สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeที่กำลังกลัวติด 'โควิด 'ทุกคนอย่างที่เห็นกันตอนนี้ว่า สถานการณ์โรคระบาดกลับมาอีกหน ( ลูปรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ) กลุ่มคลัสเตอร์เต็มไปหมด กรุงเทพกลายเป็นพื้นที่สีแดง จำนวนคนป่วยและเสียชีวิตก็ยังพุ่งสูงขึ้นทุกวัน แต่วัคซีนก็ยังไม่ค่อยจะคืบหน้าเท่าไหร่ #เหล่ตามองซึ่งแน่นอนว่าคนที่ยังต้องออกบ้านทุกวัน ก็มีความอกสั่นขวัญแขวนเหมือนเป็นตัวละครในหนังวันสิ้นโลกยังไงยังงั้น ( เราแล้วหนึ่ง ) ทั้งใส่แมสก์ พ่นแอลกอฮอล์ ล้างมือทุก 5 นาที กินวิตามินซี ประสาทจะกินแล้ว เครียด!ประชาชนคนธรรมดาอย่างเราๆ จะไปดีลวัคซีนเองก็เกินกำลังเนอะ ก็ต้องป้องกันและระวังตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งนอกจากปัจจัยภายนอกอย่างที่พูดถึงข้างบนแล้ว ปัจจัยภายในอย่าง ' อาหาร ' ก็เป็นสิ่งสำคัญ เธอคงเคยได้ยินคำว่า you are what you eat ทุกอย่างที่กินเข้าไปในร่างกาย ล้วนส่งผลกับระบบภายในทั้งสิ้นในบทความนี้เราจึงขอบอกต่อ' 7 อาหารสุดแย่ ทำภูมิคุ้มกันต่ำลง ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่ายกว่าเดิม 'เลี่ยงได้เลี่ยง เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ เริ่ม!

1. อาหารที่ใส่ ' น้ำตาล ' ทุกชนิด ยิ่งใส่เยอะ ยิ่งหวาน ยิ่งอันตราย!

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/kyC239342.jpg

คนไทยส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะกินอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มมักจะติด ' รสหวาน ' ซึ่งมักมาจากน้ำตาลขัดสีที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ กับร่างกาย เน้นอร่อยอย่างเดียว

ไม่ว่าจะกาแฟใส่น้ำตาลพูนช้อน ชานมไข่มุกหวาน 100% โดนัทโรยน้ำตาล คุกกี้ช็อกโกแลตหวานจนขึ้นตา หากกินต่อเนื่องไปนานๆ ก็ไม่ต่างกับทำร้ายสุขภาพโดยรวมและภูมิคุ้มกันร่างกายให้พังจนไม่เหลือซากค่ะ

อาหารที่มีน้ำตาลสูง เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และ

เพิ่มการผลิตโปรตีนที่ทำให้เกิดการอักเสบมากมายหลายชนิด เมื่อมีโปรตีนเหล่านี้ในร่างกายมากๆ ก็จะส่งผลลบกับภูมิคุ้มกันทันที ยับยั้งการตอบสนองของเซลล์ภูมิคุ้มกันสองชนิดที่ทำหน้าที่ต้านการติดเชื้อ อีกทั้งยังทำให้แบคทีเรียในลำไส้ไม่สมดุล จึงทำให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ง่าย ในบางคน น้ำตาลยังทำให้โรคภูมิต้านตัวเองบางชนิด รวมถึงโรคไขข้ออักเสบรุนแรงขึ้น

อีกด้วย ลดหวานได้รีบลดด่วน!

2. อาหารรส ' เค็มจัด ' เหมือนทำเกลือทั้งกระบะหกใส่

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/Ty1539339.jpg

นอกจากกินหวานจัดแล้ว คนไทยและคนอีกหลายๆ ประเทศก็นิยมรส

' เค็มจัด '

จากอาหารประเภทมันฝรั่งทอด ฟาสต์ฟู้ด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง ซึ่งเป็นคู่อริกับภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงอย่างแน่นอน

เพราะการกินเค็มเยอะๆ จะกระตุ้นให้เนื้อเยื่อในร่างกายเกิดการอักเสบ แถมเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองอีกด้วย

' เกลือ ' หรือโซเดียมในปริมาณมาก จะยับยั้งการทำงานปกติของภูมิคุ้มกันในร่างกาย, ลดการตอบสนองต่อการต้านอักเสบ, เปลี่ยนแปลงจำนวนแบคทีเรียดีในลำไส้ และยังส่งเสริมการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดโรคภูมิต้านตนเอง และยังมีความเสี่ยงเป็นโรคร้ายต่างๆ มากมายเช่นโรคลำไส้ใหญ่บวมเป็นแผล, โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคลูปัสอยากแข็งแรงไปนานๆ ลดเค็ม กินจืดให้มากขึ้นจะเก๋กู้ดมากค่ะ

