขน ขา นิ้ว ข้อเท้าและเท้า ทำให้ดูอ้วนขึ้น

โดยเฉพาะหน้าท้องที่ร่างกายจะกักเก็บของเหลวไว้ด้านใน นอกจากจะใส่ชุดโชว์พุงไม่ได้ หรือยัดตัวเองเข้าไปในกางเกงยีนส์สกินนี่ตัวโปรดลำบากกว่าเดิมแล้ว ถ้าบวมน้ำหนักๆ อาจถึงขั้นนิ้วบวมจนใส่แหวนไม่เข้าเลยทีเดียว

แทนที่จะปรุงรสอาหารด้วยเกลืออย่างเดียว พยายามเลือกเป็นอาหารสดที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแห้ง เช่น พริกป่น ผงกระเทียม หรือพริกไทยดำแทน ให้รสชาติที่เผ็ดร้อน อร่อย แต่ไม่ทำให้ท้องอืดบวม

หรือถ้าทำอาหารเองแบบโฮมเมด ก็พยายามใช้เครื่องปรุงที่เป็นมะนาวหรือน้ำส้มสายชูแทน นอกจากแคลอรี่น้อยลง ยังไม่บวมน้ำ กินแล้วรู้สึกตัวเบาสบาย หน้าท้องก็ไม่ป่องด้วยค่ะ

5. 'เคี้ยวอาหารให้ละเอียด' ก่อนกลืนลงกระเพาะ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/36dea5ccba262ae73623467a3e681fe5.jpg

ข้อนี้อาจไม่ใช่เรื่องของชนิดอาหารโดยตรง แต่กระบวนการก่อนอาหารจะลงกระเพาะก็ควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน! เช่นการเคี้ยวอาหาร ไม่ใช่ว่าจะเคี้ยวยังไงก็ได้ ถ้ารีบกิน เคี้ยวเร็วเกินไป เธอจะกลืนลมส่วนเกินลงไปด้วย


จึงทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อได้ กระเพาะก็รับหน้าที่หนักขึ้นในการย่อยอาหารด้วย ยังไม่นับว่าการกินเร็วเกิน เศษอาหารอาจติดคอ สำลักได้อีก!

ไม่ว่าจะรีบกินขนาดไหน ก็ต้องเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เมื่อตักอาหารเข้าปากหนึ่งคำ ต้องเคี้ยวซ้ำคำเดิมให้ครบ 20 ครั้งก่อนกลืน

ให้แน่ใจว่าเศษอาหารถูกบดละเอียดแล้วจริงๆ เมื่อลงสู่กระเพาะก็ย่อยง่ายขึ้น เมื่อลำไส้ทำงานได้ดี หน้าท้องก็ไม่ป่องกวนใจค่ะ

6. เน้นกินอาหารที่มี 'ไฟเบอร์สูง'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/4a3b559421bc4bf1d8d1182346788a2b.jpg

หนึ่งในสารอาหารที่มีประโยชน์สุดๆ ที่ไม่ว่าจะอยากผอมหรือแค่สุขภาพดีก็ควรกินคือ ' ไฟเบอร์ ' ซึ่งมีส่วนสำคัญกับลำไส้และการย่อยอาหาร ทำให้อิ่มนาน ไม่หิวพร่ำเพรื่อ ปรับระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ อีกทั้งยังมีคุณประโยชน์อื่นๆ

เช่น ลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ ทำให้อายุยืนขึ้น เพราะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้ด้วยค่ะ

อาหารประเภทไฟเบอร์หลักๆ ที่หาได้ง่ายก็เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วอัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง โฮลเกรน แครอท ข้าวโพด บร็อคโคลี่ ผักโขม หรือถ้าไม่ชอบรสสัมผัสของธัญพืชหรือความขมของผัก ก็สามารถกินผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงได้ เช่น กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล ( สีเขียวน้ำตาลน้อยกว่าสีแดง ) มะละกอ มะม่วง ฝรั่ง

( แอบกระซิบว่าดาร์กช็อกโกแลต มะพร้าวขูดและข้าวโพดคั่วที่เป็นของโปรดสาวๆ หลายคน ก็เป็นแหล่งของไฟเบอร์ที่ดีเช่นกัน )  ข่าวดีคืออาหารพวกนี้ก็เป็นอาหารไดเอทไปในตัวอยู่แล้ว ถ้ากินแบบควบคุมปริมาณ ยังไงหุ่นก็ดีขึ้นชัวร์

