[ Novel ] สามีพันธกาลรัก : บทที่ 2
ถูกคู่หมั้นเซอร์ไพรส์หนัก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในซ่อง ช่วงเวลาที่ชีวิตกำลังตกต่ำ ผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเหลือดันมาขอแต่งงาน มารู้ตอนหลังเธอกลายเป็นภรรยาคุณเทียดไปซะแล้ว !
เผยแพร่: 24 มิ.ย. 2564 16:00 น.
Views: 2,266
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของนักเขียนเท่านั้น เนื้อเรื่อง สถานที่ วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา เเละตัวละครไม่มีอยู่จริง ผู้อ่านที่น่ารักโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยจ้า ทั้งหมดคือการสมมติเพื่อเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมดค่ะTW: การล่อลวง , การใช้ความรุนแรง
Chapter 02 ll เอาตัวรอด
“ที่รัก ผมมีเวลาให้เสมอนะ ไม่ว่างานจะเยอะแค่ไหน ผมก็อยากให้วันแต่งงานของเราสองคนเป็นวันที่ดีที่สุด”
พอได้ยินแฟนหนุ่มพูดยิ่งทำให้หัวใจของมิราวดีเต้นเร็วขึ้นไม่เป็นจังหวะ แก้มสองข้างร้อนผ่าว จนซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิด
“ขอบคุณนะคะที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด”
“ผมยินดีและเต็มใจครับ”
ชายหนุ่มพูดพลางตักอาหารเข้าปากเหลือบมองหญิงสาวที่ยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะยกมือทำสัญญาณบอกให้บริกรนำช่อดอกไม้ใหญ่ที่จัดเตรียมไว้มา เมื่อดอกไม้ที่สั่งมาถึงแล้วเขาจึงลุกขึ้นรับดอกไม้แล้วเดินเข้ามาหาแฟนสาว ก่อนคุกเข่าลงข้างที่นั่งของเธอ
มิราวดีตกใจรีบขยับตัวลุกออกทันที
“ทำอะไรคะ ลุกขึ้นมาก่อนก็ได้ค่ะ”
“ไม่ครับ” เขาก้มหน้าลงพลางสูดลมหายใจเข้าแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาว “ผมอยากมอบช่อดอกไม้นี้ให้คุณด้วยความจริงใจ ความรักที่ผมมีให้คุณ ไม่ใช่เรื่องโกหกหลอกลวง...”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรคะ ?” หญิงสาวงุนงง
“ผมอยากขอโทษในสิ่งที่ผมทำผิดกับคุณ” ณัฏฐ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า “ผมอยากให้คุณอภัยให้...”
“เดี๋ยวนะคะ คือฉันไม่เข้าใจค่ะ” เธอมองเขาพลางครุ่นคิด ในใจมีคำถามมากมายเกิดขึ้น ทำไมอยู่ ๆ แฟนหนุ่มจึงพูดออกมาแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้จะมีปากเสียงหรือไม่พอใจกันบ้างแต่ไม่เคยทะเลาะให้เป็นเรื่องใหญ่โตเลย อีกทั้งมีแต่เธอที่จะโดนเขาดุด้วยซ้ำไป
“คุณขอโทษทำไมคะ”
“ผมก็แค่...” ชายหนุ่มลุกขึ้น “อยากให้เราลืมเรื่องที่เคยโกรธกัน และอยากให้คุณรู้ว่าไม่ว่าผมจะทำอะไรผิดพลาดไปในอนาคต แต่ผมก็ยังรักคุณเสมอไม่เคยเปลี่ยน ผมรักคุณ”