3. อาหารที่มีกรดไขมัน ' โอเมก้า 6 ' สูง

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/umPx40709.jpg

ร่างกายของเราต้องการกรดไขมันจำเป็นที่รวมทั้งโอเมก้า 3 กับ 6 เพื่อให้ทำงานเป็นปกติค่ะ แต่ถ้าทั้งสองอย่างนี้อยู่ในอัตราส่วนที่ไม่สมดุลเกินไป 6 เยอะแต่ 3 น้อย จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคต่างๆ และภูมิคุ้มกันร่างกายผิดปกติได้


อาหารที่มีโอเมก้า 6 สูง จะส่งเสริมการทำงานของโปรตีนที่ทำให้เกิดการอักเสบในระบบภายใน จึงทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง


ในทางกลับกัน อาหารที่มีโอเมก้า 3 สูงจะลดการผลิตโปรตีนเหล่านั้น และทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น

มีงานวิจัยในคนน้ำหนักเกินว่า เมื่อกินกรดไขมันชนิดนี้เยอะๆ จะอ่อนแอลง เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหอบหืดและโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ อัตราส่วนการกินที่เหมาะสมคือ 1:1 หรือ 4:1

ดังนั้นสาวๆ ควรกินอาหารโอเมก้า 3 สูงอย่างปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน วอลนัท เมล็ดเชีย และ

ลดการกินอาหารที่โอเมก้า 6 สูง เช่น น้ำมันคาโนล่าดอกทานตะวัน, น้ำมันข้าวโพด, น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันอะโวคาโด เป็นต้น

4. อาหารผัด ทอด ที่มี ' น้ำมัน ' ผสมอยู่เยอะๆ

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/7TLo39341.jpg

ไก่ทอด ทงคัตสึ เฟรนช์ฟรายส์ เกี๊ยวทอด ลูกชิ้นทอด ปอเปี๊ยะ ของชอบวัยรุ่นวัยทำงานทั้งนั้น กินง่าย สะดวก อิ่มท้องไว แต่ถ้ากินบ่อย กินทุกวัน เตรียมเก็บเงินค่าหมอไว้ได้เลย โรคมาเยือนตั้งแต่อายุยังน้อยชัวร์ๆ เพราะ

ของทอดจะมีกลุ่มโมเลกุลที่เรียกว่า AGEs สูง ซึ่งโมเลกุลนี้ก่อตัวจากการที่น้ำตาลทำปฏิกิริยากับโปรตีนหรือไขมัน เวลาทำอาหารในอุณหภูมิสูงๆ เช่น ทอด ผัด หากมีระดับ AGEs ในตัวสูงเกินไป ก็จะเกิดการอักเสบและเซลล์เสียหาย

ตามมา

จากการศึกษาแล้ว คาดว่า AGEs สามารถทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงได้ในหลายๆ ทาง เช่น ก่อเกิดการอักเสบ, ยับยั้งการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ, เซลล์เกิดความผิดปกติ และส่งผลเสียต่อแบคทีเรียในลำไส้

นักวิจัยยังเชื่อว่าอาหารเหล่านี้จะทำให้

คนที่ติดเชื้อเป็นโรคบางอย่าง เช่น มาลาเรีย อ่อนแอลงกว่าเดิม และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งบางชนิด หรือภาวะที่การเผาผลาญทำงานผิดปกติ

เป็นต้น หากไม่อยากเจอโรคเหล่านี้ ลองเปลี่ยนจากของทอดเป็นต้ม ย่าง นึ่งแทน อาจจะอร่อยน้อยลงบ้าง แต่สุขภาพดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดค่ะ

5. อาหารสำเร็จรูป แช่แข็ง และเนื้อที่ย่างไหม้จนเกรียม

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/Myl339343.jpg

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า

' ของทอด '

คืออาหารอันตรายที่ควรเลี่ยง รวมถึงอาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูปและเนื้อย่างที่ไหม้จนเกรียม ก็มีโมเลกุล AGEs ในปริมาณสูงปรี๊ดเช่นกัน มีงานวิเคราะห์ปริมาณ AGE พบว่า

อาหารประเภทเบคอนทอต ฮอตดอก ขาไก่ย่างติดหนัง และสเต๊กย่างเกรียมๆ มี AGE สูงที่สุด

เลยทีเดียว

เนื้อแปรรูปมีไขมันอิ่มตัว ( saturated fat ) สูง บางงานวิจัยบ่งชี้ว่าอาหารเหล่านี้จะทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และยังทำให้ระบบภายในเกิดการอักเสบ เป็นอันตรายต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และยังมีความเสี่ยงเป็นโรคร้ายต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็งลำไส้

ที่คนสมัยนี้เป็นกันมากขึ้นเพราะกินของไหม้ของทอดเยอะ

ปิ้งย่าง หมูกระทะ ลดได้ก็ลด งดได้ยิ่งดี เพราะเสี่ยงสุขภาพพังตอนแก่มากๆ ค่ะ

6. อาหารที่มี ' คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ( แป้งขาว ) ' สูง

