แวะมาทักทายสาวๆ SistaCafe ทุกคนในช่วงโควิดค่ะ (´。• ω •。`) ♡
คิดแล้วก็เหนื่อยใจ กักตัวรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ร้านอาหารก็พากันปิดเป็นแถบๆ ตอนนี้อยากจะกินที่ร้านก็ต้องงดไปก่อน งานที่บริษัทก็ต้องหอบมาทำกันที่บ้านกันเป็นแถว เข้าสู่สถานะ Work From Home นั่งจมหน้าคอมกันอีกรอบ #เซ็งมากกก!! อ่านข่าวสถานการณ์บ้านเมืองแล้วก็เครียด งานก็ปวดหัว ใช้สมองหนัก อยากกินขนม! จึงไม่แปลกที่หลายคนกินจุบจิบมากขึ้นจนน้ำหนักพุ่งไปตามๆ กัน
ผู้หญิงส่วนใหญ่กับขนมหวานเป็นของคู่กัน จะห้ามไม่ให้กินในช่วงที่เบื่อๆ เครียดๆ ก็คงใจร้ายเกินไป แต่ถ้าตามใจปากก็เสี่ยงอ้วนมีพุง เหนียงออก กระดุมปริอีก วันนี้เราเลยพาซิสมาหาทางสายกลาง ด้วยการทำ ' 7 สูตรขนมหวานคีพหุ่น ' กินเองที่บ้าน แคลอรีไม่เยอะ เข้าครัวกันเพลินๆ ในช่วงเวิร์กฟรอมโฮม รับรองว่าทำไม่ยากอย่างที่คิด แต่ละสูตรบอกเลยว่าอร่อยฟิน! มีเมนูไหนบ้างไปดูกันค่า
1. อัฟโฟกาโต้ ( ไอติมวานิลลาราดกาแฟ )

สูตรแรก เหมาะกับสาวไทยเมืองร้อนอย่างเราๆ มาก' อัฟโฟกาโต้ ' หรือกาแฟดำราดไอติม แค่ต้มน้ำร้อน โดยใช้อัตราส่วนผงกาแฟ 1/4 ถ้วยต่อน้ำเปล่า 1 ถ้วย ก็จะได้เอสเพรสโซ่ที่เข้มข้นกำลังดี ส่วนไอศกรีมจะใช้เป็นรสวานิลลายี่ห้อไหนก็ได้ตามชอบเลย ถ้าเลือกเป็นแบบเจลาโต้ ไขมันต่ำก็ยิ่งเซฟแคลอรี่ได้มากขึ้น ได้รสหวานๆ ขมๆ ดับกระหายพอชื่นใจ ไม่อ้วน ทั้งคาเฟอีนจากกาแฟและความเย็นจากไอศกรีม ตื่นตัวพร้อมทำงานทันทีเลยค่ะ ^^
สารอาหาร : 140 แคลอรี, ไขมัน 7 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 16 กรัม
ส่วนผสม
- ไอศกรีมวานิลลาหรือเจลาโต้ 2 ถ้วย
- เอสเพรสโซ่ร้อน ( กาแฟดำเพียวร้อน ) 1 ถ้วย
- ตักไอศกรีม 1 สกู๊ปลงไปในแก้ว เทกาแฟลงไป 1/4 ของแก้วนั้น เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟได้เลยค่า #ง่ายเหมือนจับวาง
2. คุกกี้ข้าวโอ๊ตโกโก้มะพร้าว

สาวๆ บางคนอ่านชื่อขนมแล้วย้อนกลับไปดูใหม่ว่า นี่บทความแนะนำขนมแคลอรีต่ำจริงเหรอ? คุกกี้เนี่ยนะ? ใช่ค่ะ คุกกี้นี่แหละ ถ้ากินแค่ชิ้นสองชิ้นแต่เป็นคุกกี้ที่ใช้สารอาหารดีๆ มีประโยชน์ ก็ไม่ต่างจากการกินอาหารดีๆ ให้ร่างกาย เพิ่มเติมคือฟินกับรสหวานมันของขนมอีกด้วย! ถ้าไม่มีแอปเปิ้ลซอส จะใช้น้ำผึ้ง เมเปิ้ลไซรัปหรือกล้วยแทนก็ได้ พระเอกของสูตรนี้คือ ' ข้าวโอ๊ต ' ที่สายไดเอทรู้กันดีว่าไฟเบอร์สูง อิ่มนาน ช่วยในระบบขับถ่าย รักษาระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มรสชาติอร่อยด้วยมะพร้าวและช็อกโกแลตชิ้นเล็ก กินสักชิ้นในช่วงบ่ายที่น้ำตาลตก บอกเลยว่าอิ่มจนไม่อยากกินอะไรเพิ่มเลย ไม่เชื่อต้องลอง
ส่วนผสม
- แป้งอเนกประสงค์ 3/4 ถ้วย
- ผงโกโก้แบบไม่หวาน 1/4 ถ้วย
- เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- เนยอุณหภูมิห้อง 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายแดง 1/3 ถ้วย
