เซย์ไฮเหล่าสาวซิสSistaCafeโลกสีชมพูทุกคนค่าา (≧◡≦)แม้จะผ่านเทศกาล ' วาเลนไทน์ ' มาแล้วหลายวัน แต่เดือนนี้ก็ยังมีบรรยากาศของการแสดงความรักฟุ้งกระจายสุดๆ เพราะความรักไม่ได้หมายถึงวันที่ 14 กุมภาเท่านั้น แต่หมายถึงทั้งเดือนนี้และทุกวันตลอดปีการได้ใช้เวลาร่วมกัน มีโมเมนต์ดีๆ เช่นการไปเดต เพื่อเก็บเป็นความทรงจำ ( และอาจมีโพสต์ลงโซเชียลเป็นความทรงจำ ) จึงสำคัญ ซึ่งส่วนสำคัญของผู้หญิงอย่างเราๆ ก็คือ ' การแต่งหน้า ' นั่นเองผิวตัว เสื้อผ้า รองเท้าไม่เท่าไหร่ ในรูปยังพอปกปิดได้ แต่ถ้าถ่ายรูป ยังไงก็ต้องเห็นผิว เห็นใบหน้าของเราชัดเจน ถ้าถ่ายรูปแล้วก็กลับไปแก้ไขไม่ได้ และถ้าเราแต่งหน้าให้สวยสะกดตา ก็จะเป็นการให้เกียรติและสร้างบรรยากาศดีๆ ให้กับแฟนของเราอีกด้วยในวันนี้เราจึงมาแนะนำ' 7 ทริคแต่งหน้าไปเดตในเดือนแห่งความรัก ให้สวยหวานสุดละมุน 'รับรองว่าทำตามสิ่งเหล่านี้ ความเฟมินีนจะเปล่งประกายจนคุณแฟนต้องใจละลายเหมือนไอติมตากแดดเลยละค่า ต้องทำยังไงไปบ้างไปดูกันเลย!
1. เน้นแต่งส่วน ' ดวงตา ' ให้กลมโต โดดเด่น เป็นประกาย
เพราะดวงตาคือเป็นด่านแรกที่คู่เดตจะได้มองเรา เรียกว่าเป็น first impression ในเวลาไม่กี่วิเมื่อผู้ชายได้พบเห็นเราในวันนั้นเลยทีเดียว ดังนั้นจึงต้องตั้งใจแต่งส่วนของดวงตาเป็นพิเศษ เน้นให้ดูเป็นธรรมชาติ อ่อนหวาน โดดเด่นออกมามากขึ้น ซึ่งทริคหนึ่งที่ใช้ลวงตาว่าดวงตามีขนาดใหญ่ขึ้นก็คือ ' อายแชโดว์กลิตเตอร์ '
เริ่มจากใช้อายแชโดว์เบสให้สีติดทนนานก่อน แล้วค่อยลงสีกลิตเตอร์ หรือจะใช้อายแชโดว์โทนสีธรรมชาติหรือสีชมพู แล้วใช้กลิตเตอร์แบบจิ้มจุ่ม แต้มบริเวณกึ่งกลางดวงตาก็ช่วยดึงดูดสายตาได้ดีขึ้นมากๆ ค่ะ
หากสาวๆ ไม่ใช่คนตาโตโดยธรรมชาติ เลี่ยงการเขียนอายไลเนอร์เส้นใหญ่โดยเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ตาเล็ก ดูตาหยียิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก! แนะนำให้ใช้อายไลเนอร์โทนสีน้ำตาลเขียนให้ชิดขอบขนตามากที่สุด
ใช้อายไลเนอร์สีขาวหรือสีนู้ดระบายที่ขอบตาล่างเพิ่มความกลมโต ดัดขนตาและปัดมาสคาร่าเน้นความยาวและหนาแบบกันน้ำ ให้ขนตางอนยาวเป็นแพสวยๆ และใครจะรู้ว่าเธออาจเจอเซอร์ไพรส์จากแฟนที่ทำให้ร้องไห้ก็ได้ ใช้เมคอัพกันน้ำคือ safety first ค่ะ
2. ใช้บลัชออน ' ชนิดครีม ' ป้องกันสีแก้มเลือน แก้มซีดระหว่างวัน
การเดตอาจกินเวลาทั้งวัน หรืออย่างน้อยก็หลายชั่วโมง ทั้งกินข้าว ดูหนัง ชมวิว หรือไปทำกิจกรรมตามอีเวนต์ต่างๆ ที่มีขึ้นในวันนั้นโดยเฉพาะ ถ้าแต่งหน้าแบบเบาบางเกินไป
