1. SistaCafe
  2. [ Novel ] หนีรักมาพบคุณ : บทที่ 10

บทที่ 10

บทที่ 4 วันที่ (ไม่) สำคัญ


“เอกสารที่คุณเผิงต้องเซ็นอนุมันติครับ”


เมื่อแฟ้มเอกสารสีดำถูกวางลงบนโต๊ะ เขาละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์แล้วหันมอง ก่อนเอื้อมมือหยิบแฟ้มงานขึ้นมาเปิดอ่านดู


“เดือนหน้านี้จะมีลูกค้าจากต่างประเทศติดต่อมา นายจัดการหาคนไปรับรองเขาและนำเสนอแผนงานของบริษัทด้วย แล้วเรื่องการติดต่อส่งอาหารสำเร็จรูปไปต่างประเทศ ตอนนี้คืบหน้าไปถึงไปแล้ว” อวิ่นเยว่เอ่ยถามขึ้นขณะที่สายตายังมองเอกสารตรงหน้า เขาคือประธานบริษัท S คนปัจจุบันที่อายุไม่ถึงสามสิบและขึ้นบริหารงานต่อจากเผิงลู่เสียน ผู้เป็นมารดา ด้วยความสามารถและการบริหารงาน ทำให้ธุรกิจกำลังเติบโตไปด้วยดีทั้งในประเทศรวมถึงต่างประเทศ


“ตอนนี้รอทางนั้นติดต่อกลับมาและทำสัญญากันครับ เขาบอกว่าให้คำตอบภายในสิ้นเดือนนี้” ผู้ช่วยหนุ่มตอบ


อวิ่นเยว่พยักหน้าก่อนพูดต่อไปว่า “เรื่องเอกสารที่ลูกค้าติดต่อมารีบดำเนินการให้เสร็จด้วย”


“ครับ เออ...คือของที่ให้ผมนำไปคืนผู้หญิงคนนั้น...”เจตนิพัทธ์เกริ่นขึ้นอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะมันไม่ใช่ เรื่องสำคัญอะไรมากมายที่เขาควรจะรายงาน อีกทั้งเจ้านายคงไม่สนใจอยู่แล้ว


อวิ่นเยว่เงยหน้าขึ้นมอง “มีอะไร ?”


“เออ เปล่าครับ”  เจตนิพัทธ์ไม่กล้าบอกความจริงที่หญิงสาวคนนั้นของอาสาเลี้ยงอาหารหนึ่งมื้อแก่เจ้านายอวิ่นเยว่ปิดแฟ้มเอกสารและส่งคืน สายตาก็เหลือบมองเห็นซองสีชมพูที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนหน้านั้น ซึ่งเขาเองก็ยุ่งกับการเจรจาธุรกิจกับลูกค้าจึงไม่ได้สนมากนัก“การ์ดแต่งงานของลูกชายคุณลภัสรดาครับ” เจตนิพัทธ์เอ่ยขึ้น“งานแต่งงาน ?” ชายหนุ่มมีท่าทีตกใจเล็กน้อย เขาเอื้อมมือหยิบซองสีชมพูที่วางอยู่หัวมุมโต๊ะขึ้นมาและเปิดดูทันที วันแต่งงานที่ใกล้ถึงในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้านี้ และเป็นช่วงที่เขาไม่มีการเดินทางไปต่างประเทศอย่างพอดี จึงปฏิเสธที่จะไม่ไปก็ไม่ได้ เป็นถึงคู่ค้าคนสำคัญด้วย“ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอไปทำงานที่ค้างอยู่ต่อก่อนนะครับ” เมื่อพูดจบเจตนิพัทธ์ก็เดินออกจากห้องทำงานไปทันทีอวิ่นเยว่ถอนหายใจก่อนเก็บการ์ดลงในซองวางไว้ในลิ้นชักของโต๊ะทำงาน สายตาคมจ้องมองภายในลิ้นชักราวกับถูกมนต์สะกดไว้ เขายังเก็บไว้อยู่อีกหรือ ? ...นึกว่าโยนทิ้งลงขยะไปซะแล้วเขาเอื้อมมือหยิบรูปขึ้นมามองด้วยแววตาที่เย็นชาก่อนจะขย้ำจนเป็นแค่กระดาษแล้วโยนทิ้งลงในถังขยะอย่างไม่ใยดี เพราะไม่มีความจำเป็นที่ต้องเก็บไว้อีก อวิ่นเยว่เรียกสติของตนเองกลับมา ก่อนจะจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าอีกครั้งเสียงออดดังขึ้นบอกถึงเวลาเลิกเรียน ลฎาภาเดินเข้าในในโรงเรียนอนุบาล พลางมองไปยังรถที่ขับเข้าออกและเด็กน้อยกำลังวิ่งเล่นเพื่อรอผู้ปกครองมารับกลับบ้านในช่วงตอนเย็น หญิงสาวเดินเข้ามานั่งรอด้านนอกที่โต๊ะม้าหินอ่อนจัดวางอยู่ จนกระทั่งถูกสะกิดเรียกจากทางด้านหลังจึงรีบหันไป

