สวัสดีค่าาา สาวๆSistaCafeมือใหม่หัดลดความอ้วนทั้งหลาย ( ´ ▽ ` ).。o♡คนเราจะน้ำหนักขึ้นได้เพราะอะไร ก็เพราะกินของที่ชอบ แคลอรี่สูงปรื๊ดอยู่ตลอดเวลา เช้าสายบ่ายเย็นก็ไม่หยุดคว้าของกินเข้าปาก เพราะสมองกรีดร้องว่า' ฉันหิว! หาอะไรให้ฉันกินเดี๋ยวนี้!!! 'จนสุดท้ายตาชั่งกับกางเกงตัวโปรดกรีดร้องแทนว่าเธออ้วนเกินพิกัดแล้ว ใส่ไม่ได้ คับติ้วยกตู้เลยจ้าแม่ TTเลยต้องเข้าสู่วงการลดน้ำหนัก ( อีกครั้ง ) แต่กินอะไรก็ไม่อิ่มเลยยย สุดท้ายตบะแตกเปิดตู้เย็นตอนดึกตลอด แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะผอมสักที #เหนื่อยใจ (╥﹏╥)กฎในการลดความอ้วน ใครๆ ก็รู้ว่าต้องกินอาหารให้น้อยลง แต่เมื่อการรับรู้ของสมองเป็นอุปสรรคกับหุ่นสวยของเรา ก็ต้องมีทริคช่วยเพื่อบอกสมองว่าเราอิ่มในมื้อนั้นๆ เพื่อลดการกินจุกจิกนอกมื้อ แคลอรี่ต่อวันไม่เกินโควต้า โดยไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วนกดประสาทให้มึนหัว เบลอ สุขภาพจิตพังเพราะในบทความนี้เรามาบอกต่อ' 7 วิธีหลอกสมองให้อิ่ม ทั้งที่กินน้อยกว่าเดิม 'เพื่อให้ประสบความสำเร็จกับน้ำหนักที่ตั้งใจไว้นะคะซิสจะต้องทำยังไงบ้างเรามาดูกันเลย

1. กิน 'แอปเปิ้ล 1 ลูก' ก่อนมื้ออาหารทุกครั้ง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/d691c69a99b806086e528c44eb88f9b3.jpg

เวลาเราหิวจัดๆ กระเพาะว่างเปล่า สมองจะส่งสัญญาณให้เราอยากกินเยอะกว่าปกติ น้ำย่อยร้องโครกคราก ซึ่งแน่นอนว่าเวลาหิว เราไม่กินสลัดผัก อกไก่จืดๆ หรือน้ำเปล่าแน่ แต่เราจะคิดถึงเบอร์เกอร์ ไก่ทอด บิงซู ชานมไข่มุก ไอติมครีมข้นๆ ที่แคลอรี่สูงพุ่งไปถึงดาวอังคารไว้ก่อน


สุดท้ายกินเสร็จก็มานั่งเศร้าเสียใจ เพราะเกินโควต้าพลังงานวันนั้นไปสิบเท่าเห็นจะได้ แต่มันก็สายไปแล้ว อ้วนใน 3 2 1....

วิธีง่ายๆ ที่จะยับยั้งความหิว มีสติในการกินมากขึ้นได้ก็คือ ' กินแอปเปิ้ล 1 ลูก ' ก่อนมื้ออาหารทุกครั้ง ไม่เอาน้ำแอปเปิ้ลเหลวๆ นะ ควรเป็นแอปเปิ้ลสดกรอบๆ ที่ใช้ฟันเคี้ยวเพื่อให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์อย่างเต็มที่

ไฟเบอร์นี้จะมีคุณสมบัติช่วยให้อิ่มนาน ลดพื้นที่ในกระเพาะ ขับถ่ายง่าย และยังมีแคลอรี่ต่ำ ไม่ทำให้อ้วนขึ้นอย่างแน่นอน หรือถ้าไม่ชอบแอปเปิ้ล จะกินซุปแคลอรี่ต่ำใส่ผักเยอะๆ หรือสลัดผักที่มีไฟเบอร์สูงก็ได้เช่นกันค่ะ

(°◡°♡)

2. กิน 'ถั่วต่างๆ' เป็นมื้อว่างระหว่างวัน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b70cfd544c6cb6b303bde71a426309cc.jpg