เน้นใช้แต่เมคอัพแบบฝุ่น แก้มก็ปัดบางๆ แม้มองแล้วจะดูอ่อนหวานดี แต่ผ่านไปสักพักจนใกล้หมดเวลาเดต แก้มของเธออาจหลุดลอกออกมาจนหมดแล้วก็เป็นได้ ยิ่งถ้าตา ปากยังครบ แต่แก้มโล้น มันก็แอบอายหน่อยๆ นะ
ทางรอดของสาวๆ เราขอผายมือไปให้ ' บลัชออนแบบครีม ' ซึ่งสำหรับมือใหม่อาจใช้ยากหน่อย กลัวเป็นปื้นน่าเกลียด แต่ที่จริงไม่ได้ยากขนาดนั้น! ใช้บลัชครีมโทนสีนู้ด สีชมพูหรือสีส้ม ใช้ก่อนหรือหลังลงรองพื้นก็ได้ แตะเป็นสามจุดเล็กๆ บริเวณพวงแก้ม
แล้วใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางเบลนด์วนๆ จนเนื้อบลัชละลายติดลงไปกับผิว ถ้าลงเข้มไปก็ค่อยใช้รองพื้นและแป้งตบเพิ่มได้ เพิ่มความติดทนด้วยบลัชออนแบบฝุ่นอีกชั้นหนึ่ง เท่านี้ก็มั่นใจในแก้มใสไปจนจบวันแน่นอน
**ใครที่ไม่มีบลัชครีมในกรุเลย ลิปสติกก็ใช้แทนได้เช่นกันค่ะ แต่แนะนำว่าใช้แท่งที่ยังไม่เคยทาปากโดยตรงมาก่อนจะดีมาก เพราะอาจมีน้ำลายปนเปื้อน ถ้านำมาทาแก้มอาจสิวขึ้นได้เด้อ
3. ลิปสติกควรใช้แบบ ' เนื้อแมตต์/กึ่งแมตต์ ' จะดีที่สุด หรือใช้ทินท์ก็ได้
อย่างที่บอกว่าการเดตมีกิจกรรมมากมาย ที่แน่ๆ คนทั่วไปต้องมีกินข้าว ดื่มน้ำ และอาจจะมีการกุ๊กกิ๊ก ได้กอดได้จุ๊บ ดังนั้นชนิดของลิปสติกที่ทาก็สำคัญ! ถ้าเธอทาลิปกลอสเงาวาว หรือเนื้อครีมที่หลุดง่ายๆ อาจจะเจอความโป๊ะ สีปากติดหลอดหรือแก้วดูน่าเกลียด
หรือจะไปอ้อน คลอเคลียแฟนเป็นลูกแมวน้อยก็ไม่ได้ กลัวสีปากไปติดเสื้อเขา กังวลไปหมด แถมช่วงนี้ยังมีโควิด ต้องใส่แมสก์เที่ยวด้วย ดังนั้นใช้ลิปสติกแบบแมตต์ กึ่งแมตต์ หรือทินท์จะดีที่สุด
ลิปแมตต์ คุณสมบัติเด่นๆ ของเขาก็คือติดทนนาน จะกินดื่ม จุ๊บยังไงสีก็ไม่หลุดไม่ลอก จึงมั่นใจกับลุคแต่งหน้าของตัวเองได้ แต่ถ้าบางคนกลัวว่า ทาลิปแมตต์เต็มปากแล้วจะดูแก่
จะใช้นิ้วเกลี่ยปากให้ฟุ้งนัวๆ ได้ลุคแบบ ombre lips แล้วใช้อายแชโดว์กลิตเตอร์แตะที่กึ่งกลางปากบน-ล่าง ก็ได้ลุคสวยแบบสาวเกาหลีแล้ว ไม่ดูสูงวัยชัวร์ๆ ค่ะ
4. ใช้รองพื้น ' เนื้อลิควิดเบาบาง ' ให้ฟินิชลุคที่เป็นธรรมชาติ
คอนเซ็ปต์ของการเดต ถ้าไม่ใช่สาวแซ่บ เซ็กซี่อะไรอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ก็ต้องเน้นลุคหวาน ความธรรมชาติ ผิวเป็นผิว ไม่ใช่โบกซะเหมือนหน้าหล่อด้วยปูนปลาสเตอร์ ถ้าแต่งจนเป๊ะไร้รูขุมขนเกินไป ผู้ชายเขาจะกลัวและเกร็งเอาได้ ไม่กล้าสัมผัส ไม่กล้าจุ๊บ
ดังนั้นไม่ต้องแต่งเข้มจนเปลี่ยนหน้าขนาดนั้น แต่งลุคที่คนทั่วไปและ ' แฟน ' ยังจำเธอได้อยู่จะดีกว่า แม้ผิวจะมีจุดด่างดำ มีสิวบ้าง ก็ไม่จำเป็นต้องกลบให้มิด 100% เอาแค่มองรวมๆ แล้วดูละมุนก็พอค่ะ