- ไข่ 1 ฟอง
- แอปเปิ้ลซอสแบบไม่หวาน 1/4 ถ้วย
- Vanilla Extract 1/2 ช้อนชา
- มะพร้าวขูดไม่หวาน 1/3 ถ้วย และช็อกโกแลตหวานน้อย 1/3 ถ้วย *ใส่หรือไม่ก็ได้
วิธีทำ
1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ปูแผ่นรองอบ ร่อนแป้ง ผงโกโก้ เบกกิ้งโซดาและเกลือในชามขนาดกลาง ใช้เครื่องผสมอาหารตีเนยในชามใบใหญ่จนได้เนื้อเนยเนียนนุ่มขึ้นฟู เติมน้ำตาลทรายแดง ตีต่อให้เข้ากัน
2. ใส่ไข่ แอปเปิ้ลซอสและวานิลลา ใส่ส่วนผสมแป้งลงไป ตีต่อจนได้แป้งเป็นก้อนชื้นๆ ใส่ข้าวโอ๊ตและมะพร้าว กวนด้วยไม้สปาตูล่าจนผสมเข้ากันดี แป้งโดว์แข็งตัว เติมชิ้นช็อกโกแลต นวดเบาๆ จนช็อกโกแลตกลืนไปกับเนื้อแป้ง
3. ใช้มือที่เปียกน้ำ ปั้นแป้งขนาด 1 ช้อนโต๊ะให้กลมเป้นลูกบอล วางบนแผ่นรองอบ ใช้ช้อนกดให้ก้อนแป้งแผ่ออกเป็นวงกลมแบนๆ ขนาด 2 นิ้ว ทำให้ครบทุกก้อน วางคุกกี้แต่ละก้อนห่างกันประมาณ 2 นิ้ว
4. อบคุกกี้ประมาณ 12 นาทีจนกึ่งกลางคุกกี้เริ่มแข็ง ทิ้งไว้ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ
3. บราวนี่ฟัดจ์ราสเบอร์รี

สูตรที่สามจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ' บราวนี่ ' ขนมสุดฮิตของสาวๆ ในช่วงกักตัวรอบแรก เพราะทำง่าย อร่อย แม้จะใช้ส่วนผสมเยอะจนดูน่ารำคาญไปบ้าง แต่วิธีทำจริงๆ ไม่ได้ซับซ้อนมาก ในสูตรนี้จะใช้ตัวเด่นๆ เป็นราสเบอร์รีแช่แข็งผสมกับรสเปรี้ยวของมะนาว เพื่อตัดรสหวานเลี่ยนอย่างเดียวของช็อกโกแลต ให้บราวนี่มีหลายรส กินแล้วไม่น่าเบื่อ และยังได้ประโยชน์จากผลไม้ และแป้งโฮลวีตอีกด้วย แทนที่จะกินช็อกโกแลตแท่งน้ำตาลสูงปรื๊ด กินบราวนี่ชิ้นนี้สัก 1-2 ชิ้นเป็นอันจบ เสร็จ พร้อมรอมื้อต่อไปได้เลย ทำครั้งนึงได้เยอะมาก กินยาวๆ ช่วง WFH ได้เป็นสัปดาห์ คุ้มกับการล้างภาชนะหลังทำเสร็จแน่นอน อิอิ
ส่วนผสม
- คุกกิ้งสเปรย์ ฉีดแผ่นรองอบ
- ช็อกโกแลตแบบไม่หวาน 115 กรัม
- เนย 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งเพสตรี ( pastry ) โฮลวีท 1 ถ้วย
- ผงโกโก้แบบไม่หวาน 1/4 ถ้วย
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- ไข่ฟองใหญ่ 3 ฟอง
- น้ำตาลทรายแดง 1 1/3 ถ้วย
- แอปเปิ้ลซอสแบบไม่หวาน 3/4 ถ้วย
- Vanilla Extract 1 ช้อนชา
- ช็อกโกแลตชิพชนิดหวานน้อย 1/2 ถ้วย
- ช็อกโกแลตขูดฝอยและเปลือกมะนาวขูด *ใส่หรือไม่ก็ได้
วิธีทำ
1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส สเปรย์น้ำมันที่ถาดรองอบขนาด 9x13 นิ้ว ผสมช็อกโกแลตและเนยในชามที่เข้าไมโครเวฟได้ นำไปเวฟด้วยไฟกลาง นำออกมาคนทุกๆ 30 วินาทีจนกว่าช็อกโกแลตจะละลาย เนื้อเนียนเข้ากัน
3. ผสมช็อกโกแลตชิพและราสเบอร์รี่ให้เข้ากัน ใช้กระดาษทาเนย เช็ดให้ทั่วถาดรองอบ ให้ถาดมีความมันๆ ขนมจะได้ไม่ติดถาด
4. นำเข้าเตาอบ 20-25 นาที หรือจนกว่าใช้นิ้วแตะขนมส่วนบนแล้วเนื้อเด้งกลับ
4. คัพเค้กแครอท