บางครั้งเรากินมื้ออาหารหลักในปริมาณที่น้อยเกินไป ไลฟ์สไตล์ใช้พลังงานทั้งแรงกายและสมองค่อนข้างเยอะ ก็ทำให้สมองสั่งให้เพิ่มแคลอรี่ระหว่างวัน จึงไม่แปลกที่พนักงานออฟฟิศหรือคนใช้แรงงานต้องหากาแฟ น้ำอัดลม น้ำหวานๆ ที่มีน้ำตาลเยอะเพื่อทำให้สมองรู้สึก ' ฟิน '

แต่ตามมาด้วยผลเสียมากมาย ทั้งน้ำหนักขึ้น เสี่ยงโรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง ไขมันอุดตัน และถ้าน้ำตาลในเลือดมีปริมาณเยอะเกินไป อาจทำให้ร่างกายไม่สมดุล เลือดเป็นกรดได้เลยล่ะ!

ควรเปลี่ยนมื้อว่างระหว่างวันช่วงบ่ายๆ จากเครื่องดื่มพลังงานสูงที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ เป็น ' ถั่วต่างๆ ' ( ที่ไม่เคลือบน้ำตาลนะจ๊ะ อย่าขี้โกง! ) เช่น อัลมอนด์ พิสตาชิโอ หรือถั่วลิสงก็ได้


แต่ต้องจำกัดปริมาณไม่เกิน 1 กำมือหรือ 10-15 เมล็ด จะได้พลังงานที่พอดีคือประมาณ 200 แคลอรี่ มีสารอาหารครบทั้งไฟเบอร์ โปรตีนและไขมัน ดีกับสุขภาพและน้ำหนักตัวสุดๆ เลยล่ะค่ะ (´。• ω •。`) ♡

3. ดื่มน้ำเปล่า หรือ 'เครื่องดื่ม 0 แคลอรี่' เยอะๆ ระหว่างมื้ออาหาร

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/4413f7ec601c509ec6eff34b7c46801c.jpg

หากร่างกายของสาวๆ ได้รับน้ำไม่เพียงพอ อยู่ในภาวะขาดน้ำ ( dehydration ) สมองจะส่งสัญญาณหลอกให้สาวๆ รู้สึก ' หิว ' และเวลาหิวเราก็มักจะนึกถึงอาหารอ้วนๆ ที่ให้พลังงานสูง ทั้งที่จริงร่างกายอาจแค่ขาดน้ำเท่านั้น

กลายเป็นว่ายิ่งกินเยอะกลับยิ่งหิวเพราะไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ สุดท้ายก็น้ำหนักขึ้นโดยไม่จำเป็น และอาจเลือดข้นเหนียว ท้องผูก หรือประจำเดือนมาไม่ปกติได้

เพื่อให้ร่างกายมีความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ สาวๆ ที่อายุ 14-18 ปี ควรดื่มประมาณ 8-11 แก้วหรือ 1.9-2.6 ลิตร, อายุ 19 ปีขึ้นไป ควรดื่ม 9 แก้วต่อวันหรือ 1. ลิตร จึงจะไม่เกิดอาการหิวจุกจิก แต่ถ้ามีไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่สูญเสียน้ำกว่าเดิม เช่น ออกกำลังกาย อยู่กลางแจ้งในอากาศร้อน ก็อาจต้องดื่มน้ำเพิ่มเติม

แนะนำเป็นน้ำเปล่า, กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล, ชาเขียว, ชาดำ, ชาขาว, ชาอู่หลง หรือชาสมุนไพรใดๆ ก็ได้ที่มีแคลอรี่น้อยมากหรือเทียบเท่า 0 แคลอรี่ เพื่อไม่เพิ่มพลังงานส่วนเกินระหว่างมื้อนะคะ

4. ตัดอาหารในจานเป็นชิ้นๆ ช่วยให้รู้สึก 'สมองอิ่ม' มากขึ้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/524689b3674599fbc2b91eddb2e91138.jpg

ข้อนี้เป็นทริคหลอกสมองแบบจิตวิทยาหน่อยๆ บางครั้งการที่เราจะรู้สึกอิ่มหรือไม่ อยู่ที่ว่าเราเห็นอาหารในจานเป็นแบบไหน เพราะการเสพอาหารด้วยตา ก็ส่งผลต่อความเจริญอาหารของเราได้เช่นกัน ในอาหารปริมาณเท่ากัน ถ้าจานแรกเป็นเนื้อชิ้นเดียว วางไม่เต็มจาน ส่วนจานที่สองเป็นเนื้อที่ถูกหั่นให้คละๆ กระจายเต็มจาน เราจะรู้สึกอิ่มกับจานที่สองมากกว่า


