Chapter 07 ll หญิงสาวที่ตามหา
“นั่งลงก่อนสิ”
มิราวดีนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มอย่างประหม่า เมื่อหันมองไป
รอบ ๆ เพราะว่าหรูหรามากเสียจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร
“เอ่อ...แชร์เฮ้าส์ที่จะให้ฉันเช่าอยู่แถวไหนเหรอคะ ไกลจากตัวเมืองมากไหมคะ”
“ที่นี่” รชตหน้านิ่ง
“คะ” มิราวดีคิดว่าหูของตนต้องเพี้ยนไปแน่ จะใช่คฤหาสน์หลังนี้ได้อย่างไร หรูเกินจะให้คนนอกเข้ามาอยู่ด้วยซ้ำไป และมันก็คงแพงจนจ่ายไม่ไหว “ฉันหมายถึง...”
“ก็ที่นี่นั่นแหละ ที่นี่...” อาโปพูดพลางขยับปีกเดินไปมาบนโซฟา “จริงสิ ! ถึงเวลาอาหารว่างฉันแล้ว งั้นก็คุยกันไปก่อนนะ”
อาโปกระโดดลงจากโซฟาและเดินออกไปทันที
มิราวดีอึ้งซ้ำสองคิดว่าไก่ขาวตัวนี้ต้องเป็นไก่จริง ๆ ที่พูดได้ไม่ใช่หุ่นยนต์ เพราะท่าทางนั้นดูธรรมชาติมากกว่าระบบทางเทคโนโลยีในสมัยนี้ แต่...วิทยาศาสตร์คนรวยไปไกลขนาดสิ่งมีชีวิตพูดได้แล้วหรือ
“เอ่อ...คุณ...”
“รชต”
หญิงสาวพยักหน้า “คุณรชตคะ คือฉันอยากทราบว่าบ้านที่ฉันจะเช่าร่วมกับคนอื่นอยู่ที่ไหนคะ แล้วเข้าพักได้เลยไหมคะ ราคาเท่าไหร่คะ มีสัญญารายเดือนหรือรายปีคะ วางมัดจำกี่เดือนคะ แล้วต้อง...”
คำถามมากมายมาเป็นชุดจนลืมไปว่าคนฟังนั้นจะฟังทันตามที่พูดออกไปหรือไม่ เพราะความใจร้อนอยากหาที่พักห่างไกล ไม่มีคนรู้จัก และยิ่งมีเพื่อนร่วมบ้านหลายคนก็ยิ่งดีมากขึ้น พวกนั้นคงไม่กล้าบุกเข้ามา ในตอนนี้เธอไม่มีเวลาให้คิดเยอะว่าผู้ชายตรงหน้าจะเป็นพวกค้ามนุษย์หรือไม่ด้วยซ้ำ ขอเพียงมีที่พักชั่วคราวก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
“พักที่นี่ เข้าพักได้เลย ค่าเช่าของผมไม่คิดแต่คุณต้องดูแล และช่วยอาบน้ำให้อาโปด้วย”
เขามีลูกแล้วเหรอ
มิราวดีรู้สึกฉงนกับคำพูดของอีกฝ่าย
“พักฟรีเหรอคะ คุณคงไม่หลอกฉันไปขายใช่ไหมคะ”
“ขายคุณคงไม่ได้ทำให้ผมรวยหรอกนะ”
เขาช่างปากร้ายจริงเชียว ! มิราวดีมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ในใจก็คาดคิดว่าถ้าหากเขาหลอกลวงจริง ๆ ก็คงทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เอ๊ะ ! หรือกำลังลวงให้ตายใจแล้วค่อยหลอกไปขายแบบแฟน ( เก่า ) ของเธอ

“ถ้าคุณไม่ไว้ใจก็ไปหาที่อื่นได้” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ไว้ตัดสินใจได้ค่อยกลับมาอีกที”
หญิงสาวตัดสินใจค่อนข้างลำบาก แต่เงื่อนไขนั้นทำให้เธอรู้สึกคิดหนักเพราะของฟรีไม่มีในโลก หากมีฟรีวันข้างหน้าอาจจะต้องแลกด้วยอะไรบางอย่างที่น่ากลัวแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจลุกขึ้น
“ขอฉันตัดสินใจก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาใหม่ค่ะ” เธอตอบอย่างถนอมน้ำใจ “ถ้างั้นฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ”
รชตลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาก่อนพูดกับเธอว่า
“เดี๋ยวก่อน”
“คะ”
“นี่เบอร์ของผม หากคุณต้องการจะเข้าพักก็โทร.มาได้เสมอ”
รชตยื่นนามบัตรให้หญิงสาว พลางเอื้อมมือไปสัมผัสที่ต้นคอของเธอ นัยน์ตาคมจ้องมองราวกับต้องการค้นหาสัมผัสของดวงวิญญาณนี้ เพียงเสี้ยววินาทีที่รู้สึกได้ทำให้มั่นใจว่านี่คือผู้หญิงที่ตามหามาตลอดหลายร้อยปี
“ผมจะรอคำตอบจากคุณ”
มิราวดีเหมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์ชั่วครู่ พอรู้สึกตัวก็รีบขยับตัวถอยห่างทันที “เอ่อ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อพูดจบหญิงสาวก็รีบเดินออกจากห้องรับแขกไปอย่างรวดเร็ว
