บทที่ 5

ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ

สามารถ comment  หรือกดติดตามให้กำลังใจนักเขียนได้น้า

รูปภาพ:

ทันทีที่ถึงเวลาเลิกงานปุ๊บ ถลัชนันท์เก็บของบนโต๊ะและหยิบกระเป๋าเดินออกไป เพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ก็มองด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าถามอะไร หญิงสาวใช้เวลาขับรถไม่นานก็มามายังร้านที่นัดหมายกับแฟนหนุ่ม วันนี้เป็นวันที่เธอต้องกล้าพูดและทำใจยอมรับจบความสัมพันธ์กับเขาสักที

ถลัชนันท์เดินมานั่งรอมุมหนึ่งของร้านที่คนน้อยที่สุด ก่อนสั่งเครื่องดื่มไปพลาง ๆ รอชายหนุ่มมา

ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาเขาทำให้เธอมีความสุขมาก แต่จะให้ยอมรับและให้อภัยนั้นมันไม่เรื่องง่ายเลย ทั้งที่คบกับเธอแต่มีผู้หญิงอื่นออกควงไปไหนมาไหนด้วย ทำราวกับว่าเธอเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งชั่วโมงจวนพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ถลัชนันท์ก็ยังคงนั่งรอแฟนหนุ่มอยู่ที่เดิม กาแฟที่สั่งมาก็จิบไปพลาง ๆ จนหมดแต่ไม่เห็นวี่แววเขาเลยสักนิด

เขาจะอ่านข้อความที่เธอส่งให้เมื่อเช้าแล้วหรือยัง?

หญิงสาวถอนหายใจออกมาจนนับไม่ถ้วน ครั้นมองออกไปยังนอกร้านฝั่งตรงข้ามสายตาก็สะดุดเข้า แววตาสั่นระริกกับสิ่งที่เห็น มือเรียวที่เคยผ่อนคลายอยู่นั้นกำแน่น ดวงตาแผ่วร้อนและเริ่มน้ำตาปริ่มออกมา

ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารฝรั่งขึ้นชื่อ อีกทั้งยังมีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับร้านอาหารทั่วๆ ไป ถลัชนันท์หัวเราะให้กับตัวเองอย่างสมเพช ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง เขามาดินเนอร์กับหญิงคนอื่นโดยที่ปล่อยให้เธอนั่งรออย่างนั้นเหรอ? กำลังตอกย้ำกันใช่หรือไม่!

หญิงสาวลุกขึ้นเดินออกจากร้านไปทันที เธอยังคงจอดรถไว้ที่ร้านกาแฟและเดินข้ามถนนมายังอีกฝั่ง สายตามองส่องเข้าไปในร้าน เห็นแฟนหนุ่มกำลังยิ้มหวานให้กับหญิงสาวอีกคนอยู่

เขาไม่รู้สึกละอายบางเลยหรือไงกัน? !

ถลัชนันท์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผลักประตูร้านเดินเข้าไปข้างใน โดยไม่ได้สนใจพนักงานที่เข้ามากล่าวทักทาย แต่สาวเท้าเดินตรงไปยังโต๊ะของแฟนหนุ่มทันที

“มีความสุขจริงนะคะ พี่อาร์ต” หญิงสาวกัดฟันพูดส่งสายตามองแฟนหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งอยู่

อรรถนนท์เบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะลุกขึ้นมาหา พูดแก้ต่างตัวเองทันที “เออ นี่เพื่อนที่ทำงานน่ะ”

ถลัชนันท์หัวเราะอย่างสมเพช ถ้าวันนั้นไม่เจอว่ากำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน วันนี้ก็คงจะเชื่อหมดใจอย่างที่พูดออกมา

“เพื่อนพี่ที่ทำงานเหรอคะ?” เธอกัดฟันพูดส่งสายตาจิกมองไปยังหญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูที่นั่งอยู่ด้วยความเหลืออด

“ชะ...ใช่” อรรถนนท์ตอบไม่เต็มเสียงมากนัก เขาได้แต่ภาวนาให้แฟนสาวเชื่อว่าสิ่งที่พูดเป็นจริง

