บทที่ 3

“กลับมาแล้วเหรอ?” เสียงใสของลฎาภาเอ่ยถามขึ้นขณะที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ลำพัง แต่ก็ต้องงุนงงเมื่อพี่สาวเดินผ่านไปโดยไม่ทักตอบ หญิงสาวไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหยิบรีโมตที่อยู่ข้างตัวกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ

ทางด้านถลัชนันท์หลังจากที่ประตูห้องปิดลงแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงร้องไห้สะอื่นออกมา ยังทำใจยอมรับความเจ็บปวดและภาพที่แสนจะบาดตานั้นไม่ได้ ไม่เคยรู้ที่เขาคบหญิงอื่นมาตลอดหนึ่งปีทั้ง ๆ ที่มอบความเชื่อใจให้ ...เธอนั่งเศร้าอยู่นาน พยายามทำใจให้เข้มแข็งและเลิกสนใจผู้ชายเฮงซวยคนนั้นก่อนตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหยิบของทั้งหมดที่แฟนหนุ่มซื้อมาให้ในโอกาสต่าง ๆ ใส่ลงถุงขยะ ก่อนจะเปิดประตูห้องวางและขนออกมาให้หมดในรอบเดียวแล้วแบกลงมาชั้นล่างจนครบทั้งหมด

“ทำอะไรน่ะ” ลฎาภาเอ่ยถามขึ้นหันมองด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นพี่สาวขนของจำนวนมากลงมาจากห้องนอน บางชิ้นเธอจำได้ว่าเป็นของที่เคยบอกว่าสำคัญเพราะแฟนหนุ่มเป็นคนซื้อให้

“ของแบบนี้ เอาไปทิ้งให้หมดเลย !” ถลัชนันท์ตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่น

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

ถลัชนันท์นิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม เอาแต่ร้องไห้สะอื้นออกมาจนคนมองพอจะเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ บ้าง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าแท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ลฎาภาเอ่ยถามอีกครั้ง

ถลัชนันท์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า ครั้นอยากจะเอ่ยปากเล่าทว่ายังทำใจไม่ได้

“ทำ…ไม…ฮือๆ …”

“พี่อาร์ตบอกเลิกเหรอ”

ลฎาภาเอ่ยถามเสียงแผ่วพลางส่งสายตามองพี่สาว ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปหา พี่สาวที่เอาแต่ร้องไห้ออกมา ครั้นจะพูดก็พูดไม่รู้เรื่อง แม้จะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพื่อที่จะพูดมันออกมา

“เขานอกใจ…คนเลว…ฮือๆ …”

ลฎาภาก้าวมาใกล้ดึงพี่สาวเข้ามากอดเพื่อปลอบประโลมโดยไม่ถามอะไรเป็นการซ้ำเติม

“ถ้าอยากจะร้องไห้ วันนี้ก็เสียใจให้สุดๆ ไปเลยนะ แค่วันเดียว”

หญิงสาวปลอบพลางใช้มือลูบหลัง เธอรู้ดีว่าแฟนหนุ่มปัจจุบันที่คบกันอยู่นั้นพี่สาวจริงจังมากถึงขั้นอยากแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็รู้ว่าเขานอกใจก่อนที่จะแต่งงาน

“จอม…พี่รักเขานะ…ฮือ…พี่ยังรักเขา”

ลฎาภาได้แค่เงียบเพราะไม่เคยมีแฟนจึงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เท่าไหร่

“เขานอกใจ…พี่…มะ…มาตลอดหนึ่งปี...”

หญิงสาวฟังแล้วรู้สึกขุ่นเคืองแทนเพราะว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมาพี่สาวของหล่อนไม่เคยนอกใจฝ่ายชายเลยสักนิด แม้จะมีผู้ชายมากมายเข้ามาจีบหรือขอคุยด้วยแก้เหงาก็ตาม

“พี่จำที่แม่เคยบอกได้ไหม? ผู้ชายที่รักเราจริง จะไม่มีวันนอกใจเราเด็ดขาด”

แน่นอนว่าคำนี้ถลัชนันท์ไม่เคยลืม ทว่าหัวใจข้างในจุกจนแทบหายใจไม่ออก หล่อนได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น จริงอยู่ถูกอย่างที่น้องสาวบอก ผู้ชายแบบนี้ไม่คู่ควรกับพ่อของลูก ไม่คู่ควรที่จะฝากชีวิตเอาไว้ด้วย

“อืม” ถลัชนันท์ขานรับในลำคอพลางหันมองของที่ขนลงมา มันเคยมีค่ามากที่สุดจนถึงวันนี้กลายเป็นเพียงขยะที่กำลังทิ้ง ความรู้สึกดีๆ ตลอดห้าปีที่ผ่านมาไม่ถึงชั่วโมงกำลังหายไปเพราะความเลว เธอรู้ดีว่ามันยากที่จะลืมแต่ก็ต้องลืมให้ได้...

วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านมาถลัชนันท์ไม่ได้ออกไปไหนจากห้องนอนเลยสักนิด แม้กระทั่งอาหารก็รับประทานเพียงนิดเดียวเท่านั้น ถึงจะบอกว่าควรทำใจได้แล้ว ไม่ควรเสียเวลาเศร้าไป ทว่าก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี

ก๊อก ๆ ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีท่าทีที่หญิงสาวจะลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเปิด จนกระทั่งประตูเปิดออกมา ภายในห้องที่มืดสนิทแม้กระทั่งผ้าม่านก็ปิดไม่รับแสงตะวันจากด้านนอก

“พี่ควรกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วนะ”

ลฎาภาเดินเข้ามาในห้องมองคนบนเตียงที่นอนหันหลังให้ อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าพี่สาวนั้นจะคิดทำร้ายตัวเองหรือเปล่า ถึงแม้รู้ดีว่าเพียงเวลาสองวันไม่อาจะทำให้ความรู้สึกนั้นหายไปได้ แต่การที่พี่สาวเธอซึมเศร้าแบบนี้ต่อไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา

“จอมควรโทรบอกพี่ชายสุดน่ารักให้มาอยู่เป็นเพื่อนดีไหม?”

“ไม่ต้องมาขู่เลย !”

“ไม่ได้ขู่ แต่จะโทร. จริง ๆ เพราะถ้าอยู่แบบนี้ต่อไปมีอัตราเสี่ยงสูงที่คิดจะทำอะไรบ้า ๆ”

“แกจะไม่โทร. บอกใช่ไหม?” ถลัชนันท์เอ่ยถามขึ้น เพราะกลัวว่านอกจากจะได้กลับบ้านแล้วบางที่แฟนหนุ่มอาจจะไม่รอดด้วยซ้ำ เธอกลัวว่าจะมีปัญหาใหญ่ตามมาที่หลังยิ่งพี่ชายเป็นคนที่หัวร้อนง่ายอยู่ด้วยเกี่ยวกับเรื่องของคนในครอบครัว

“ก็ต้องอยู่ที่ว่า พี่เป็นยังไง”

ถลัชนันท์พลิกตัวหันมาขยับตัวขึ้นนั่ง ขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าก็เต็มด้วยคราบน้ำตา พลางยกมือขึ้นเช็ดอย่างลวก ๆ พลาดสูดหายใจเข้า แล้วสบตามองน้องสาว

“โอเคแล้ว แกไม่ต้องโทร.ไปบอกนะ”

ลฎาภายิ้มหัวเราะออกมา

“ก็ดี งั้นลงไปกินข้าวกันได้แล้ว” ถลัชนันท์พยักหน้าขยับตัวลงจากเตียงขณะที่ลฎาภาลุกขึ้น พลันหันมองส่องไปยังกระจกที่อยู่ห่างไม่ไกลนักก็กรีดร้องออกมาด้วยท่าทางตกใจ

“กรี๊ดดดด...นี่หน้าฉันเหรอ ทำไมถึงโทรมแบบนี้”

ถลัชนันท์รีบลุกขึ้นวิ่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้งทันที เดิมทีใบหน้าสวยไม่มีริ้วรอยของวัย อีกทั้งใต้ตาก็ไม่หมองคล้ำเท่ากับตอนนี้ หญิงสาวยกมือขึ้นลูบใบหน้าตามริ้วรอยและความหมองคล้ำด้วยความรับไม่ได้อย่างแรง เท้าทั้งสองที่ยืนอยู่ก็กระทืบพื้นหลายทีก่อนจะหันมามองน้องสาวที่ยืนขำอยู่

“พี่ควรดูแลตัวเองมากกว่านะ ไม่งั้นอาจจะขึ้นคานจริง ๆ ก็ได้”

“ยัยจอม !”

“งั้นลงไปรอข้างล่างนะ” ลฎาภาพูดพร้อมกับรีบเดินออกจากห้องเมื่อเห็นสายตาค้อนมองมา เพราะรู้ดีว่าพี่สาวรักสวยรักงามมากขนาดไหน

หลังจากที่ประตูห้องปิดลงแล้วถลัชนันท์ก็หันมาส่องกระจกอีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าสองวันที่ปล่อยตัวเองไม่ดูแลจะโทรมได้มากถึงขนาดนี้ หญิงสาวถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ควรจะทำ อย่างไรดี จะนัดเขาเพื่อมาคุยกันหรือว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปรอวันที่เขามาขอเลิกเธอ

สองวันที่ผ่านมาเหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะที่เห็นใบหน้าโทรมราวกับผีดิบของตัวเอง ก็เพิ่งคิดได้ว่า มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาที่จะเศร้าต่อไป...