รชตมองคนตัวเล็กเดินจากไปจนลับสายตา จึงเดินออกจากห้องรับแขกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือ ไม่นานนักอาโปก็เดินเข้ามา
“ปล่อยโอกาสแบบนี้ไปจะดีเหรอ ฉันเองก็ไม่อยากใช้พลังเยอะนะ รู้ไหมว่าฉันต้องอ่านความทรงจำของเธอ และสร้างภาพลวงตาขึ้นมาให้หล่อนขับมาทางนี้ได้ลำบากแค่ไหน...” อาโปเดินเข้ามาพลางบ่น พลังของเทพก็มีขีดจำกัดในการรับรู้เรื่องราว เพราะฉะนั้นถึงรับรู้เพียงเหตุการณ์ช่วงสั้น ๆ ว่าหญิงสาวต้องการย้ายที่ใหม่อย่างเร่งด่วนเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ไม่อาจรับรู้ได้
เจ้าไก่สีขาวกระโดดขึ้นนั่งประจำที่เก้าอี้เล็ก
“วันนี้อาหารว่างไม่ได้เรื่องเลยนะ”
“ถ้าเรื่องมากก็ไปทำกินเองสิ” รชตพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่...
“หน็อย !” อาโปมองด้วยแววตาขุ่นเคือง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ร้อยปีนิสัยและวาจาก็ยังคงไม่เปลี่ยน เฮ้อ...แต่ก็นะ “แล้วจะทำอย่างไรต่อไป”
ชายหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ยังไงเธอก็ต้องกลับมา”
อาโปหันมองแววตามั่นใจและรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม ครั้นพอเห็นสัญลักษณ์ที่หลังมือแล้วก็เข้าใจทันที
‘ให้ตายสิ แต่ก็...ยังดีที่ตามหาเจอสักที’
ไม่ต้องพูดหรืออธิบายอะไรเยอะ อาโปเดินออกจากห้องหนังสือมา ครั้นประตูปิดลงก็หันกลับไปมองแล้วถอนหายใจ แทนที่จะรั้งเธอไว้หากว่าอีกฝ่ายเจอเรื่องร้ายแล้วดันถึงฆาดไปซะก่อนคงไม่ต้องรอไปอีกร้อยปีหรือยังไงกัน
ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ก็ยังหาที่พักใหม่ที่ถูกใจไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นมิราวดีจึงหาโรงแรมเพื่อเข้าพักชั่วคราวสำหรับคืนนี้ก่อน สองเท้าก้าวเข้ามาให้ห้องนั่งลงที่ปลายเตียงถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า พลางนึกถึงหน้าและรอยยิ้มของแฟนหนุ่ม มันเจ็บมากกว่าการถูกบอกเลิกอีก นี่ไม่มีการบอกเลิกแต่ก็ทำเหมือนว่าไม่ได้รักเธอ
เขาไม่เป็นห่วงความรู้สึกของเธอด้วยซ้ำไป ไม่เลยสักนิด จนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหาที่พึ่งได้ที่ไหนอีก หากว่ายังมีคนในครอบครัวให้กลับไปละก็ บางทีอาจจะไม่ต้องดิ้นรนหนีเพียงลำพัง เวลาแบบนี้แม้แต่จะร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตาสักหยด เธออึ้งและเจ็บปวดจนทำอะไรไม่ถูก
เหนื่อยเหลือเกิน
มิราวดีไม่กล้าที่จะนำเรื่องนี้ไปแจ้งความ เพราะไม่มีหลักฐานมากพอและคิดว่าคงทำอะไรพวกมันไม่ได้ มันไม่ต่างจากมาเฟียที่ทำเรื่องใต้ดินสกปรกและมีเงินมากพอที่จะซื้อคนเพื่อปกปิดเรื่องชั่ว ๆ
พอยิ่งมีเวลาคิดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น นอกจากจะต้อง ตัดพ้อการกระทำของแฟนแล้วยังต้องมาหนีตายอีก ทำไมเขาถึงได้เห็นแก่ตัวขนาดนี้
ที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นการแสดงงั้นเหรอ
มิราวดีหัวเราะสมเพชให้กับตัวเอง มือไม้สั่นจนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่มีน้ำตาสักหยดไหลลงมา เธอรู้สึกเจ็บใจ โกรธ อยากจะฆ่าเขาให้ตายมากกว่าเสียใจซะอีก
ทำไมถึงไปรักคนแบบนั้นได้ตั้งหลายปี...
ติดตามผลงานและให้กำลังใจกันได้ ในช่องทางที่ลงไว้ในโปรไฟล์ได้เลยนะคะ