บทที่ 16
“ว๊าย !”
ดูเหมือนว่าการพยายามหลบหลีกจะไม่สำเร็จ เพราะดันสะดุดขาของตัวเอง ร่างหญิงสาวเซกำลังจะล้มลงกับพื้นทว่ารชตใช้แขนเพียงข้างหนึ่งช่วยรั้งไว้และดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด ในจังหวะที่ใช้แรงดึงทำให้ใบหน้าเธอชนกับแก้มสากของเขา ดวงตากลมกลอกไปมาและรีบเบี่ยงหน้าก้มหนีทันที มือสองข้างพยายามดันเขาออกห่าง
“เอ่อ เจ้านายคะ”
ในชั่วขณะที่รชตเผลอสำรวจใบหน้าและดวงตากลมของเธออย่างใกล้ชิด เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามือที่รั้งเอวของอีกฝ่ายไว้ไม่ยอมปล่อยนั้น กระชับแน่นมากขึ้นจนร่างทั้งสองเบียดชิดกัน
“คุณเคยถามผมใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีกว่าคุณ” เขาเอ่ยขึ้น น้ำเสียงทุ้มกระซิบที่ข้างแก้มราวกับจงใจ “เพราะผู้หญิงที่ผมต้องการแต่งงานด้วยมีคุณคนเดียวเท่านั้น”
แก้มทั้งสองร้อนผ่าวขึ้นมา มิราวดีก้มหน้าหลบเก็บอาการเขินอายต่อคำพูดของอีกฝ่าย มือทั้งสองข้างพยายามยกขึ้นแล้วดันชายหนุ่มออก
“เอ่อ ปล่อยฉันก่อนนะคะ
หญิงสาวพยายามใช้มือสองข้างดันคนตัวใหญ่ออกสุดแรงแต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด จึงเงยหน้ามองด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ทว่าดวงตากลมโตจ้องใบหน้าคมเข้มนั้นใกล้ชิดจนเกินไป มิราวดีกะพริบตาเผลอมองใบหน้าของชายหนุ่มใกล้ ๆ ขนาดเคยมองในระยะห่างก็ว่าดูดีอยู่แล้ว แต่ยิ่งมองใกล้ชิดแบบนี้ โครงหน้าเหมือนชาวตะวันตก ทว่าดวงตากลับเหมือนชาวตะวันออก
“สำรวจแบบนี้พอจะหายระแวงผมหรือยัง ?”
“คะ !” เมื่อได้ยินมิราวดีก็มีสีหน้าเลิกลั่กและรีบเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่นทันที ไม่คิดว่าจะเป็นฝ่ายเผลอมองเขาไม่วางตาขนาดนี้ช่างน่าอายจริง ๆ
“เอ่อ เจ้านายคะ จะปล่อยฉันได้หรือยังคะ นี่ยังอยู่ในเวลางาน”
รชตหันมองเวลาที่ข้างผนังพลางคลายวงแขนปล่อยหญิงสาวออก มือที่กอดเธอไว้เมื่อครู่กำแน่น ไม่รู้เลยว่าความรู้สึกว้าวุ่นในใจมีมากเพียงนี้เป็นเพราะอะไร ทั้งสับสนวุ่นวายจนเผลอทำอะไรที่ตรงข้ามกับสิ่งที่คิด
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว” มิราวดีรีบตัดบทและเดินจากไปทันที มือของเขาเกือบเผลอคว้าหญิงสาวเอาไว้อีกครั้งดีที่ยังระงับสติและความรู้สึกนั้นได้
หรือนี่เป็นผลของคำสาป
รชตมองประตูห้องทำงานที่ปิดลงพลางผ่อนลมหายใจออกมา นี่เป็นครั้งแรกในหลายร้อยปีที่ข้างในอกเกิดความรู้สึกแบบนี้ ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าไม่มีทางที่จะรู้สึกรักผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด ทว่าสิ่งที่ทำในวันนี้กลับตรงข้ามกัน ไม่ใช่จงใจทำให้เธอหลงรัก แต่เป็นเพราะเขาเผลอตัวไปเอง
ขณะที่กำลังอยู่ในห้วงภวังค์ เสียงกระพือปีก พึ่บพั่บ ก็ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มหันไปมองเจ้าไก่ตัวสีขาวที่กำลังก้มหน้าจิกอาหารว่างบนโต๊ะทำงานอย่างเอร็ดอร่อย
“เป็นไงบ้าง” อาโปเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงมีความสุขเพราะเค้กตรงหน้านั้นช่างแสนอร่อยถูกปาก ตรงข้ามกับท่าทางและสีหน้าของรชตที่จ้องมองด้วยความไม่พอใจ ไม่ใช่เพราะถูกแย่งของว่าง แต่เป็นเพราะดันเข้ามาไม่ถูกเวลาต่างหาก
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
อาโปมองและขนก็ลุกสั่นไปทั้งตัวก่อนจะพูด
“ตั้งแต่นายพูดว่า ทำไม รังเกียจผมเหรอ”