เห็นชื่อขนมเป็น ' คัพเค้กแครอท ' แต่รสชาติไม่ขมหรือเฝื่อนเหมือนกินแครอทสดแน่นอน ตรงกันข้าม ได้รสหอมหวานอร่อยจากน้ำตาล เมเปิ้ลไซรัปและแซมรสเปรี้ยวด้วยสับปะรดหั่นชิ้น สูตรนี้เราปรับให้เนื้อเบาลง กินง่ายและไม่อ้วน เพราะเปลี่ยนจากเนื้อบัตเตอร์ครีมในสูตรปกติเป็นกรีกโยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำแทน ใช้แทนกันได้แต่แคลอรีต่ำกว่าเยอะ ได้ไขมันดีจากถั่ววอลนัทเป็นของแถม หวานกรุบกรอบแบบนี้ จะกินช่วงมื้อว่างหรือแพ็คไปกินข้างนอกก็เริ่ดสุดๆ
สารอาหาร : 237 แคลอรี, ไขมัน 15 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 23 กรัม, ไฟเบอร์ 1 กรัม, น้ำตาล 13 กรัม, โปรตีน 4 กรัม ( ทำคัพเค้กได้ 14 ชิ้น )
ส่วนผสม
( คัพเค้ก )
- แป้งอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
- ผงฟู 1 ช้อนชา / เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา / อบเชย 1 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย / น้ำตาล 1/4 ถ้วย / เมเปิ้ลไซรัป 1/4 ถ้วย
- ไข่ 2 ฟอง / สับปะรดหั่นชิ้น 1/2 ถ้วย ( และน้ำสับปะรดด้วย )
- Vanilla Extract 1/4 ช้อนชา / แครอทขูดฝอย 1 1/2 ถ้วย
- วอลนัทสับหยาบ 1/2 ถ้วย ( ไว้ตกแต่งหน้าคัพเค้ก )
- ครีมชีสอุณหภูมิห้อง 230 กรัม
- กรีกโยเกิร์ตรสธรรมชาติไขมันต่ำ 1/4 ถ้วย
- เมเปิ้ลไซรัป 1/4 ถ้วย
- Vanilla Extract 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. อุ่นเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส ร่อนแป้งอเนกประสงค์ แป้งโฮลวีท ผงฟู เบกกิ้งโซดา อบเชย ผงลูกจันทน์เทศ ผงขิงและเกลือให้เข้ากัน พักไว้
2. ตีน้ำมัน น้ำตาล เมเปิ้ลไซรัป ไข่ สับปะรดหั่นชิ้นและ Vanilla Extract ให้เข้ากันในชามใหญ่ โรยส่วนผสมแห้งลงไป ตีต่อจนเข้ากันดี
4. วางถ้วยอบ 14 ใบบนถาดอบมัฟฟินทั้ง 2 ถาด ตักส่วนผสมคัพเค้ก 3 สกู๊ปใส่ถ้วยอบแต่ละใบ อบ 25 นาทีหรือใช้ไม้จิ้มฟันแล้วเนื้อขนมไม่ติดออกมา
5. เตรียมฟรอสติ้ง ตีครีมชีส กรีกโยเกิร์ต เมเปิ้ลไซรัปและ Vanilla Extract ให้เข้ากันไม่เป็นก้อน ตี 2 นาทีแล้วนำไปเข้าตู้เย็น รอให้คัพเค้กเย็นเต็มที่ นำฟรอสติ้งตักใส่ถุงบีบ บีบบนเนื้อขนมให้สวยงามตามชอบ ตกแต่งด้วยวอลนัท
5. สมูทตี้หวานเย็นแบบแท่ง

สูตรนี้สาวซิสน่าจะคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย อย่าง ' หวานเย็นแบบแท่ง ' ที่เคยกินตามหน้าโรงเรียน ภาพจำของเราๆ คือน้ำหวานที่ใส่ในพิมพ์แท่งกลมๆ แล้วดึงออกมาเป็นไอติมเกล็ดน้ำแข็งใช่ไหมคะ แต่ในบทความนี้เราจะเพิ่มความไฮโซเข้าไปหน่อย ด้วยการไม่ใช้น้ำหวาน ( ที่มีแต่น้ำตาล ) เป็นสมูทตี้ผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพกว่าเข้าไปแทน มีส่วนผสมของนมอัลมอนด์เพิ่มโปรตีน และโยเกิร์ตที่ช่วยต่อระบบขับถ่าย ทำง่ายแค่ปั่นๆ แล้วใส่พิมพ์แช่เย็น ใครขี้เกียจเข้าครัวอบขนมวุ่นวาย อันนี้แหละตอบโจทย์!
