สวัสดีค่ะ สาว SistaCafe ทุกคนวันนี้เรามีประสบการณ์เกี่ยวกับสภาวะซึมเศร้าและการพบแพทย์มาบอกต่อสำหรับคนที่กำลังกลัวอยู่ และไม่กล้าไปพบแพทย์เราอยากจะบอกว่าการไปพบแพทย์ไม่น่ากลัวเลยค่ะ ทั้งนี้!การรักษาอย่างถูกวิธีถือเป็นสิ่งสำคัญนะคะเราจะมีเช็คลิสต์สิ่งที่ต้องทำมาให้ด้วยค่ะไปดูกันเลย!!!

1. สำรวจตัวเอง

นี่คือ

สิ่งแรกที่ควรทำ

ค่ะ

เราควร

' สังเกตตัวเอง '


เพื่อประเมินสถานการณ์

ว่าเราเองมีแนวโน้มที่จะมีอาการซึมเศร้าหรือไม่ หากมีภาวะเครียดแต่ยังอยู่ในระดับที่ยังพอแก้ไขได้ การสำรวจตัวเองจะช่วยให้เราวิเคราะห์ถึงทางออกของปัญหาต่อได้ค่ะ

2. ยอมรับตัวเอง

ขั้นต่อมาคือ เราต้องยอมรับถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น หากปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นไม่สามารถที่จะแก้ไขเองได้ หรือมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ความคิดเป็นไปในแง่ลบ

สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ต้องยอมรับว่าเรามีความรู้สึกแบบนี้จริงๆ

อย่าบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร

ถ้าใจเราไม่ไหว ให้คนอื่นช่วยบ้างก็ได้

โดยคนอื่นในที่นี้ที่เราหมายถึงก็คือ


' แพทย์ '

นั่นเองค่ะ

3. ทำไมต้องพบแพทย์

หลายครั้งที่เราเลือกที่จะคิดถึงการพบแพทย์ในอันดับท้ายๆ แต่แท้จริงแล้ว

แพทย์ คือคนที่เข้าใจเรามากที่สุด

เพราะคนทั่วไป หรือใครหลายคนอาจไม่เข้าใจกับสิ่งที่เราต้องเผชิญ บางครั้งหากเราปรึกษาคนที่ไม่ได้มีความรู้ตรงนี้อาจจะทำให้สถานการณ์เป็นไปในทางที่แย่กว่าเดิม เพราะเขาไม่ได้เข้าใจกับสิ่งที่เรากำลังเผชิญนั่นเองค่ะ

คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ว่าต้องรับมือหรือช่วยเหลือเราอย่างไร

ดังนั้น! ให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยเหลือและจัดการดีกว่านะคะ

4. การพบแพทย์ ไม่ได้น่ากลัวจริงๆ นะ

เป็นหัวใจหลักที่เราอยากบอกทุกคนค่ะ

การพบแพทย์ไม่ได้น่ากลัว

โดยเราเองเข้าพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรัฐค่ะ ทั้งนี้เราจะแนะนำขั้นตอนคร่าวๆ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่ต้องการพบแพทย์นะคะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/13/d5/02/13d502a88dcd83ee5192318875e2c325.jpg

- ยื่นบัตรที่ห้องบัตร -

เมื่อเรายื่นบัตร พยาบาลก็จะซักประวัติค่ะ เราตอบไปแค่ว่ามาพบจิตแพทย์ค่ะจากนั้นคุณพยาบาลก็พยักหน้าค่ะ แล้วก็ดำเนินการให้เราเงียบๆ คือในตอนนั้นตรงกับสถานการณ์โควิด-19 พยาบาลใช้ไมค์พูดคุยสื่อสารกับผู้ป่วยค่ะ แต่ไม่ได้ใช้กับเรานะคะ ตรงนี้ทำให้เรารู้สึกโอเคมากเพราะถือว่าทางโรงพยาบาลให้ความสำคัญเรื่องข้อมูลส่วนตัวเราเป็นอย่างมาก เพราะตอนนั้นคนรอบข้างก็เยอะมากๆด้วย คุณพยาบาลสื่อสารกับเราด้วยการกระซิบแค่ว่าให้ไปที่ชั้น...นี้นะคะ