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/GP0L39338.jpg

อาหารที่มีแป้งขัดสีเยอะๆ อย่างพิซซ่า เบเกอรี ขนมปัง หรือแม้แต่ข้าวขาวปกติเนี่ย เธอก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ากินเยอะแล้วอ้วน น้ำหนักขึ้นแน่นอน แต่ผลเสียจริงๆ ของมันไม่ได้มีแค่เรื่องน้ำหนัก แต่ไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย เพราะ

อาหารเหล่านี้มีค่าดัชนีน้ำตาล ( GI  ) สูง ทำให้ระบบน้ำตาลในเลือดสวิง กระตุ้นอินซูลิน จึงเพิ่มการปล่อยสารอนุมูลอิสระและโปรตีนก่อเกิดการอักเสบอย่าง CRP ค่ะ

ข้อเสียอีกอย่างคือแป้งขัดสีจะเข้าไปวุ่นวายกับความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ทางเดินอาหารมีปัญหา ขับถ่ายแย่ลง ร่างกายแข็งแรงน้อยลง ยังไม่นับว่าเมื่อแป้งเหล่านี้เผาผลาญไม่หมด ก็จะกลายเป็นไขมันสะสมในเลือด เป็นโรคไขมันในเลือดสูงได้อีกไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงเป็นคนป่วย ไม่จำเป็นต้องงดข้าว แต่เลือกกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนแทนเช่น ผักที่มีแป้งผสมเพื่อเพิ่มไฟเบอร์, ข้าวโอ๊ต, ข้าวกล้อง, โฮลวีทโฮลเกรน, ผลไม้เพิ่มกากใย ขับถ่ายดีขึ้น เป็นต้น

7. อาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดที่ใส่ ' น้ำตาลเทียม '

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/Kmct39337.jpg

หลายคนอาจงงว่า ทำไม

' น้ำตาลเทียม '

ที่ควรถูกคิดค้นมาเพื่อช่วยเรื่องสุขภาพกลับทำลายสุขภาพซะเอง? นั่นเพราะ

น้ำตาลเทียมบางชนิดมีความเกี่ยวข้องกับการสูญเสียสมดุลของแบคทีเรียในทางเดินอาหาร เพิ่มการอักเสบในลำไส้ และมีการตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่แย่ลง

นั่นเองค่ะ

มีหลักฐานหลายชิ้นค้นพบว่า

น้ำตาลเทียมหลายชนิด รวมถึงซูคราโลสและแซคคาริน มีผลให้แบคทีเรียดีในลำไส้ลดลง หากใครกินน้ำตาลเทียมเยอะๆ ก็ยิ่งเสี่ยงที่ระบบภูมิคุ้มกันจะแย่ลงจนถึงขั้นเป็นอันตรายได้, บางงานวิจัยพบว่าเมื่อกินน้ำตาลเทียมในปริมาณสูง จะมีแนวโน้มป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองมากขึ้น

แต่ทั้งนี้น้ำตาลเทียมก็ไม่ใช่ผู้ร้ายซะทีเดียว

หากกินในปริมาณที่เหมาะสมก็ไม่มีปัญหากับสุขภาพแต่อย่างใด

ค่ะ ครั้งต่อไปจะใส่น้ำตาลเทียมในเครื่องดื่ม ก็เบามือนิดนึงละกันเนอะ

--------------------------------------------

อาหารทั้ง 7 อย่างนี้ไม่จำเป็นต้องระบุชัดถึงโควิดด้วยซ้ำ ในสถานการณ์ปกติก็ไม่ควรกินเยอะ เพราะอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวทั้งสิ้น! แม้จะไม่ใช่ยาพิษที่กินแล้วล้มป่วยทันที แต่ถ้าเธอกินสิ่งเหล่านี้ต่อเนื่องติดต่อกันนานๆ โรคร้ายมาเยือนแน่นอน ที่เห็นชัดก็โรคเบาหวาน ไขมันสูง ความดัน โรคอ้วน ซึ่งคนที่ตามข่าวจะรู้ว่าคนที่ติดเชื้อโควิด หากมีโรคประจำตัวเหล่านี้ ถ้าโชคร้ายติดเชื้อก็มีแนวโน้มที่จะป่วยหนักมากขึ้นจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่ะ

อาหารพวกนี้มักแฝงมากับของในร้านสะดวกซื้อ ร้านขายข้าวแกงข้างทาง ที่คนทำงานมักกินบ่อยไม่รู้ตัวเพราะเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ แต่มันจะบ่อนทำลายสุขภาพของเธอไปทีละน้อย รู้แบบนี้แล้วก็พยายามเลี่ยง อย่างน้อยลดปริมาณความถี่ลง กินของมีประโยชน์ให้มากขึ้น และอย่าลืมออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงกันนะคะ แล้วพบกันใหม่คราวหน้า ขอให้รอดพ้นจากโควิดกันทุกคนนะคะ ด้วยรักและห่วงใย (♡´❍`♡)*✧ ✰ 。*