เพราะสมองสั่งว่า ' ปริมาณมันเยอะ มีเต็มจานเลยนะ! '  ในขณะที่จานแรกเราจะยังรู้สึกไม่อิ่ม เพราะเห็นว่าจานยังมีที่ว่าง ดูปริมาณน้อยกว่าความเป็นจริง ถ้าอยากไดเอทจึงควรกินจานที่สอง เพื่อรับแคลอรี่ที่พอเหมาะต่อวัน โดยไม่หิวเพิ่มนั่นเอง

หากเป็นอาหารประเภทเนื้อที่เป็นชิ้นเดียวใหญ่ๆ ควรใช้มีดหั่นเป็นชิ้นๆ ให้เต็มจาน หรือถ้าเป็นอาหารทั่วไปหรือเป็นของเหลวเช่น ซุป น้ำแกง ลองเปลี่ยนภาชนะเป็นจาน ชามที่มีขนาดเล็กลง แม้ปริมาณจริงๆ จะน้อยแต่สายตาเราเห็นว่ามีซุปเต็มชาม เราก็จะรู้สึก ' อิ่ม ' ไปเองโดยอัตโนมัติ

หรือการเทซุปใส่ชามเล็กหลายๆ ใบ ก็จะทำให้รู้สึกอิ่มกว่าใส่ชามใหญ่ๆ ใบเดียวเช่นกัน ลองเอาไปทำตามดูนะคะ แล้วจะอิ่มเร็วขึ้นเยอะเลย

5. มีวัตถุดิบหลักๆ ในจานแค่ '1-2 อย่าง' เท่านั้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/74cc0dc5044208b13f7989d4f4fb2e5a.jpg

ยิ่งส่วนผสมมีให้เห็นเยอะ ก็ยิ่งเรื่องแยะ! ในทางจิตวิทยาถ้าเราเห็นอาหารทั้งจานหลัก จานรองแบบฟูลคอร์สในหนึ่งมื้อ ( พวกอาหารที่มีเครื่องเคียงเยอะๆ นี่ตัวดี ) สมองจะบังคับให้เราหิว และต้องพยายามกินเข้าไปให้หมด


แม้ร่างกายอาจไม่ได้ต้องการแคลอรี่เยอะขนาดนั้นก็ตาม สุดท้ายก็ต้องยัดจนพุงป่อง อ้วนขึ้นแบบไม่จำเป็นค่ะ

เราแนะนำให้ในหนึ่งมื้อ มีอาหารหลักๆ อยู่แค่ 1-2 อย่าง ( สูงสุดไม่เกิน 3 อย่าง ) ก็พอ เพื่อควบคุมตัวเองไม่ให้กินหลุดเยอะเกินไป ตัดเครื่องเคียง อาหารจานรองที่ไม่จำเป็นออก


เพราะนั่นก็คือพลังงานส่วนเกินที่จะไปโผล่ตามแขน ขา หน้าท้องของเธอในอนาคต ทิ้งลงถังขยะ หรือเก็บไว้กินมื้อต่อไปเถอะค่ะ อย่าไปเสียดาย ถ้ากินเข้าร่างกายไปแล้วเอาออกยากกว่าเยอะเด้อ!

6. กินอาหารร้อน ปรุงสุกใหม่ๆ ดีกว่ากินอาหารแช่เย็น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/e726e9b45df6c52df9fd97c81a8f2761.jpg

ทริคช่วยหลอกสมองอีกข้อ ที่เราอยากให้สาวๆ ทำตามกันก็คือ ไม่ว่าจะกินอะไรก็ตาม ให้เลือกอาหารร้อนๆ ดีกว่าอาหารเย็นชืด


นอกจากรสชาติของร้อนจะดีกว่ามากแล้ว ร่างกายยังถูกบังคับกลายๆ ให้กินช้าลง เพราะกลัวลวกปากลวกลิ้น เมื่อกินช้า สมองก็จะค่อยๆ ดูดซึมพลังงานจากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มอย่างพอดี