“แล้วรู้ไหมคะ? ว่าวันนี้รักนัดพี่อาร์ตตอนเย็น...” เธอพูดเสียงสั่น

“เออ...พี่ติดงานเลยไม่ได้เปิดข้อความ ไว้วันหลังพี่จะชดเชยให้นะ”

ชดเชยอย่างนั้นเหรอ...ช่างน่าขันเสียจริง

ถลัชนันท์ยิ้มหวานให้ก่อนจะมองด้วยสายตาดูแคลน

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ความจริงแล้วที่นัดก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย...” เธอยังคงควบคุมอารมณ์มองสีหน้าของเขาที่เริ่มมีเหงื่อผุดออกมาเล็กน้อย “แค่จะบอกพี่อาร์ตว่า...”

ถลัชนันท์ยังคงยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม เอื้อมมือหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วสาดไปที่หน้าเขาก่อนวางคืนดังเดิม

“ว้าย!” หญิงสาวที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมาทันทีนั่น หล่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเดินมาเช็ดใบหน้าชายหนุ่ม

“ทำไมทำกับพี่แบบนี้” อรรถนนท์พยายามควบคุมสีหน้าและอารมณ์เพราะคนในร้านก็ต่างมองกันเป็นสายตาเดียว “พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ”

ไม่ทำอะไรผิด...

หญิงสาวหัวเราะออกมายกมือขึ้นกุมหน้าอก ก่อนจะฉีกยิ้มส่งให้เขา

“ถ้าอย่างนั้น ทีหลังพี่ควรจะบอกเลิกรักก่อนที่จะ...” ถลัชนันท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อไปว่า “ไปมีคนใหม่ ช่างมันเถอะ”

“เดี๋ยวรัก นี่กำลังเข้าใจผิดแล้วนะ” อรรถนนท์พูดขึ้นทว่าหญิงสาวข้างตัวนั้นรั้งเขาไว้ไม่ให้เดินไปหา แต่เขาก็สะบัดมือออกเดินเข้าไปหา

“พี่ไม่ได้มีคนอื่นเลยนะ...”

“ไม่มีคนอื่น ไม่มีบ้าอะไร!” ถลัชนันท์ตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความโมโหที่ยังไม่ยอมรับความจริงหนำซ้ำยังจะแถไปเรื่อย “ฉันได้ยินเต็มสองหู เห็นสองตา ว่าพี่กับเธอมีอะไรกัน ครางเสียงดังทั่วห้องเลย!”

หมดความอดทนแล้ว และก็ไม่ได้อายอะไรด้วย เพราะตอนนี้โมโหถึงมากที่สุด

“เอาเถอะ ถือว่าฉันกับพี่ไม่ติดค้างกันอีก”

“รัก คือพี่...” อรรถนนท์เอื้อมมือรั้งหญิงสาวไว้

“ไปตายซะ ไอ้เฮงซวย !” ถลัชนันท์ตะโกนใส่พร้อมกับสะบัดมือทิ้งอย่างแรง เดินออกจากร้านไปในทันที ทุกคนต่างมองและมีเสียงซุบซิบมากมาย ทว่าหญิงสาวกลับมองผ่านเป็นเรื่องเล็กน้อยและรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ระบายความรู้สึกนี้ออกจากใจ