ใช้รองพื้นเนื้อลิควิดที่ปกติจะเป็นน้ำบางๆ คล้ายโลชั่น แต้มห้าจุดทั่วใบหน้าแล้วใช้นิ้วหรือแปรงวนให้ทั่ว ( ถ้าอยากให้รองพื้นติดผิวดีๆ ใช้นิ้วที่มีความอุ่นจะช่วยละลายรองพื้นได้ดีกว่า )
ถ้ามีผิวแห้งมาก แนะนำให้ผสมรองพื้นกับออยล์บำรุงผิวหน้า 1-2 หยด ทาให้ทั่วผิว จะได้ผิวที่ดูชุ่มชื้น โกลว์ๆ และมีรองพื้นเป็นฟิลเตอร์เคลือบให้ผิวเนียนแต่ไม่หนาเกิน ปิดท้ายด้วยแป้งฝุ่นโปร่งแสง สวยแบบไม่มีใครเกิน
5. แต่งคิ้วด้วย ' โทนสีน้ำตาล ' ให้ใบหน้าดูหวานละมุนยิ่งขึ้น
อย่างที่บอกไปในข้อต้นๆ ว่า ถ้าอยากให้ลุคแต่งหน้าดูละมุน ต้องใช้สีน้ำตาล เพราะสีดำจะให้ลุคที่ดูคมเฉี่ยว เฟียสเกินไป นอกจากอายไลเนอร์แล้ว ส่วนที่เป็นมงกุฎของใบหน้าอย่าง ' คิ้ว ' ก็สำคัญ
ซึ่งควรเริ่มเตรียมมาตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการกันคิ้วให้เป็นรูปทรงเข้ากับใบหน้าของตัวเอง และแปรงคิ้วให้เส้นขนคิ้วไม่พันกันอยู่เสมอ ตอนแต่งคิ้วจะได้ง่ายขึ้น เป๊ะขึ้นค่ะ
เริ่มจากใช้ดินสอเขียนคิ้วโทนสีน้ำตาลระบายให้เต็มคิ้ว หากสาวคนไหนปลายคิ้วแหว่ง ก็วาดเติมให้เต็ม แล้วใช้แปรงจากเจลเขียนคิ้วปัดให้ทั่ว ปัดตามแนวขนก่อนหนึ่งรอบ และย้อนแนวขนอีกหนึ่งรอบ เพื่อให้เจลเคลือบเส้นขนได้ครบทุกเส้น สีไม่กระจุกเป็นหย่อมๆ
ถ้าตรงไหนลงสีเข้มไป ใช้แปรงสปุลลี่ปัดเพื่อแยกเส้นขนไม่ให้จับเป็นก้อน รอให้แห้ง เท่านี้ก็ได้คิ้วเป๊ะสุดเพอร์เฟกต์แล้ว
6. ปัด ' บรอนเซอร์และไฮไลท์โทนสีอ่อน ' ให้ใบหน้าดูมีมิติ
หากเป็นสาวเชื้อสายคอเคเชี่ยน หรือเรียกง่ายๆ ว่าฝรั่งผิวขาวแถบอเมริกาและยุโรป ลักษณะทางใบหน้าจะค่อนข้างชัด เบ้าตาลึก จมูกโด่ง ปากอิ่ม ซึ่งทำให้แต่งหน้าดูแบนแค่ไหน หน้าก็จะยังโดดเด่นมีมิติอยู่ดี แต่ย้อนกลับมาที่พวกเราสาวเอเชีย ส่วนใหญ่มักจะเป็นหน้าแบบ ' กระจุ๋มกระจิ๋ม ' ปากนิดจมูกหน่อย ตาเล็กหรือตาชั้นเดียว
ซึ่งมองเผินๆ ก็ดูน่ารักดี แต่ถ้าแต่งหน้าผิด หน้าจะดูแบนราบเรียบไร้มิติทันที ถ้าไม่อยากให้หน้าเหมือนกระดาษ 2 มิติ ก็ควรใช้ตัวช่วยอย่าง ' บรอนเซอร์และไฮไลท์ ' ค่ะ
เพื่อสร้างออร่าเป็นสาวหวานละมุนน่าทะนุถนอม ควรเลือกทั้งคู่เป็นโทนสีอ่อน เช่น เทาอ่อน น้ำตาลอ่อน และไฮไลท์สีขาวมุกแบบเม็ดกลิตเตอร์ไม่ใหญ่มาก เพราะคนเอเชียถ้าใช้สีเข้มลงไปเลย อาจจะดูมีมิติชัดจริงแต่ก็ดูปลอม ไม่เป็นธรรมชาติไปด้วยในเวลาเดียวกัน
เริ่มจากแปรงพุ่มแตะบรอนเซอร์สร้างกรอบให้หน้า ปัดแถวไรผม สันจมูก โหนกแก้ม และใช้แปรงเล็กๆ แตะไฮไลท์ แล้วแต้มจุดเล็กที่ปลายจมูก โหนกแก้มบางๆ และรอยหยักเหนือปาก ( cupid's bow ) รับรองสวยจนผู้ตะลึง แถมถ่ายรูปปังสุดๆ!
