การเดินทางครั้งนี้การเดินทางทำให้ฉันเห็นสับเซตที่เกี่ยวโยงกันอย่างขาดไม่ได้หลายคนเล่าปากต่อปาก บ้างเขียนลงรีวิวมากมาย ว่าการมาเยือนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย คือสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสุดวัดใจ ที่ต้องใช้เวลาเกือบวันในการเดินเท้าขึ้นไปถึงจุดกางเต็นท์ทว่าคนที่ต้องการเดินทางขึ้นมาถึงจุดนี้ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม ในครั้งนี้ฉันเองบอกเลยว่า ใช้เวลาเตรียมตัวแค่ 2 วันเท่านั้น กับเพื่อนร่วมทางคนแรกคือเพื่อนซี้เราทั้งสองไม่คาดหวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะเจอกับอะไร หลังจากจินตนาการไปสารพัด อยากให้ทุกช่วงเวลาที่เหงื่อไหลออกมา จากความเหนื่อยที่พูดไม่ออก หวังให้เป็นการผจญภัยครั้งนึง




เส้นทาง
ตลอดการเดินทางตั้งแต่จุดเริ่มต้น พบเจอคนมากมายทั่วทุกสารทิศที่ต้องการวัดใจและเข้าใจความหมาย ของสิ่งที่ตัวเองต้องการตามหาที่ภูกระดึง
หัวใจเริ่มเต้นเร็ว พร้อมกับสภาพอากาศเย็นๆ ในช่วงเดือนธันวาคม ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะต้องเจอกับความชัน และความเหนื่อยในการเดินเท้า ร่วมหลายกิโล โดยฉันเลือกใช้ ตัวช่วยคือพี่ๆ ลูกหาบ เปรียบได้กับบริษัทขนส่งแบบรวดเร็วทันใจ แค่ไปรับของที่จุดปลายทาง

ท่ามกลางเส้นทางที่สูงชัน โขดหินเล็กใหญ่สลับรากไม้ หยุดแวะนั่งพักใต้ร่มไม้กับร้านขนมหวานเย็นเพิ่มความสดชื่น และอาหารตามสั่งเสริมแรงในการเดินทาง แตงโมชิ้นละ 1x บาท ไข่ปิ้งไม้ละ 2x น้ำอัดลมเติมน้ำแข็ง เมนูของว่างยอดฮิต ที่ทุกคนซื้อทุกจุดแวะพัก
คนจร
หัวใจสูบฉีดเลือด ชีพจรเต้นแรง เหงื่อไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งๆ ที่เดินก้าวขึ้นไปอย่างช้าๆ ที่ในใจคิด
ว่าเมื่อไหร่จะถึง เหนื่อยจนไม่อยากเจียดแรงไปพูดกับเพื่อนซี้ที่เดินนำหน้าสลับตามหลังกันไป
แต่ก็ต้องหาเรื่องพูดคุยระหว่างกัน เพื่อบรรเทาความเหนื่อยและให้เวลาเดินเร็วขึ้น
ด้วยความที่เป็นคนชอบคุย ช่างถาม ในหลายๆ ครั้ง เดินผ่านนักท่องเที่ยวที่นั่งพักจากความอ่อนล้า หรือ
คนเดินสวนกันเพื่อเดินทางกลับ ลูกหาบ เจ้าหน้าที่อุทยาน เพื่อนร่วมทางของเราแต่ละคนที่ได้พูดคุยกัน
ไม่กี่นาทีแต่ทำให้รู้สึกว่าประชากรบนโลกใบนี้อารมณ์ดีกันไปทั้งหมด เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการทักทาย
อย่างเป็นมิตร พูดคุยเรื่องจิปาถะ สภาพดินฟ้าอากาศ ภูมิลำเนา ความชอบส่วนตัว เรื่องเบาไปถึงเรื่องหนัก
อย่างการเมืองจากนั้นจบลงและจากลาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับคำว่า“ สู้ๆ สวยจริงๆ แล้วเจอกัน ”คนจรที่
พบเจอและจากกัน ที่อาจได้พบกันอีกบนภู ทางขึ้นในครั้งหน้าหรือลงวันเดินทางกลับ หรือเจอกันโดยบังเอิญที่ไหนสักที่


สวยจริง ๆ
การเดินทางทางธรรมชาติ
เป้าหมายที่แน่นอนคือการนั่งมอง ท้องฟ้า สายลม แสงแดด ปุยเมฆ และละอองหมอก อย่างไม่สามารถละ
สายตาไปจากความงามเหล่านั้นได้ซึ่งแลกมากับความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อขา พูดให้เห็นภาพชัด ๆ
และเข้าใจตรงกันว่าเป็นการเดินทางเที่ยวในทางเรียบ สลับขึ้นเนิน ในระยะทางกว่า 21 กิโลเมตรในหนึ่งวัน
หากอยากทุ่นแรง มีงบหน่อย หรืออยากลิ้มรสการเดินทางแบบจักรยานเสือภูเขา คุณก็จะได้เที่ยวรอบภู ครบจบภายใน 1 วัน