สารอาหาร : อยู่ที่ประมาณแท่งละ 100-150 แคลอรี
ส่วนผสม
- ผลไม้สดหรือแช่แข็ง เช่น ราสเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี สับปะรด ส้ม กล้วย 2 ถ้วย
- นมอัลมอนด์ชนิดไม่หวาน 1 กล่อง
- กรีกโยเกิร์ต 1 ถ้วย
- น้ำแข็งก้อน 1-2 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในเครื่องปั่น กะๆ เอาได้ไม่ต้องเป๊ะ ชอบเนื้อครีมมี่หน่อยก็ใส่กรีกโยเกิร์ตเยอะ อยากกินผลไม้เข้มข้นก็ใส่เนื้อผลไม้เยอะหน่อย ปั่นจนเนื้อเนียนเข้ากัน
2. เทใส่พิมพ์ไอติม ถ้าไม่มีก็เทใส่ถ้วยพลาสติก ถาดน้ำแข็งหรือถ้วยกระดาษชิ้นเล็กๆ ได้เช่นกัน แช่แข็ง 3-4 ชั่วโมงในช่องฟรีซจนไอติมแข็งตัว
3. นำออกจากช่องฟรีซ นำไปวางในชามใส่น้ำอุ่น 10-15 วินาที ให้ไอติมหลุดจากพิมพ์ออกมาได้ง่าย เท่านี้ก็สนุกกับใช้ช้อนตักกินได้เลย
6. ไอติมกล้วยมะพร้าว

สูตรนี้แค่เห็นชื่อ ' กล้วยกับกะทิ ' ก็การันตีความหวาน สัมผัสหอมมัน เนื้อครีมมี่แสนอร่อยได้แล้ว เพิ่มความหนุบหนับด้วยไซรัปอินทผลัมที่กวนจนข้นเหนียวเหมือนคาราเมล เนื้อนุ่มเนียนของกล้วยที่ปั่นเข้ากับกะทิอย่างลงตัว และสัมผัสกรุบกรอบจากถั่วอัลมอนด์สไลซ์ อร่อยฟิน ดีต่อระบบขับถ่าย ขอเตือนว่าด้วยความหวานค่อนข้างเยอะและไขมันจากน้ำมันมะพร้าว กินแค่ถ้วยเล็กๆ พอหายอยากก็เพียงพอ ถ้ากินเพลินเกินพิกัดความอ้วนมาเยือนแน่นอนค่า
*สูตรนี้ให้พลังงานประมาณ ชิ้นละ 250-300 แคลอรี ( ทำได้ 4 ชิ้น )
ส่วนผสม
- กล้วยขนาดกลาง 4 ผล
- น้ำมันมะพร้าว 3 ช้อนโต๊ะ
- ไซรัปอินทผลัม 6 ช้อนโต๊ะ
- กะทิสูตรปกติ ( full-fat ) 385 กรัม
- อัลมอนด์หั่นสไลซ์ 3/4 ถ้วย
วิธีทำ
1. อุ่นเตาที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ปูกระดาษรองอบที่ถาด ปอกเปลือกกล้วย วางบนถาดอบ หยดน้ำมันมะพร้าวและไซรัปอินทผลัม 3 ช้อนโต๊ะลงไป นำกล้วยไปย่าง 15-20 นาที
2. นำกล้วยที่ย่างแล้วใส่ในเครื่องปั่น เติมกะทิลงไป ปั่นจนเนื้อเข้ากันดี เทใส่ชาม แช่ตู้เย็นทิ้งไว้ข้ามคืนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
3. นำอัลมอนด์วางบนกระทะ หยดไซรัปอีก 3 ช้อนโต๊ะลงไป ตั้งไฟอ่อน คนเป็นระยะประมาณ 5 นาทีจนอัลมอนด์เกรียมนิดๆ และชุ่มไซรัป
4. เทราดซอสไซรัปอัลมอนด์ที่ข้นเหนียวเหมือนคาราเมลลงในส่วนผสมข้อ 2 พร้อมกินได้ทันที