รชตมองตาขวาง เดินมาหยิบก้อนเค้กที่เหลือเททิ้งลงขยะแล้วยิ้มด้วยความสะใจเล็กน้อย
“ม่ายน้า !” เสียงร้องของไก่ตัวสีขาวที่มองก้อนเค้กอีกครึ่งหล่นลงไป
ในถังขยะ “นายมันเลวมาก”
ชายหนุ่มไม่สนใจเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน สายตาก้มมองมือข้างที่เคยโอบกอดหญิงสาวไว้
“เริ่มหลงรักเธอบ้างแล้วใช่ไหม” อาโปถามขึ้นอีกขณะที่เอาตัวเองออกจากถังขยะ เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าผลของการแก้คำสาปจะทำให้ใครต้องสูญเสียอะไรบ้าง แต่ถ้าหากรชตรักผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาและเกิดการสูญเสียขึ้นนั่นไม่ใช่การแก้คำสาปที่ดีแน่ มันเหมือนกับการถูกสาปทั้งเป็นอีกครั้ง
“ไม่มีวัน ฉันก็เเค่ทำหน้าที่ในฐานะคนรักเท่านั้น” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “การจะเเก้คำสาปนี้ ต้องทำให้เธอรักฉันไม่ใช่หรือไง”
มันก็จริง อาโปมองพลางส่ายหน้าเเล้วพูดขึ้น
“ถ้าเธอรักนายเเล้ว จะบอกเธอว่ายังไง ช่วยตายเพื่อถอนคำสาปให้ผมหน่อยน่ะเหรอ”
รชตนิ่งเงียบ เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก ตอนนี้ในใจหวั่นกลัวเพียงจะเป็นฝ่ายหลงรักเธอเสียเอง
“ถึงตอนนั้นก็มีทางออกเอง”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางขยับตัวนั่งทำงานกลบเกลื่อน อาโปได้เเต่มองแล้วผ่อนลมหายใจออกมา หัวแข็ง ปากไม่ตรงกับใจเลย! เมื่อมองชายหนุ่มที่ทำงานอยู่ ครั้นจะนั่งเฉย ๆ ก็น่าเบื่อจึงหายตัวจากไปเงียบ ๆ
ห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง รชตได้เพียงเเต่ถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน จนไม่รู้เลยว่าล่วงเลยเวลาเลิกงานมานานเเล้ว เขาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานและใช้เวลาไม่นานเดินทางกลับมาถึงห้อง ซึ่งเป็นจังหวะพอดีที่เห็นหญิงสาวกำลังหันหลังทำอาหารอยู่
มิราวดีกำลังเข้าครัวทำอาหารเย็น เธอหันมาพบชายหนุ่มยืนอยู่ก็รู้สึกตกใจเพราะไม่ได้ยินเสียงประตูเลยสักนิด
“คุณกลับมาตอนไหนคะ ฉันไม่ได้ยินเสียงประตูเลยค่ะ”
“เมื่อกี้นี้ คุณไม่ได้ยินเพราะกำลังสนใจ…”
เขาทำหน้านิ่งเเละชี้นิ้วไปที่หม้อบนเตา
หญิงสาวยิ้มเขินอย่างมีความสุข ก็เเน่ละได้ของดีลดราคาจากซูเปอร์มาร์เก็ตมา นาน ๆ ที่จะได้กินก็ต้องมีความสุขเป็นธรรมดา
“คุณกินอะไรมาหรือยังคะ กินด้วยกันไหมคะ”
เธอชวนพลางหันกลับไปที่หน้าเตา ครั้นชายหนุ่มกำลังตอบปฏิเสธอีกเสียงหนึ่งก็เเทรกขึ้น
“ฉันกินด้วย !”
มิราวดีจำเสียงนี้ได้เป็นเสียงของเจ้าไก่ตัวสีขาว หลังจากปิดเตาเเล้ว จึงรีบหันมามองด้วยเเววตาอยากรู้ว่าสรุปเเล้วเป็นหุ่นยนต์รุ่นใหม่หรือเปล่า
“เอ่อ ฉันขอจับไก่ตัวนี้หน่อยได้มั้ยคะ หญิงสาวมองด้วยเเววตาเป็นประกาย เพราะอยากรู้มาตลอด ตั้งเเต่ครั้งเเรกที่เจอเเต่ไม่มีโอกาสได้จับสักที
“ดูเหมือนอาหารจะไม่พอ เธอจับไก่ตัวนี้ไปเชือดย่างเป็นมื้อเย็นได้เลย” รชตพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางเเสยะยิ้มให้อาโป
“กินได้เเน่นอน”โปรดติดตามตอนต่อไป...เรื่องนี้เเนวคอมเมดี้เเฟนตาซีนะคะ หากใครสนใจสามารถเปย์เพื่อให้กำลังใจนักเขียนได้ค่า ( เป็นเล่มกระดาษทำมือ ที่มีเฉพาะนักเขียนเท่านั้นนะคะ )จะพยายามมาอัปให้ทุกวันค่ะ อยู่ที่ระบบเผยแพร่ตอนอีกทีนะคะ อาจจะมีดีเลย์บ้างเล็กน้อยส่งกำลังใจเเละสนับสนุนได้ในช่องทางที่ลงไว้ในโปรไฟล์ได้เลยนะคะMamaya Writer