“ว่าไง” ถลัชนันท์พูดขึ้นทันทีที่กดรับสาย[วันนี้จะไม่กลับบ้านหรือไง นี่จะสี่ทุ่มแล้วนะ ไปอยู่ไหนน่ะ...แล้วนี่เสียงอะไรดังน่ารำคาญ...]“อยู่ที่ผับน่ะ วันนี้เครียดนิดหน่อย แกปิดบ้านเข้านอนไปก่อนเลย” หญิงสาวตอบก่อนกดวางสายในทันที ดวงตากลมมองไปยังแสงสีเบื้องหน้าที่มีผู้คนมากมายต่างเต้นเย้าสะโพกส่ายไปมา แต่กับเธอเพียงแค่นั่งดื่มเหล้าให้เมาเพื่อลืมความเจ็บปวดนี้ ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย การที่อยู่คนเดียวยิ่งทำให้เป็นบ้าตายเอาจริงๆ“มาคนเดียวหรือครับ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มทำให้ถลัชนันท์หันไปมองใบหน้าเจ้าของเสียง ก่อนจะยิ้มหวานให้อย่างไม่เต็มใจนัก“ค่ะ” เธอตอบแล้วหันหน้าหนี พลางยกเครื่องดื่มจิบไปเรื่อยๆ ครั้นชายหนุ่มขยับตัวมาใกล้เธอจึงเหลือบมองและถอนหายใจออกมา “วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ ช่วยกรุณาไปไกล ๆ หน้าด้วยนะคะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หัวเสียมองด้วยสายตาไม่พอใจเมื่อหญิงสาวไม่เล่นด้วยเขาจึงขยับตัวลุกขึ้นและเดินจากไปทันทีถลัชนันท์มองแล้วหันกลับมาอย่างไม่สนใจ ไม่นานนักก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ และสั่งเครื่องดื่ม

“ผมเลี้ยงไหม?” เขาเอ่ยขึ้นแล้วหันมองหญิงสาว

ถลัชนันท์จึงหันมองชายหนุ่มใบหน้าหวานที่ยิ้มให้ เขามีผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีดำ ใบหน้ารูปหัวใจ ริมฝีปากค่อนข้างหนา และตัวสูงกว่าเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“เตกีล่าให้เธอด้วยครับ” ศรันภัทรพูดก่อนจะส่งยิ้มให้กับหญิงสาว

“ฉันไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครค่ะ”

“ผมรู้ เพราะผมก็เหมือนกัน...” เขาพูดขึ้นก่อนจะก้มหน้ามองแก้วที่ถือในมือด้วยแววตาเศร้า ที่เข้ามาทักเพราะเห็นว่าเธอน่าจะมีเรื่องผิดหวังมา “เวลารักใครสักคนแล้วเจอสิ่งที่ผิดหวัง มันเจ็บปวดนะครับ เจ็บจนไม่อยากจะรักใครอีก”

ถลัชนันท์หันมองศรันภัทรก่อนยกวิสกี้ขึ้นดื่ม

“ความรักนี่เข้าใจยากนะครับ”

“เหรอคะ” ถลัชนันท์พูดขึ้นพลางหันมอง เขาหน้าตาดีอีกทั้งรูปร่างสูง ใบหน้าหวานราวกับผู้หญิง กิริยาการพูดจาไม่หยาบคายเหมือนคนอื่นที่เดินเข้ามาทักทาย จึงทำให้เธอรู้สึกถูกชะตาด้วย “งั้นฉันไม่ปฏิเสธมิตรของคุณละกัน”

เมื่อพูดจบหญิงสาวก็ยกแก้วเตกีล่าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ทำให้รู้สึกมึนๆ อยู่เล็กน้อย ถลัชนันท์ตั้งสติและรู้ว่าร่างกายยังไหวอยู่ แต่ถ้าหากดื่มมากกว่านี้เธออาจจะเมาไม่รู้เรื่อง

ระหว่างที่นั่งดื่มและมองไปเพลินๆ เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยชวนพูดคุยไปเรื่อยหลายเรื่อง จนหญิงสาวลืมเรื่องของอรรถนนท์จนเกือบหมดสิ้นทั้งที่ก่อนหน้านี้กลับเอาแต่คิดถึงเรื่องของอดีตแฟนหนุ่มอยู่ตลอดเวลา

ได้กลับมาใช้ชีวิตโสดแบบนี้ ก็ไม่เลวเหมือนกัน...

เรื่องนี้มีฉบับอีบุ๊กแล้วนะคะ ติดตามได้ที่ช่องทางในโปรไฟล์เลยจ้า

#คุณเผิงสายอ่อย #อาหยูคนดี #การณ์รัก