นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของนักเขียนเท่านั้น เนื้อเรื่อง สถานที่ วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา เเละตัวละครไม่มีอยู่จริง ผู้อ่านที่น่ารักโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยจ้า ทั้งหมดคือการสมมติเพื่อเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมดค่ะTW: การล่อลวง , การใช้ความรุนแรง


Chapter 02 ll เอาตัวรอด

“ที่รัก ผมมีเวลาให้เสมอนะ ไม่ว่างานจะเยอะแค่ไหน ผมก็อยากให้วันแต่งงานของเราสองคนเป็นวันที่ดีที่สุด”

พอได้ยินแฟนหนุ่มพูดยิ่งทำให้หัวใจของมิราวดีเต้นเร็วขึ้นไม่เป็นจังหวะ แก้มสองข้างร้อนผ่าว จนซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิด

“ขอบคุณนะคะที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด”

“ผมยินดีและเต็มใจครับ”

ชายหนุ่มพูดพลางตักอาหารเข้าปากเหลือบมองหญิงสาวที่ยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะยกมือทำสัญญาณบอกให้บริกรนำช่อดอกไม้ใหญ่ที่จัดเตรียมไว้มา เมื่อดอกไม้ที่สั่งมาถึงแล้วเขาจึงลุกขึ้นรับดอกไม้แล้วเดินเข้ามาหาแฟนสาว ก่อนคุกเข่าลงข้างที่นั่งของเธอ

มิราวดีตกใจรีบขยับตัวลุกออกทันที

“ทำอะไรคะ ลุกขึ้นมาก่อนก็ได้ค่ะ”

“ไม่ครับ” เขาก้มหน้าลงพลางสูดลมหายใจเข้าแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาว “ผมอยากมอบช่อดอกไม้นี้ให้คุณด้วยความจริงใจ ความรักที่ผมมีให้คุณ ไม่ใช่เรื่องโกหกหลอกลวง...”

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรคะ ?” หญิงสาวงุนงง

“ผมอยากขอโทษในสิ่งที่ผมทำผิดกับคุณ” ณัฏฐ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า “ผมอยากให้คุณอภัยให้...”

“เดี๋ยวนะคะ คือฉันไม่เข้าใจค่ะ” เธอมองเขาพลางครุ่นคิด ในใจมีคำถามมากมายเกิดขึ้น ทำไมอยู่ ๆ แฟนหนุ่มจึงพูดออกมาแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้จะมีปากเสียงหรือไม่พอใจกันบ้างแต่ไม่เคยทะเลาะให้เป็นเรื่องใหญ่โตเลย อีกทั้งมีแต่เธอที่จะโดนเขาดุด้วยซ้ำไป

“คุณขอโทษทำไมคะ”

“ผมก็แค่...” ชายหนุ่มลุกขึ้น “อยากให้เราลืมเรื่องที่เคยโกรธกัน และอยากให้คุณรู้ว่าไม่ว่าผมจะทำอะไรผิดพลาดไปในอนาคต แต่ผมก็ยังรักคุณเสมอไม่เคยเปลี่ยน ผมรักคุณ”

คำพูดที่ออกมาจากใจ จากความรู้สึกที่ตัดสินใจยากนั้นทำให้ณัฏฐ์ต้องฝืนยิ้มมันออกมา เขาลังเลที่จะพูดความจริงแต่ก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว

“ฉันให้อภัยเสมอ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผิดร้ายแรงแค่ไหน” มิราวดีพูดด้วยความจริงใจ ยิ่งเห็นเขาทำแบบนี้แล้วกลับเป็นเธอที่รู้สึกผิดเข้าไปอีก

“ฉันรักคุณมากค่ะ”

ณัฏฐ์เดินเข้ามาหายื่นช่อดอกไม้ให้

“ดอกไม้แด่คนที่ผมรักครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวเอื้อมมือรับขณะที่เขาก้าวเข้ามาแล้วดึงเธอมากอด

ใบหน้าสวยซุกเขินอายปนดีใจอยู่ที่อกแกร่ง คำบอกรักและคำขอโทษของเขาทำให้รู้สึกว่าชีวิตนี้หากสวรรค์จะเล่นตลกอะไรอีก ขอมีเพียงผู้ชายคนนี้อยู่เคียงข้างก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีกแล้ว

มิราวดีหันไปมองแฟนหนุ่มเมื่อรถหยุดที่ข้างทาง ดวงตากลมมองด้วยความสงสัยและแปลกใจ เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยไม่ใช่ทางที่เคยไปส่งกลับคอนโดประจำ ทั้งยังดูเปลี่ยวและน่ากลัว ทว่าความไว้ใจที่มีต่อเขานั้นยังไม่ลดลง

“ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาที่นี่เหรอ”

แม้ใจจะรู้สึกหวาดหวั่นตามสัญชาตญาณ แต่เธอก็พยายามคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ

ณัฏฐ์นิ่งแล้วหันมายิ้มให้เธอ “มีที่ที่อยากให้ดูน่ะ”

หญิงสาวขมวดคิ้วมองด้วยความแปลกใจ เพราะวันนี้แฟนหนุ่มจะเซอร์ไพรส์เยอะมากเกินผิดวิสัย แต่ถึงกระนั้นความหวาดระแวงในใจก็ไม่ได้มีเพิ่มขึ้น

“ที่ไหนเหรอคะ”

ชายหนุ่มเอื้อมมือหยิบผ้าหนึ่งผืนขึ้นมา แล้วขยับตัวโน้มไปหาเพื่อปิดตา เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนจนเธอยอมแต่โดยดี