คำพูดที่ออกมาจากใจ จากความรู้สึกที่ตัดสินใจยากนั้นทำให้ณัฏฐ์ต้องฝืนยิ้มมันออกมา เขาลังเลที่จะพูดความจริงแต่ก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว
“ฉันให้อภัยเสมอ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผิดร้ายแรงแค่ไหน” มิราวดีพูดด้วยความจริงใจ ยิ่งเห็นเขาทำแบบนี้แล้วกลับเป็นเธอที่รู้สึกผิดเข้าไปอีก
“ฉันรักคุณมากค่ะ”
ณัฏฐ์เดินเข้ามาหายื่นช่อดอกไม้ให้
“ดอกไม้แด่คนที่ผมรักครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวเอื้อมมือรับขณะที่เขาก้าวเข้ามาแล้วดึงเธอมากอด
ใบหน้าสวยซุกเขินอายปนดีใจอยู่ที่อกแกร่ง คำบอกรักและคำขอโทษของเขาทำให้รู้สึกว่าชีวิตนี้หากสวรรค์จะเล่นตลกอะไรอีก ขอมีเพียงผู้ชายคนนี้อยู่เคียงข้างก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีกแล้ว
มิราวดีหันไปมองแฟนหนุ่มเมื่อรถหยุดที่ข้างทาง ดวงตากลมมองด้วยความสงสัยและแปลกใจ เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยไม่ใช่ทางที่เคยไปส่งกลับคอนโดประจำ ทั้งยังดูเปลี่ยวและน่ากลัว ทว่าความไว้ใจที่มีต่อเขานั้นยังไม่ลดลง
“ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาที่นี่เหรอ”
แม้ใจจะรู้สึกหวาดหวั่นตามสัญชาตญาณ แต่เธอก็พยายามคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ
ณัฏฐ์นิ่งแล้วหันมายิ้มให้เธอ “มีที่ที่อยากให้ดูน่ะ”
หญิงสาวขมวดคิ้วมองด้วยความแปลกใจ เพราะวันนี้แฟนหนุ่มจะเซอร์ไพรส์เยอะมากเกินผิดวิสัย แต่ถึงกระนั้นความหวาดระแวงในใจก็ไม่ได้มีเพิ่มขึ้น
“ที่ไหนเหรอคะ”
ชายหนุ่มเอื้อมมือหยิบผ้าหนึ่งผืนขึ้นมา แล้วขยับตัวโน้มไปหาเพื่อปิดตา เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนจนเธอยอมแต่โดยดี
“ปิดเลยลงมาที่จมูกแล้วนะคะ” มิราวดีทักท้วงเมื่อผ้าที่ปิดตานั้น เกือบปิดทั้งใบหน้าจนหายใจไม่ออก ยิ่งพยายามใช้มือดันออกกลับยิ่งถูกดันปิดมาที่จมูกมากเท่านั้นราวกับว่าแฟนหนุ่มจงใจ แรงที่น้อยกว่าต้านทานไว้ไม่ได้ ซ้ำร่างกายกลับรู้สึกไม่มีแรงขึ้นมา
มิราวดีรู้สึกหวาดกลัวแต่ก็ต่อต้านอะไรไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามที่อยากทำจนกระทั่งสติของเธอเริ่มเบลอหายไป
ณัฏฐ์ขยับตัวนั่งที่เบาะเหมือนเดิม พลางมองคู่หมั้นหลับคอพับด้วย สีหน้าลังเล จะต้องทำจริง ๆ หรือ ผู้หญิงคนนี้คือคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยและเป็นคนที่ไว้ใจเขามากที่สุด แต่ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องตายทั้งคู่ และเธอก็บอกเองว่าต่อให้เขาทำผิดมากแค่ไหนก็อภัยให้ได้เสมอ
“ขอโทษนะ” เขาได้แต่เอ่ยขอโทษด้วยความผิดบาป แม้ใจยังลังเลอยากจะเลี้ยวรถกลับไปก็ตาม
“บ้าจริง !”