ในทางกลับกัน ถ้ากินอาหารเย็นๆ เราจะกินได้เร็ว กินได้เรื่อยๆ โดยปกติกว่าสมองจะรับรู้ได้ว่าอิ่ม จะใช้เวลากว่า 20 นาที กว่าจะรู้สึกอิ่มจริงๆ ก็กินจนแน่นพุง แคลอรี่เกินโควต้าต่อวันไปไกลโขแล้ว #แง

อีกทริคที่อยากให้สาวๆ ลอง คือกินอาหารด้วยช้อนส้อมข้างที่ไม่ถนัด หรือช้อนส้อมของเด็กที่ขนาดเล็กลงอาจจะรู้สึกรำคาญบ้าง แต่เมื่อจำนวนต่อครั้งที่ตักข้าวเยอะขึ้น สมองจะหลอกว่าเราได้อาหารเยอะขึ้น ทำให้อิ่มได้ไวกว่าเดิม และอย่าลืมเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนด้วยนะคะ

7. ใส่เครื่องปรุงประเภท 'เครื่องเทศ/สมุนไพร' ในอาหารมากขึ้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/49126cc38e6b29787fd83134f3e2a4ca.jpg

ไม่จำเป็นต้องทนกินแต่อาหารจืดๆ เหมือนเคี้ยวหญ้า เคี้ยวกระดาษเพื่อความผอมเสมอไป เพราะอาหารรสชาติเผ็ดแซ่บก็ช่วยให้อิ่มไว ผอมได้เหมือนกัน! เราแนะนำให้สาวๆ หาผงเครื่องปรุง เครื่องเทศสมุนไพรมาโรยลงบนเมนูจานโปรดของเธอ เช่น ผงปาปริก้า ผงกะหรี่ ลูกจันทน์เทศ อบเชย ขมิ้น ขิง กระเทียม เป็นต้น


นอกจากอร่อยไม่แพ้อาหารแคลอรี่สูงทั่วไปแล้ว ยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ เพิ่มอัตราเมตาบอลิซึ่มในร่างกายให้ทำงานดียิ่งขึ้นด้วย

หากใครต้องการทางลัด อยากผอมไวเป็นพิเศษ แนะนำสูตรใส่ ' ผงพริกป่น ' เช่น พริกขี้หนู พริกคาเยนน์ พริกไทย เป็นต้น โดยพริกคาเยนน์ที่จะช่วยเพิ่มระดับความอิ่ม กินแล้วอิ่มไวขึ้น ทำให้ร่างกายไม่กินเยอะเกินพลังงานที่จำเป็นต่อวัน

ส่วนพริกขี้หนูก็จะทำให้ระบบร่างกายภายในอุณหภูมิสูงขึ้น ร้อนผ่าวๆ เหงื่อออก ช่วยเบิร์นไขมันได้ดีขึ้นด้วยค่ะ #แบบนี้ต้องลองแล้ว

---------------------------------------------

ระบบในร่างกายของมนุษย์นั้นซับซ้อนและบางครั้งก็ยากเกินจะทำความเข้าใจ โดยเฉพาะสมองและฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว ความอิ่ม ที่บางทีเราก็มักจะพ่ายแพ้ต่อความหิวจนเผลอกินแหลก แพลนลดน้ำหนักพังทุกครั้งไป แต่ท่ามกลางอุปสรรคเหล่านั้น ก็ยังมีทริคง่ายๆ ตามธรรมชาติที่ซิสทุกคนสามารถทำได้โดยไม่เสียสุขภาพ หลอกการทำงานของสมองให้รู้สึกอิ่ม โดยที่ยังได้รับแคลอรี่ต่อวันไม่น้อยเกินไปจนระบบเผาผลาญพัง แต่น้อยพอที่จะทำให้น้ำหนักค่อยๆ ลดลง ไขมันส่วนเกินน้อยลงจนได้น้ำหนักเป้าหมายที่ต้องการ ใส่เสื้อผ้าไซส์เดิมได้อีกครั้งค่ะแค่สาวๆ ซิสต้าทำตามทริค 7 ข้อในบทความนี้ เธอจะมีหุ่นสวยได้โดยไม่ล้มเหลวระหว่างทางแน่นอน แค่มีวินัยและความตั้งใจจริงเท่านั้น

♡ ( ̄З ̄) สำหรับวันนี้เราต้องขอตัวไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่า