เส้นทางธรรมชาติที่จะเจอกับ สายน้ำของน้ำตก แซมสีแดงสดจากใบต้นเมเปิล นั่งมองสายน้ำหยุดนิ่งพร้อม
กับอาหารกลางวันที่ใส่เป้สะพายหลัง คลุกเคล้าความอร่อยจากแรงกระแทกของจักรยานที่สู้กับรากไม้ท่อน
โต ณ สระอโนดาด ก่อนที่จะขับจักรยานลุยน้ำไปยังเส้นทางของความเสียว เมื่อตอนยืนอยู่บนก้อนหิน ณ
ผาสูงเทียมเหยียบเมฆ ที่หางตาเห็นหน้าผาสูงจบที่นั่งพักสาย หลับตาลงไปพร้อมกับพระอาทิตย์ตกเคลื่อน
ลงลับขอบฟ้า สาดส่องเส้นแสงสีเหลืองทองจ้า แยงติดตาจนกลายเป็นภาพความทรงจำถึงตอนนี้ ว่างาม
เพียงใดจนเข้าใจการเดินทางที่สวยงาม ถึงแม้จะมีกล้องดีแค่ไหน คนถ่ายมือโปรขั้นใดก็ไม่สามารถบันทึก ความรู้สึก เงาในตา ที่สะท้อนบรรยากาศในห้วงเวลานั้นเอาไว้ได้






กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
ยอมรับว่าค่าครองชีพบนภูนี้แพงจริง ๆ แต่เราก็ต้องยอมรับเพราะเราเลือกแล้ว คงเกินกำลังและ
ความสามารถของเราถ้าจะแบกน้ำหรืออาหารขึ้นมาใช้ประทังชีวิตบนนี้ ทั้งไม่มีที่เก็บหรือถ้าจะกินบะหมี่กึ่ง
สำเร็จรูปตลอดทุกมื้อคงจะไม่ดีแน่ ในราคา 60 บาทเฉลี่ยราคาข้าวราดตามสั่งส าหรับหนึ่งมื้อบนยอดเขา
สูง หากตาถึงเลือกร้านดีๆ ก็จะได้เจอกับร้านที่อร่อยและเจ้าของร้านที่คุยง่าย คุยดีรับน้ำชาฟรีไปเลย แบบ
ร้านพี่ลีโอ ด้วยวาจาต่อปากต่อคำน้ำลายกระเด็นไปสะกิดกระตุกต่อมคุยกันถูกคอพี่เขาจนได้หมูกะทะใน
ราคา 3xx บาท น้ำชาฟรีในทุกมือและชาร์จพลังงานเต็มขีด แต่ก็ไม่วายนอกใจไปหยอดมุกคำหวาน ทักทายพ่อค้าแม่ค้าแผงอื่นกันบ้าง


คิด และ ทบทวน
เงียบสงัดไร้ความวุ่นวาย จนได้ยินสายลมที่พัดผ่านเสียดทานกับใบไม้ จนผลิแล้วตกลงสู่พื้น ทุกก้าวที่เหยียบย่ำพื้น เราได้ย่อยสลายใบไม้ให้แตกละเอียดกลายเป็นธุลี กลับคืนกลืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง
บนความเคว้งคว้าง พื้นผืนกว้างว่างเปล่า เราได้มองสิ่งต่าง ๆ อย่างต้นหญ้าต้นจิ๋ว ที่ถึงแม้อยู่ติดพื้น แต่เราก็ได้เห็นความงามอันน่าหลงไหล ในระยะเวลาที่ไม่กี่วันกลีบดอกเกสรจะถูกพัดลอยหายไป และการใคร่คิดถึง ตัวเรา คนรอบข้างที่ขาดหายไปเพราะไม่ได้เดินทางมาด้วย ระยะห่างที่ทำให้ลิ้มรสความคิดถึง


เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเดินทาง หลายคนว่า “ ต้องกลับไปในโลกแห่งความจริง ”แต่ตัวเราว่านี่ก็คือโลกแห่งความจริงที่ได้ค้นหาความหมายของการเดินทาง
ฉันมองที่พระอาทิตย์ตก ครั้งสุดท้ายของทริปนี้แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนซี้ว่าการเดินทางครั้งนี้ทำให้เราได้
คำนิยามมากกว่าที่พจนานุกรมให้ไว้ และมาก มากจนจุกล้น ถ้าคนที่บ้านถามว่า ไปภูกระดึงมาเป็นไงบ้าง
