
Hallo! สวัสดีค่าา สาวๆ SistaCafe ที่พร้อมโบยบินไป ' ศึกษาต่อ ' ทั้งหลาย
สถานการณ์บ้านเมืองช่วงนี้ที่ค่อนข้างคุกรุ่น เศรษฐกิจที่ย่ำแย่และความขัดแย้งในหลายๆ เรื่อง จึงเกิดกระแสเรียนหรือศึกษาต่อต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกลุ่มประเทศที่หลายๆ คนหมายตาไว้ก็คือ ' ยุโรป ' ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราไฮโซ ภูมิประเทศสวย แม้อากาศจะหนาว ( มาก ) สำหรับคนไทย แต่ก็คุ้มกับคุณภาพการศึกษาที่ดี สาธารณูปโภค การคมนาคมที่สมกับเป็นประเทศพัฒนาแล้ว //เหลือบมองประเทศตัวเองแล้วถอนหายใจยาว -__-
หลังจากศึกษาหาข้อมูลมาสักพัก เชื่อว่าหลายคนก็ถูกใจในเสน่ห์ของ ' นอร์เวย์ ' และเลือกประเทศนี้เป็นจุดหมายในการเรียนต่อ แต่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างประเทศทั้งที ยิ่งอยู่ห่างจากประเทศไทยหลายพันกิโลเมตร ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อจะได้ไม่ไปทำผิดกฎของเขา ปรับตัวกลมกลืนได้ไว กับบทความ ' 7 สิ่งควรรู้ ก่อนวางแผนศึกษาต่อที่ประเทศนอร์เวย์ ' พร้อมแล้วก็ไปอ่านกันเลยค่า!
1. ระบบการศึกษา ' มหาวิทยาลัย ' ในนอร์เวย์

การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยของนอร์เวย์ จะประกอบไปด้วยมหาวิทยาลัยทั่วไป, มหาวิทยาลัยเฉพาะทาง, วิทยาลัยรัฐ, สถาบันศิลปะแห่งชาติ และวิทยาลัยเอกชน ที่มีโปรแกรม หลักสูตรต่างๆ ให้เลือกเรียนมากมาย ซึ่งสาขายอดฮิตของเด็กต่างชาติที่มาเรียนก็จะเป็น สถาปัตยกรรมศาสตร์, บริหารธุรกิจ ( การจัดการ บัญชี ไฟแนนซ์ การจัดการทรัพยากรบุคคล ), วิศวกรรมศาสตร์, กฎหมาย, แพทยศาสตร์, ครุศาสตร์และวิทยาศาสตร์ค่ะ
ระดับปริญญาตรีจะใช้เวลาเรียน 3-4 ปี และระดับปริญญาโทใช้เวลา 1-2 ปี โดยการระบบการเรียนส่วนใหญ่จะค่อนข้างให้อิสระกับนักศึกษา ไม่ค่อยมีคลาสเรียนมากนักในหนึ่งสัปดาห์ แต่ก็มีชิ้นงาน การบ้านสำคัญชิ้นใหญ่ที่ต้องทำในบางสาขาวิชาเช่นกัน ในส่วนของภาษา มีหลักสูตรภาษาอังกฤษให้เรียนและต้องสอบ IELTS ให้ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด ( จะเรียนภาษานอร์เวย์เพิ่มด้วยก็ได้ ) และที่ว้าวคือมหาวิทยาลัยที่นี่เปิดโอกาสให้ประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทย ให้เข้าไปเรียนได้ฟรีๆ ในที่นี้คือฟรีค่าเทอม แต่อาจมีค่าบำรุงการศึกษาเล็กน้อยและต้องซื้อหนังสือเรียนเอง สุดท้ายคือการมาเรียนที่นี่ต้องขยัน เพราะหลายสาขาวิชา มีคะแนนการเข้าคลาสถึง 80% ไม่ถึงก็หมดสิทธิ์สอบ เป็นต้น
2. การจับจ่าย ซื้อของ ' ช้อปปิ้ง ' ในนอร์เวย์

เมื่อเราต้องไปใช้ชีวิตที่ประเทศใดประเทศหนึ่งนานๆ ก็จะมีเรื่องค่ากิน ค่าของใช้ส่วนตัวเข้ามา ซึ่งใครที่เรื่องกินเรื่องใหญ่หรือชอบส่องผลิตภัณฑ์แบรนด์ใหม่ๆ อาจจะรู้สึกเซ็งเล็กน้อย เพราะซูเปอร์มาร์เก็ตที่นี่มีผลิตภัณฑ์ค่อนข้างไม่หลากหลาย มีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ โดยเฉพาะบิวตี้ไอเทม เครื่องสำอาง สกินแคร์ อาหาร และอาหารจำพวกวีแกน จะไม่ได้มีให้เลือกตื่นตาตื่นใจแบบที่ไทยนะคะ
ไอเทมบางอย่าง เช่น ลูกกลิ้งระงับกลิ่นกาย ที่นี่จะหาซื้อยากมาก หรือถ้ามีขายก็ต้องไปห้างใหญ่ที่ราคาแพงมาก! ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรเตรียมมาจากไทย และซูเปอร์มาร์เก็ตที่นี่ สามารถนำขวดพลาสติกและขวดเบียร์เปล่าไปรีไซเคิล แลกคืนเป็นเงินได้ และที่อาจจะขัดใจสายรักษ์โลกคือ ที่นี่ยังใช้ถุงพลาสติกใส่ของเป็นปกติ ( แต่เก็บเงินค่าถุง ไม่ได้ให้ฟรี ) เพราะระบบรีไซเคิลพลาสติกของที่นี่มีประสิทธิภาพ คนใช้ถุงพลาสติกจึงสบายใจได้ว่าไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมค่ะ
3. ค่าครองชีพ การใช้จ่ายในนอร์เวย์