7. ใช้ ' Setting Spray ' ล็อกเมคอัพให้ติดทนทั้งวัน
เพราะการเดตไม่ได้ใช้เวลาแค่ 20-30 นาที และไม่รู้ว่าในวันนั้นจะได้ทำกิจกรรมอะไรบ้าง ผู้อาจไม่ได้พาเราแค่ไปกินข้าวในห้างสวยๆ แต่อาจลากเราไปนั่งเรือ ไปเดินชมสถานที่เอาต์ดอร์ เจอแดดเจอลม
ถ้าแต่งหน้าแบบชีวิตประจำวันไปก็อาจมีหน้าเยิ้ม เมือก หรือหลุดระหว่างวันจนความสวยลดลงได้ ดังนั้นหลังแต่งหน้าเสร็จ ห้ามพลาดการฉีด ' Setting Spray ' หรือสเปรย์ล็อกเมคอัพ ให้เครื่องสำอางยังเกาะอยู่บนหน้าได้ตลอดทั้งวัน
ทริคในการฉีดคือ ถือสเปรย์ห่างจากหน้า 30 เซนติเมตร แล้วฉีดเป็นรูปตัว T เพื่อผิวช่วงทีโซน ( หน้าผาก จมูก คาง ) ก่อน แล้วจึงฉีดซ้ำอีกรอบเป็นรูปตัว X เพื่อเก็บผิวช่วงแก้มให้หมด อย่าฉีดมั่วๆ แบบไร้ทิศทาง
เพราะสเปรย์จะไปกระจุกเป็นหย่อมๆ และบางส่วนสเปรย์จะไปไม่ถึง เสียของโดยเปล่าประโยชน์ หลังฉีดเสร็จก็รอสักพักให้แห้ง เท่านี้ก็พร้อมออกจากบ้านไปเจอคุณแฟนได้แล้วค่ะ
------------------------------------------
หลายคู่ที่เพิ่งคบกัน เดตกันวันไหนๆ อาจจะแฮปปี้ไม่มีปัญหา ไม่ต้องแต่งหน้าก็ได้ เพราะรักยังหวานหอม แต่สำหรับบางคู่ที่คบกันมานาน เห็นหน้าสด ผมไม่หวี แต่งตัวเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมานาน เมื่อเห็นซ้ำๆ ทุกวันจนเป็นความน่าเบื่อ รักก็อาจจืดชืดลงได้ ในเทศกาลของเดือนแห่งความรัก จึงเป็นโอกาสชั้นยอดที่จะกลับมา makeover ตัวเองใหม่ค่ะลองขุดตัวเองขึ้นมา กลับไปแต่งหน้าให้สวยเป๊ะ เหมือนตอนที่ผู้ชายเพิ่งเจอเราใหม่ๆ สร้างความรู้สึกตื่นเต้นแบบนั้นกลับมาอีกครั้ง เติมไฟให้บรรยากาศการเดตให้มีความสุขและน่าจดจำมากขึ้น ลองไปทำตามดูกันน้า รับรองว่า #สุดปัง สำหรับวันนี้เราขอตัวไปซ้อมแต่งหน้ารอแฟน ( ในอนาคต ) ก่อน แล้วเจอกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบาย
( ´ ▽ ` ).｡ｏ♡
![ลิงค์: Cr. 6 Tricks for Making Your Valentine's Day Makeup Feel Extra-Special [eonline.com]](https://sistacafe-assets.sgp1.cdn.digitaloceanspaces.com/web-assets/sample-img-170x170.webp)