7. กินอาหารที่มี 'แมกนีเซียมและโพแตสเซียม' สูง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/ab0d72626a5409fadb11752e7a292560.jpg

นอกจากไฟเบอร์แล้ว แร่ธาตุจำเป็นที่ร่างกายต้องการ และยังช่วยกำจัดอาการบวมน้ำในร่างกายได้ดีสุดๆ ก็คือ ' โพแตสเซียม ' และ ' แมกนีเซียม ' ยิ่งกินคู่กันเป็นดูโอ้ ก็ยิ่งทำให้หน้าท้องป่องๆ จากลมหรือน้ำที่กักเก็บไว้ ถูกระบายออกให้แบนราบได้ง่ายขึ้น


เพราะอาการท้องอืด ในทางการแพทย์คือสัญญาณของสารอิเล็กทรอไลต์ในร่างกายไม่สมดุล แต่แร่ธาตุทั้งสองอย่างนี้ช่วยไปปรับให้สมดุลขึ้นนั่นเอง

อาหารแนะนำที่มีโพแตสเซียมสูง หาซื้อกินได้ง่ายก็เช่น กล้วย มันฝรั่ง ผลไม้อบแห้ง

กินคู่กับอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง เช่น ผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักบุ้ง คะน้า เมล็ดฟักทอง เท่านี้ก็ใส่เสื้อครอปเผยหน้าท้องได้อย่างมั่นใจมากขึ้นแล้ว ( ´ ∀ `)ノ~ ♡

8. ดื่ม 'น้ำเปล่า' 1-2 แก้วหลังตื่นนอนทันที

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5db782d896222d971b05d13fa204b061.jpg

อย่าประมาทพลังของ ' น้ำเปล่า ' เชียว! นอกจากช่วยให้สุขภาพผิวและระบบในร่างกายทำงานเป็นปกติแล้ว ยังช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ไขมันในร่างกายถูกเบิร์นมากขึ้นกว่าเดิม

เพียงดื่มน้ำ 1-2 แก้วใหญ่ๆ หลังตื่นนอนทันที ก่อนดื่มชาและกาแฟ จะช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย ขับถ่ายของเสียออกมาอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งยาระบาย ลดความเสี่ยงท้องผูก ทำให้ร่างกายสดชื่นตื่นตัว พร้อมลุยงานในชีวิตประจำวัน

บางครั้งเวลาที่เราปวดหัว เพราะเราดื่มน้ำน้อยเกินไปในช่วงกลางคืน เมื่อนอนยาว 8 ชั่วโมง น้ำในร่างกายจึงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ตื่นมาสมองมึน เบลอ หรือถึงขั้นปวดหัวได้ และเมื่อสมองไม่แล่น ก็ทำให้เครียด อยากกินจุกจิกไปโดยไม่รู้ตัว

อยากหัวไบรท์แจ่มใส แถมลดความอ้วนไปด้วยแบบไม่ต้องพยายาม ต้องดื่มน้ำเปล่าเป็นประจำทุกเช้านะคะซิส

---------------------------------------

อยากผอมต้องไม่อด แต่ต้องกินให้เป็น! แค่เลือกประเภทอาหารและเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณช่วยดีท็อกซ์ เผาผลาญไขมัน เช่น น้ำเปล่า อาหารไฟเบอร์สูง อาหารลดเค็มจากโซเดียม อาหารที่มีโพแตสเซียมและแมกนีเซียม ชาลดบวมต่างๆ และวิธีที่ช่วยคุมอาหารอย่างการจำกัดปริมาณมื้ออาหารด้วยขนาดจาน เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน ไขมันที่เคยสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะหน้าท้องก็จะค่อยๆ ลดลงจนกลับมาแบนราบได้เหมือนเดิมค่ะแม้วิธีเหล่านี้จะเหมาะกับซิสที่เพิ่งเริ่มมีพุง ถ้าอยากลดแบบเป๊ะและเฟิร์มก็ต้องทำควบคู่กับการออกกำลังกายอยู่ดีนะ ไม่ต้องออกหนักก็ได้ค่ะ ไปคาร์ดิโอ วิ่งบ้าง เวทบ้าง วันละ 30-45 นาที 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ จะได้มีซิกแพ็คสวยๆ ใส่เสื้อผ้าได้เพอร์เฟกต์มากขึ้น อิอิ สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่ค่า บ๊ายบายยย

(´♡‿♡`)