- ไปพบแพทย์ที่แผนก ( ณ จุดแรกจะบอกเราเองค่ะ ) -

แพทย์ของแต่ละโรงพยาบาลอาจจะเข้าเวรเป็นรายวัน เช่น เข้าเฉพาะวันพุธหากอยากเลือกพบแพทย์ แนะนำเช็คจากเว็บไซต์ของโรงพยาบาลก่อนได้นะคะจากนั้นก็นั่งรอซักพัก คุณพยาบาลก็เรียกเราไปซักประวัติค่ะ โดยมีแบบสอบถามประเมินจิตใจคิดว่าหลายๆ คนน่าจะเคยทำ 'ให้บอกตามจริง 'นะคะ และหากมีอะไรอยากบอกเพิ่มเติมให้แจ้งได้เลยค่ะ เจ้าหน้าที่ทุกคน แพทย์ พยาบาลในแผนกนี้เข้าใจเราทุกคนค่ะ

- พบแพทย์ -

หลังจากซักประวัติก็รออีกสักพักพยาบาลจะให้เข้าพบแพทย์ค่ะ แพทย์ที่เราพบเป็นนายแพทย์นะคะใจดีมาก การพูดคือดีมาก ไม่พูดจาให้เรารู้สึกแย่เลย แต่มีคีย์เวิร์ดที่เราจะต้องจำไว้ก็คืออยากบอกอะไรกับแพทย์ / อยากให้แพทย์ช่วยอะไร / เรามีอะไรในใจโดยไล่เรียงให้พอรู้เรื่องนะคะ เพราะผู้ที่มาพบแพทย์รายใหม่ๆ จะใช้เวลานานอยู่แล้วไม่ต้องกังวลค่ะพูดไปให้หมดเลยค่ะ ระบายมันออกมา แพทย์จะได้ช่วยหาทางแก้ไขนะคะ

- การรักษา -

อย่างกรณีของเราแพทย์จ่ายยาให้ค่ะ โดยแน่นอนว่าตัวยาที่ได้รับจะมีอาการข้างเคียงแต่ไม่ได้น่ากลัวค่ะ เพราะแพทย์จะบอกปริมาณยาที่ต้องกิน โดยเราห้ามกินเกินขนาดนะคะยาอาจจะแรงหน่อย แต่พอกินยาไปแล้วช่วยปรับอารมณ์ในใจเราได้อย่างตัวเราเองก็มึนบ้างงงบ้าง แต่กินยาดีกว่าไม่กินค่ะ ถ้าไม่กินยาเราจะมีความรู้สึกเดิมๆ กลับมา ทั้งนี้กรณีของแต่ละคนจะมีความต่างกันไป ตัวยาอาจจะต่างกัน ผลข้างเคียงก็ต่างกัน อย่าเพิ่งกังวลนะคะเพราะหากมีอะไรไม่โอเค เราสามารถกลับไปพบแพทย์เพื่อเปลี่ยนการรักษาให้เหมาะกับเราได้ค่ะ

- พบนักจิตวิทยา ( สำหรับบางกรณี ) -

เราได้พบนักจิตวิทยาด้วยค่ะ นักจิตวิทยาจะช่วยในเรื่องของการบำบัดโดยเฉพาะ อย่างเช่นหากผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก แพทย์จะให้นักจิตวิทยาช่วยบำบัดให้เราใช้ชีวิตได้อย่างดีขึ้น การเข้าพบก็เป็นการพูดคุยทั่วไป ไม่ได้ซีเรียสค่ะ ( แอบบอกว่าพบแพทย์เราว่าจริงจังกว่าอีก XD เพราะแพทย์สุภาพมาก ) นักจิตวิทยาพูดคุยกับเราเหมือนเป็นพี่เลยค่ะให้ของกลับมาเป็นพวกโน๊ตต่างๆ ช่วยแนะวิธีการคิดที่ทำให้เราสบายใจมากขึ้น

- การกำหนดวันนัดสำหรับตรวจรอบถัดไป -

เป็นขั้นสุดท้ายค่า ทางโรงพยาบาลจะมีใบนัดมาให้ แต่!!! ถ้าหากลืมวันนัดนะคะให้ไปพบแพทย์ได้ในวันที่แพทย์เจ้าของเคสเราเข้าเวรค่ะ เช่น อย่างกรณีเราแพทย์เข้าวันพุธ เราก็ไปหาแพทย์ในวันพุธ ( เราเคยลืมจริงๆ )

ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ที่อยากจะแบ่งปันนะคะโดยเราอยากให้ทุกคนที่มีเรื่องกังวลในใจได้พบแพทย์ เพื่อรักษาเยียวยาอย่างถูกต้อง เรารู้สึกว่าหลายครั้งสิ่งที่เราพยายามสื่อสารออกไปผู้คนไม่เข้าใจ แต่แพทย์เข้าใจ ถ้าเรายอมรับและพร้อมที่จะพบแพทย์จะทำให้สิ่งที่อยู่ในใจเราถูกขจัดได้เร็วขึ้นค่ะ