7. พุดดิ้งช็อกโกแลตไร้ไข่ ใส่เกลือทะเลและน้ำมันมะกอก

สูตรสุดท้าย ใครๆ ก็คงคุ้นชินกับขนม ' พุดดิ้ง ' ที่ทำง่ายในเวลารวดเร็ว ในสูตรนี้เราใช้ส่วนผสมหลักเป็นช็อกโกแลตชนิดหวานน้อย จึงไม่หวานจนเลี่ยน แต่ยังได้สารต้านอนุมูลอิสระ ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด บำรุงสมอง ผสานรสชาติกับไขมันดีจากน้ำมันมะกอก และรสเค็มกรุบกริบจากเกลือ รสชาติจะคล้ายๆ กับกินมันฝรั่งทอดหรือแครกเกอร์โรยเกลือ แต่คุณประโยชน์ดีกว่ากันเยอะ!
สารอาหาร : 310 แคลอรี, ไขมัน 19 กรัม, น้ำตาล 29 กรัม ( ทำได้ 4 ถ้วย )
ส่วนผสม
- น้ำตาล 1/4 ถ้วย
- น้ำเชื่อมข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
- นมไขมันต่ำ 2 ถ้วย
- เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ
- ช็อกโกแลตชนิดขมหรือหวานน้อยหั่นสับละเอียด 115 กรัม ( หรือจะใช้ช็อกโกแลตชิพแบบขม 2/3 ถ้วยก็ได้ )
- เกลือเล็กน้อย
- น้ำมันมะกอกและเกลือทะเล ไว้โรยหน้าพุดดิ้งตามต้องการ
วิธีทำ
1. ผสมน้ำตาลและน้ำเชื่อมข้าวโพดในกระทะขนาดกลาง ใช้ไฟอ่อน ค่อยๆ เติมนมลงไป ใช้ที่ตีไข่ตีจนเนื้อเข้ากัน เทใส่หม้อตุ๋น
3. เทส่วนผสมพุดดิ้งในแก้วใบเล็ก 4 ใบ แช่ตู้เย็นให้แข็งตัวอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
----------------------------------------
อ่านจบก็รู้สึกน้ำลายสอแล้ว มีแต่เมนูอร่อยๆ ทั้งนั้น! ทั้ง 7 สูตรนี้ไม่มีอันไหนเกิน 400 แคลอรีเลย กินชิ้นสองชิ้นในช่วงบ่ายได้ชิลล์ๆ ไม่อ้วน ส่วนผสมหลักก็ทำจากวัตถุดิบที่มีประโยชน์ อย่างผลไม้ โยเกิร์ต ดาร์กช็อกโกแลต ข้าวโอ๊ต นอกจากจะได้คุณค่าจากอาหารชนิดนั้นๆ แล้ว ยังทำให้อิ่มนาน ไม่หิวจุกจิกเหมือนกินขนมถุง หรือของเค็มๆ มันๆ ตามที่ขายกันทั่วไปอีกด้วยค่ะ
ขนมบางสูตรอาจจะส่วนผสมเยอะ ดูยุ่งยาก แต่เรามองว่าทำทีนึงก็ได้เป็นสิบชิ้น อยู่ได้หลายวัน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เทียบกับร้านขนมที่ขายเมนูแนวนี้ชิ้นละร้อยสองร้อยบาท ทำเอง กินเองยาวๆ น่าจะประหยัดกว่ามาก เลือกเมนูที่ชอบแล้วลองลุยกันได้เลย เผลอๆ ทำอร่อย ไปได้ดี อาจได้อาชีพเสริมในช่วงโควิดนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ =w= วันนี้ขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้านะคะ บ๊ายบาย
Comments