คุซัตสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen, 草津温泉) เป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น (อีก 2 ออนเซ็นคือ อะริมะออนเซ็น จ.เฮียวโกะ และ เกโระออนเซ็น จ.กิฟุ) ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งออนเซ็นเท่านั้น คุซัตสึยังมีโรงแรม เรียวกัง (โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น) อาหารอร่อยๆ รวมถึงกิจกรรมในแบบญี่ปุ่นให้ทำด้วย ไม่ว่าฤดูไหนก็สามารถไปท่องเที่ยวได้ ฤดูร้อนอากาศเย็นสบาย ฤดูหนาวก็มีหิมะให้ชม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ ในการพักผ่อน ผ่อนคลายความเมื่อยล้าของร่างกาย

สำหรับคนท่ีมีรอยสัก ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถเข้าได้เหมือนเพื่อนๆ แล้วจะต้องนั่งเหงา เพราะที่นี่มี

https://www.japankuru.com/ta/accommodation/e1497.html

!

รูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017154476212500.jpg

การเดินทาง

สามารถเดินทางจากโตเกียวได้โดยรถไฟหรือรถบัส โดยใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง

รถไฟชินคันเซ็น+รถบัส

: สถานี Tokyo ►สถานี Karuizawa ► Kusatsu Onsen (2 ชั่วโมง 30 นาที)

รถไฟ(ด่วน)+รถบัส

: สถานี Ueno ► สถานี Naganohara-Kusatsuguchi ► Kusatsu Onsen (3 ชั่วโมง)

รถบัส

: Shinjuku ► Kusatsu Onsen (4 ชั่วโมง)

รูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017172642630500.jpg

"ยูบะทาเกะ" แลนด์มาร์คของคุซัตสึออนเซ็น

แหล่งออนเซ็นที่มีจำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่น "ยูบะทาเกะ" เป็นสัญลักษณ์ของคุซัตสึออนเซ็น ที่ไม่ว่าจะถ่ายภาพจากมุมไหนก็สวยทุกมุม รวมถึงที่นี่ยังมี "อะชิยู" หรือการแช่ออนเซ็นเท้า ที่สามารถเห็นบรรยากาศสวยๆของยูบะทาเกะไปด้วยขณะแช่ รวมทั้ง Light Up แสงสีตอนกลางคืน แต่ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ต่างก็มีเอกลักษณ์และสวยไม่แพ้กัน สำหรับคนที่อยากเพิ่มความเป็นญี่ปุ่นอีก level สามารถเช่าชุดยูกาตะ ใส่เดินเล่น เก็บภาพสวยๆ เป็นอีกหนึ่งทริปที่จะต้องประทับใจไปอีกนาน

รูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017190113995000.jpg

ยูโมมิ (湯もみ)

"ยูโมมิโชว์" เป็นการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นของคุซัตสึออนเซ็น(ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจมีการหยุดให้บริการ) ยูโมมิ เป็นหนึ่งในวิธีการอาบน้ำ โดย "ยูโมมิเกิร์ล" จะใช้ไม้กระดานยาว 180 เซนติเมตร ในการกวนน้ำ ที่ช่วยให้อุณหภูมิของน้ำร้อนเย็นขึ้น โดยที่ไม่ทำให้น้ำนั้นลดประสิทธิภาพลงไป นอกจากนี้ยังเป็นการทำให้น้ำอ่อนตัวลง และเป็นการออกกำลังกายก่อนแช่น้ำอีกด้วย

รูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017211663536100.jpgรูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017215829431800.jpg

ออนเซ็นกลางแจ้งขนาดใหญ่

บริเวณนี้มีออนเซ็นหลายแห่ง แต่ที่ที่เราอยากแนะนำมากที่สุดก็คือ ไซโนะคาวาระ โรเท็นบุโระ (西の河原露天風呂, Sainokawara Open Bath) เป็นออนเซ็นกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สามารถชมวิวธรรมชาติ และได้ผ่อนคลายไปในตัว รวมถึงบางวันนั้นมีออนเซ็นรวม ที่คู่รัก กลุ่มเพื่อน หรือครอบครัว สามารถมาแช่น้ำได้พร้อมๆกัน

รูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017231515107800.jpgรูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017235068918400.jpg

กิจกรรมฤดูหนาว เล่นหิมะ เล่นสกี

นอกเหนือจากออนเซ็นแล้ว ที่คุซัตสึ ยังมีกิจกรรมสนุกๆอีกหลายอย่าง เช่น ลานสกี ที่สามารถเล่นสกีและการเล่นหิมะ สามารถเล่นได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มหัดเล่นสกี นอกจากนี้ยังมี zip line ให้เล่นตลอดทั้งปี ที่สามารถเห็นความเขียวขจีของต้นไม้ในฤดูร้อน หรือแม้แต่หิมะที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณในฤดูหนาว

รูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017250212269600.jpgรูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017254044991600.jpg

เที่ยวออนเซ็นแบบสโลว์ไลฟ์

การมาเที่ยวที่คุซัตสึที่ดีคือ การเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ นอนพัก 1 คืน ในโรงแรมหรือเรียวกัง ที่มีให้เลือกมากมาย ตามความชอบและสไตล์ของแต่ละคน

รูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017264930271000.jpg

หลังจากเที่ยวที่คุซัตสึกันแบบเต็มอิ่มแล้ว ขากลับเราอยากแนะนำให้ไปแวะที่ คารุอิซาว่า โดยสามารถนั่งรถบัสจากคุซัตสึ ไปลงที่สถานี Karuizawa ช้อปปิ้งร้านของฝาก ซื้อของ outlet ที่อยู่หน้าสถานี จากนั้นค่อยนั่งรถไฟชินคันเซ็นกลับโตเกียว เป็นทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ที่ได้ผ่อนคลาย หรือหากอยากจะสโลว์ไลฟ์กว่าเดิม อาจเพิ่มเวลาเป็น 3 วัน 2 คืน ไปดู snow monkey ที่ชิกะโคเก็น และแช่น้ำร้อนกับลิง! ให้เป็นทริปที่จะอยู่ในความทรงจำของคุณ วางแพลนเที่ยวญี่ปุ่นคราวหน้า อย่าลืมใส่ "คุซัตสึ" ลงไปในแพลนด้วย

รูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017280638571600.jpgรูปภาพ:https://img.japankuru.com/prg_img/img/img2020113017280843583800.jpg

แวะเยี่ยมน้องลิงแก้มแดง ที่

https://www.japankuru.com/ta/tour/e2770.html#newpage6

สามารถติดตามเรื่องราวจากญี่ปุ่นกับ Japankuru (เจแปนคุรุ) ได้ทางhttp://facebook.com/japankuruthai