ส่วนลึกในใจตอกย้ำต่อความรักและความเชื่อใจที่มีให้กันจนไม่กล้าที่จะทำ ณัฏฐ์นั่งลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจจะขับรถเลี้ยวกลับไปทว่า
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ
เสียงเคาะกระจกทำให้เขาสะดุ้งหันไปมองด้วยความหวาดหวั่น คนด้านนอกทำมือเป็นสัญญาณบอกให้ออกมา ณัฏฐ์ทำอะไรไม่ถูกเพราะความกลัวกำลังครอบงำจิตใจ จึงทำตามที่อีกฝ่ายบอกโดยง่าย
“เงินอยู่ไหน”
ชายหนุ่มสะดุ้งพลางยกมือขึ้นไหว้ “ผมยังไม่มี ผม...”
ยังพูดไม่ทันจบณัฏฐ์ก็ถูกอีกฝ่ายต่อยล้มลงที่พื้น ครั้นจะทรงตัวยืนขึ้นก็ถูกกระทืบซ้ำอีกหลายที
“อั๊วบอกแล้ว ถ้าไม่มีเงินให้ก็ต้องตาย !”
ชายหนุ่มมองปืนที่อยู่ในมือชายร่างท้วมด้วยความหวาดกลัว พลางยกมือขึ้นไหว้ของร้องชีวิต
“เฮียโชค...ผม...”
“จัดการมันซะ” สิ้นเสียงคำสั่งชายชุดดำอีกสามคนเดินเข้ามา ณัฏฐ์หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ร่างกายไม่มีแรงที่จะวิ่งหนีด้วยซ้ำ พลันนึกถึงเรื่องที่ตัดสินใจลงไปก็รีบพูดออกมาทันที
“เฮีย ผมจะใช้หนี้ให้ !”
ลูกน้องทั้งสามคนหันไปมองเจ้านายรอฟังคำสั่งต่อไป
“ไหน ! เอาเงินมา”
ณัฏฐ์ชี้มือไปที่รถ
“อั๊วไม่ต้องการรถเก่า ๆ ของลื้อ !”
โชคชัยขึ้นเสียงด้วยความโมโหส่งสัญญาณให้ลูกน้องจัดการทันที ณัฏฐ์รู้ว่าวันนี้ตนไม่รอดจากความตายแน่ จึงรีบพูดออกมา
“ไม่ ๆ เฮีย...ผมหมายถึงผู้หญิง”
“ผู้หญิง ?” คนฟังหยุดชะงักมอง
ณัฏฐ์พยักหน้าและมองไปที่รถอีกครั้ง
“ไปดูดิวะ” คำสั่งของเจ้านายทำให้ลูกน้องหนึ่งในสามเดินเข้าไปดู ก่อนเดินมากระซิบที่ข้างหู โชคชัยพยักหน้ารับรู้และยกมือปัดสั่งให้อีกสองคนถอยออกมา
“ไปเอาตัวออกมา”
เมื่อร่างของหญิงสาวถูกอุ้มออกมาจากรถแล้ว โชคชัยมองสัดส่วนและรูปร่างหน้าตาอย่างพึงใจก่อนจะหันไปมองณัฏฐ์
“บอกแต่แรกก็จบแล้ว”
ณัฏฐ์กลืนน้ำลายพลางยกมือไหว้ถอยหนี ขณะที่มองแฟนสาวถูกอุ้มขึ้นรถของอีกฝ่ายไป กระทั่งรถของโชคชัยขับออกไปจนพ้นสายตาแล้ว เขาจึงขยับตัวลุกขึ้น ความรู้สึกผิดบาปไม่ได้เกิดขึ้นให้สำนึกแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขารู้สึกโล่งใจที่ใช้หนี้พนันก้อนนี้หมดและไม่ต้องมาตาย
หากมิราวดีกลับมาแค่พูดให้เข้าใจได้ว่าเธอเพียงแค่ถูกฉุดไป ส่วนเขานั้นถูกทำร้ายร่างกายจนปางตาย เพียงแค่นี้หญิงสาวก็ให้อภัย อีกอย่างเธอรักเขา แน่นอนว่าต้องยอมเข้าใจในสิ่งที่เขาทำลงไป