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F85539%2F686ab8c3-2310-4944-bb25-f8f87d1205f7.jpeg?v=20240313172052&ratio=0.667

มองแล้วพบกับเกณิกาเพื่อนที่เป็นครูประจำอยู่ที่นี่“ยัยจอม ขอโทษนะ” เกณิกาเดินเข้ามาหาพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด“ไม่เป็นไร” ลฎาภายิ้มรับอย่างอารมณ์ดีเกณิกาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พักให้หายเหนื่อย แต่ยังไม่ทันพูดอะไรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอกดรับและเมื่อได้ฟังฝ่ายตรงข้างพูดทำให้แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา“แกวันนี้อาจจะต้องรอหน่อยนะ” เกณิกาพูดเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกผิด ความจริงแล้ววันนี้ไม่ใช่เวรช่วงเย็นแต่เพราะเพื่อนครูอีกคนนั้นดันติดธุระสำคัญขึ้นมาจึงฝากวานให้อยู่แทน “ไม่สิ อาจจะช้ามากๆ เลยก็ได้”ลฎาภาเลิกคิ้วมองเพื่อนสาวเป็นเชิงสงสัย“ดูท่าวันนี้ พ่อของเด็กคนนั้นอาจจะมารับช้าอีกแล้วน่ะสิ” เมื่อพูดจบก็หันไปมองเด็กชายที่นั่งอยู่เพียงลำพัง ใบหน้ากลมน่ารัก ริมฝีปากเล็กสีชมพู ทว่าแววตานั้นกลับไม่สดใสเสียเลย“น่ารักอะแก” ลฎาภาเอ่ยปากชมพร้อมกับลุกขึ้น“แกรอฉันหน่อยนะ ฉันต้องรอจนกว่าพ่อของเขาจะมารับ”ลฎาภามองเด็กน้อยอย่างเพลินตา “เขาน่ารักมาก พ่อกับแม่เขาต้องสวยและหล่อมากแน่ ๆ”“แกเป็นเอามากนะ ชอบเด็กแต่ไม่อยากมีแฟน”

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F85539%2F6b536c6c-02c9-4c5a-92c8-d5539b88bb4f.jpeg?v=20240313172052&ratio=0.418

“มันต่างกันนะย่ะ” หญิงสาวหันมาพูดอย่างหัวเสีย “ฉันชอบเด็ก แต่ไม่ได้อยากจะแต่งงานมีลูกสักหน่อย”“จ้ะ แม่คนรักเด็ก”“ฉันเข้าไปทักเด็กคนนั้นได้ไหมแก” ลฎาภาเอ่ยถามโดยที่สายตายังคงมองเด็กชายอยู่“ก็ไปสิ แต่เด็กคนนั้นไม่ค่อยพูดนะ แกอาจจะไม่ชอบ...” ยังฟังไม่ทันจบลฎาภาก็ไม่อยู่ตรงนี้เสียแล้ว เกณิกามองเพื่อนสาวที่เดินเข้าไปหาและย่อตังนั่งลงตรงหน้าของเด็กชาย

ลฎาภานั่งจ้องอยู่นานพอสมควรที่เด็กชายจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตรมากนัก ทว่าหญิงสาวก็ยังส่งยิ้มหวานให้กลับไป“ให้พี่เล่นเป็นเพื่อนไหม ?”เด็กน้อยจ้องมองและส่ายหน้าก่อนจะหันหลังหนีทันที ลฎาภามองเห็นเด็กชายนั่งกลิ้งลูกบอลพลาสติก เป็นเวลานาน จึงลุกขึ้นเดินไปยอตัวนั่งที่หน้าของเด็กชายอีกครั้ง“เล่นคนเดียวเหงาน้า” เธอยังคงพูดพร้อมกับยิ้มหวานให้แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวกลมนั้นยังไม่คิดที่จะคุยด้วยสักนิด“ป๊ะป๋าบอกว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้า คุณป้าเป็นคนแปลกหน้า”

ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ


Mamaya Writer

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้