“ปิดเลยลงมาที่จมูกแล้วนะคะ” มิราวดีทักท้วงเมื่อผ้าที่ปิดตานั้น เกือบปิดทั้งใบหน้าจนหายใจไม่ออก ยิ่งพยายามใช้มือดันออกกลับยิ่งถูกดันปิดมาที่จมูกมากเท่านั้นราวกับว่าแฟนหนุ่มจงใจ แรงที่น้อยกว่าต้านทานไว้ไม่ได้ ซ้ำร่างกายกลับรู้สึกไม่มีแรงขึ้นมา

มิราวดีรู้สึกหวาดกลัวแต่ก็ต่อต้านอะไรไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามที่อยากทำจนกระทั่งสติของเธอเริ่มเบลอหายไป

ณัฏฐ์ขยับตัวนั่งที่เบาะเหมือนเดิม พลางมองคู่หมั้นหลับคอพับด้วย  สีหน้าลังเล จะต้องทำจริง ๆ หรือ ผู้หญิงคนนี้คือคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยและเป็นคนที่ไว้ใจเขามากที่สุด แต่ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องตายทั้งคู่ และเธอก็บอกเองว่าต่อให้เขาทำผิดมากแค่ไหนก็อภัยให้ได้เสมอ

“ขอโทษนะ” เขาได้แต่เอ่ยขอโทษด้วยความผิดบาป แม้ใจยังลังเลอยากจะเลี้ยวรถกลับไปก็ตาม

“บ้าจริง !”

ส่วนลึกในใจตอกย้ำต่อความรักและความเชื่อใจที่มีให้กันจนไม่กล้าที่จะทำ ณัฏฐ์นั่งลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจจะขับรถเลี้ยวกลับไปทว่า

ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ

เสียงเคาะกระจกทำให้เขาสะดุ้งหันไปมองด้วยความหวาดหวั่น คนด้านนอกทำมือเป็นสัญญาณบอกให้ออกมา ณัฏฐ์ทำอะไรไม่ถูกเพราะความกลัวกำลังครอบงำจิตใจ จึงทำตามที่อีกฝ่ายบอกโดยง่าย

“เงินอยู่ไหน”

ชายหนุ่มสะดุ้งพลางยกมือขึ้นไหว้ “ผมยังไม่มี ผม...”

ยังพูดไม่ทันจบณัฏฐ์ก็ถูกอีกฝ่ายต่อยล้มลงที่พื้น ครั้นจะทรงตัวยืนขึ้นก็ถูกกระทืบซ้ำอีกหลายที

“อั๊วบอกแล้ว ถ้าไม่มีเงินให้ก็ต้องตาย !”

ชายหนุ่มมองปืนที่อยู่ในมือชายร่างท้วมด้วยความหวาดกลัว พลางยกมือขึ้นไหว้ของร้องชีวิต

“เฮียโชค...ผม...”

“จัดการมันซะ” สิ้นเสียงคำสั่งชายชุดดำอีกสามคนเดินเข้ามา ณัฏฐ์หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ร่างกายไม่มีแรงที่จะวิ่งหนีด้วยซ้ำ พลันนึกถึงเรื่องที่ตัดสินใจลงไปก็รีบพูดออกมาทันที

“เฮีย ผมจะใช้หนี้ให้ !”

ลูกน้องทั้งสามคนหันไปมองเจ้านายรอฟังคำสั่งต่อไป

“ไหน ! เอาเงินมา”

ณัฏฐ์ชี้มือไปที่รถ

“อั๊วไม่ต้องการรถเก่า ๆ ของลื้อ !”

โชคชัยขึ้นเสียงด้วยความโมโหส่งสัญญาณให้ลูกน้องจัดการทันที ณัฏฐ์รู้ว่าวันนี้ตนไม่รอดจากความตายแน่ จึงรีบพูดออกมา

“ไม่ ๆ เฮีย...ผมหมายถึงผู้หญิง”

“ผู้หญิง ?” คนฟังหยุดชะงักมอง

ณัฏฐ์พยักหน้าและมองไปที่รถอีกครั้ง

“ไปดูดิวะ” คำสั่งของเจ้านายทำให้ลูกน้องหนึ่งในสามเดินเข้าไปดู ก่อนเดินมากระซิบที่ข้างหู โชคชัยพยักหน้ารับรู้และยกมือปัดสั่งให้อีกสองคนถอยออกมา

“ไปเอาตัวออกมา”

เมื่อร่างของหญิงสาวถูกอุ้มออกมาจากรถแล้ว โชคชัยมองสัดส่วนและรูปร่างหน้าตาอย่างพึงใจก่อนจะหันไปมองณัฏฐ์

“บอกแต่แรกก็จบแล้ว”

ณัฏฐ์กลืนน้ำลายพลางยกมือไหว้ถอยหนี ขณะที่มองแฟนสาวถูกอุ้มขึ้นรถของอีกฝ่ายไป กระทั่งรถของโชคชัยขับออกไปจนพ้นสายตาแล้ว เขาจึงขยับตัวลุกขึ้น ความรู้สึกผิดบาปไม่ได้เกิดขึ้นให้สำนึกแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขารู้สึกโล่งใจที่ใช้หนี้พนันก้อนนี้หมดและไม่ต้องมาตาย

หากมิราวดีกลับมาแค่พูดให้เข้าใจได้ว่าเธอเพียงแค่ถูกฉุดไป ส่วนเขานั้นถูกทำร้ายร่างกายจนปางตาย เพียงแค่นี้หญิงสาวก็ให้อภัย อีกอย่างเธอรักเขา แน่นอนว่าต้องยอมเข้าใจในสิ่งที่เขาทำลงไป