ก็ต้องยอมรับตรงๆ ว่า นอร์เวย์เป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูง ทุกอย่างค่อนข้างมีราคาแพง ยิ่งเรามาจากประเทศที่ค่าแรงต่ำด้วยแล้ว ถ้าไม่มีต้นทุนมาพอสมควรก็อาจจะใช้ชีวิตลำบากหรือต้องไปเรียนที่ประเทศอื่นแทน ถ้าอยู่เมืองใหญ่ อาจต้องเสียถึง 38,000-69,000 บาทต่อเดือน! โดยประเทศนี้จะใช้สกุลเงินเป็น ' โครน ' ไม่ใช่ยูโร ( 1 โครน ประมาณ 3.8 บาท ) ค่าเงินของที่นี่ผันผวนอยู่เสมอ เวลาให้ที่บ้านโอนเงินมาจากไทย ควรเช็กอัตราแลกเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ ไม่อย่างนั้นหากถอนเงินตอนเรทไม่ดี อาจขาดทุนระยับได้ค่ะ
นอร์เวย์เป็นประเทศที่แทบจะไม่ใช่เงินสดแล้ว ถ้ามาเรียนต่อ อยู่ที่นี่ยาวๆ ควรใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตจะสะดวกกว่า สาวๆ สามารถติดต่อทางธนาคารเพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการทำธุรกรรมทางการเงิน บางธนาคารจะยกเว้นให้ในนักศึกษาที่อายุต่ำกว่า 25 ปี, ในกรณีที่เรียนจบแล้ว หรือระหว่างทางอยากส่งของกลับไทย ค่าส่งระหว่างประเทศจะค่อนข้างแพงมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่หากไม่ใช่ของสำคัญจริงๆ นักศึกษาที่นี่ก็จะทิ้งไว้เลย ไม่ได้เอากลับประเทศค่ะ
4. สายแดนซ์ ชอบปาร์ตี้ ต้องอ่านกฎ ' การเข้าคลับ ' ในนอร์เวย์

ใครสายแดนซ์ ชอบดื่มชอบปาร์ตี้ต้องอ่านข้อนี้ จะได้ไม่ทำผิดกฎ! สาวๆ ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ( หรือบางที่กำหนดสูงถึง 23 ปี ) จะไม่สามารถเข้าผับ ไนท์คลับหรือบาร์ในนอร์เวย์ได้! กฎที่นี่เข้มงวดมาก จะมาอ้อนวอนคนเฝ้าประตู อ้างว่าลืมเอามา หรือขโมยบัตรประชาชนคนอื่นมาใช้เหมือนอยู่ไทยไม่ได้นะจ๊ะ ถ้าไม่มีพาสปอร์ตตัวจริงให้เขาดูปีเกิด ยังไงเขาก็ไม่ให้เข้าเด้อ
หากอายุเกินแล้ว หลังเลิกเรียนอยากไปหาความบันเทิง รีแล็กซ์ให้ชีวิต อย่าลืมว่าบาร์กับผับที่นี่จะเปิดดึกสุดแค่ตี 3 ไม่ได้เปิดยันเช้าเหมือนไทยหรือเกาหลี ( ที่จริงประมาณตี 2 ครึ่งที่นี่ก็เริ่มปิดเพลงแล้ว ) ดังนั้นคนนอร์เวย์เวลาจะจัดปาร์ตี้ เขาจะจัดในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ มากกว่าเพราะผับปิดเร็ว หรือถ้าไม่ไปผับ จะปาร์ตี้ชิคๆ ที่ห้องพักทั้งคืนแทน ก็อาจจะเจอปัญหารบกวนเพื่อนบ้าน และตำรวจอาจจะมาเคาะถึงหน้าประตูห้องพักได้ ดังนั้นอย่าหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองจะดีกว่า!
5. สภาพอากาศ ในนอร์เวย์

นอร์เวย์อยู่ในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือ สภาพอากาศส่วนใหญ่จึงอยู่ในสเกล ' หนาว- หนาวมาก ' ในหน้าหนาว อุณหภูมิจะติดลบเป็นเรื่องปกติ หิมะปกคลุมทั้งประเทศ และจะเริ่มหนาวน้อยลงในช่วงหน้าร้อน หากมาจากเมืองไทยที่อากาศแทบจะร้อนทั้งปี เธอจะเจอกับปรากฎการณ์ ' weather shock ' หนาวสั่นจนอาจถึงขั้นป่วยได้เลย ดังนั้นควรเตรียมยาแก้หวัด แก้ไข้ลดน้ำมูกที่จำเป็นไปด้วยจะดีมากค่ะ
6. ที่อยู่อาศัย การแชร์ห้อง มีรูมเมท ในนอร์เวย์

แม้ค่าครองชีพในนอร์เวย์จะค่อนข้างสูงถึงสูงมาก แต่ถ้ามาในฐานะนักศึกษา การหาห้องพักก็ไม่ได้ใช้เงินเยอะขนาดนั้น เพราะทางมหาวิทยาลัยจะมีห้องพักหรือ student housing ในราคาที่พอรับได้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4000 โครนต่อเดือน ( ประมาณ 16,000 บาท ) ซึ่งมีหลายแห่งให้เลือก เช่น Sammen หรือ Fantoft โดยแต่ละที่ก็จะมีสไตล์ที่พักของตัวเอง เช่น Fantoft จะเน้นให้เด็กเข้าสังคม ปาร์ตี้กัน แต่ถ้าเธอไม่ชอบสังคมแบบนั้นก็ต้องหาบริการ housing ของเจ้าอื่น เป็นต้น
7. สถานที่น่าเที่ยว ทัศนียภาพสวยๆ ฟินๆ ในนอร์เวย์

มาเรียนต่อที่นอร์เวย์ ไม่ต้องกลัวเบื่อกับสถานที่เดิมๆ ซ้ำซากจำเจ เพราะที่นี่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆ สมกับฉายาที่มีคนกล่าวไว้ว่า เป็นอัญมณีที่งดงามแห่งสแกนดิเนเวีย แม้จะเป็นภูมิประเทศส่วนที่เดินทางยาก พื้นผิวขรุขระก็ยังส่องแสงเปล่งประกาย ถ่ายรูปสวย มีสถานที่ธรรมชาติที่สวยแบบไม่ต้องปรุงแต่ง ไม่ว่าจะเป็นป่าลึก, ทุ่งหิมะทุนดรา ( arctic tundra ), ยอดภูเขา, บ้านที่ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าหลากสีสัน และอ่าวฟยอร์ด ( fjords ) ที่สวยประทับใจจนเห็นแล้วต้องตกตะลึง! เป็นต้น เพราะนอร์เวย์มีภูมิประเทศที่สัมพันธ์กับทะเล ทั้งเกาะ ธารน้ำแข็ง ภูเขา ชายฝั่งทะเล จึงสวยไม่เป็นสองรองใครในยุโรปเลยค่ะ
ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยว ก็มีหลายแห่งที่โด่งดังระดับโลก ช่วงหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็สามารถไปเดินชมงานศิลป์ชิคๆ ที่อุทยานฟรอกเนอร์ ที่มีทั้งงานประติมากรรมและแกะสลักกว่า 200 ชิ้น, เดินช้อปปิ้งที่ถนนคนเดิน คาร์ล โจฮันเกท, ซึมซับประวัติศาสตร์ที่พระราชวัง Konggelige Slott และปราสาท ปราสาท Akurshus, ชมละครที่โรงละครแห่งชาติ หรือถ้าอยากชมทั้งการแสดงและประติมากรรมล้ำๆ ต้องไปโอเปร่าเฮาส์แห่งชาติ ที่ตึกสร้างแบบโมเดิร์นเรขาคณิตกระจกสีขาวเหมือนภูเขาน้ำแข็งยักษ์ แค่ถ่ายรูปลงโซเชียลก็เก๋แล้ว ยังไม่นับผลงานการแสดงโอเปร่าระดับโลกอีก เป็นความทรงจำที่ประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน

--------------------------------------------
รู้เขารู้เรา ไปเรียนต่อที่ไหนก็ราบรื่น! แม้ระดับความรู้ความสามารถของสาวๆ จะสูง คะแนนภาษาดี มั่นใจว่าจะเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้รอด แต่การใช้ชีวิตในต่างประเทศไม่ได้มีแค่เรื่องเกรด แต่ต้องปรับตัวในการใช้ชีวิต รับผิดชอบและดูแลตัวเองให้ได้ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า บริหารจัดการเงิน แก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นมากมายโดยไม่มีคนในไทยมาคอยช่วยอีกต่อไป ดังนั้นการทำการบ้านไปก่อนว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่นั่นบ้าง ก็จะทำให้เธอเข้าใจและใช้ชีวิตในนอร์เวย์ได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้นค่ะ
สุดท้ายนี้ เราเชื่อในสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเด็กไทยทุกคน หากพาตัวเองไปถึงฝันได้แล้ว ความอดทน พยายามและมีวินัยเพื่อคว้าปริญญามาครองก็ไม่ใช่เรื่องยาก สู้ๆ นะคะ เราเป็นกำลังใจให้สาวซิสทุกคนเลย พบกันใหม่ในบทความหน้า บ๊ายบาย Farvel!
Comments