บทที่ 26
“ฉันขออยู่ต่อก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะมาทำงานตรงเวลาแน่นอนค่ะ ! ”
อวิ่นเยว่มองที่ชายแขนเสื้อด้วยสายตานิ่ง ๆ ทั้งที่ในใจกลับสั่น กระส่ายจนแทบควบคุมไม่อยู่ เขากระแอมเบา ๆ เพื่อบอกให้รู้
ลฎาภาก้มมองที่มือของเธอแล้วตกใจจึงรีบปล่อยทันที “ขอโทษค่ะ”
“ช่างเถอะ กลับกันได้แล้ว” เขาพูดทำเมินคำพูดของอีกฝ่าย
เขาไม่ได้ฟังที่เธอพยายามจะพูดเลยใช่ไหม ?!
“พรุ่งนี้เจอกันค่ะคุณเผิง ฉันจะมาให้ตรงเวลาแน่นอนค่ะ” เมื่อหญิงสาวพูดจบก็รีบเดินกลับเข้าไปด้านในทันที ทางด้านอวิ่นเยว่ยังไม่ทันพูดเธอก็หายลับสายตาไปเสียแล้ว
“เฮ้ ! อวิ่นเยว่นายออกมาห้องน้ำนานไปหน่อยมั้ง” จิ่นอวี่พูดขึ้นจากทางด้านหลังขณะที่เดินเข้ามาหา
“ฉันจะกลับละ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเดินออกไป
จิ่นอวี่มองอวิ่นเยว่เดินออกไป พลางหันมองไปยังต้นทางเหตุการณ์เมื่อครู่ แม้จะไม่ได้ยินบทสนทนาแต่ก็พอจะรู้ได้ว่า “ผู้หญิงเมื่อกี้...”
เขายิ้มออกมาที่มุมปากอย่างมีเลศนัยก่อนที่จะเดินตามไป
“จะไปต่ออีกสักหน่อยไหม” จิ่นอวี่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินตามอีกฝ่ายทัน แน่นอนว่าไม่เพียงถามแต่กลับต้องมองการกระทำของอีกฝ่าย สีหน้าอวิ่นเยว่ดูจะมีความสุขมากกว่าปกติทั้งที่ก่อนหน้าตอนกินข้าวคุยหลาย ๆ เรื่องไม่เป็นแบบนั้นสักนิด
“ฉันไม่ว่าง”
คำตอบนี้เป็นข้ออ้างได้อย่างดีที่จะปฏิเสธคำเชิญชวนของจิ่นอวี่
“โอเค” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับยิ้มแล้วเอ่ยถามไปว่า “ผู้หญิงเมื่อกี้เป็นใครกัน”
อวิ่นเยว่ถอดสีหน้าแต่พูดกลบเกลื่อนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ใคร ?”
จิ่นอวี่ถึงกลับหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างเก็บไม่อยู่ จึงไม่คิดจะถามไปมากกว่านี้เพราะดูจากท่าทางและสีหน้าของอวิ่นเยว่ที่พยายามกลบเกลื่อนอยู่นั้นทำให้รู้คำตอบในใจ
ผู้หญิงคนนั้น...คงจะเป็นคนพิเศษสินะ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะกลับละ” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะรีบเดินขึ้นรถและขับออกไปทันที ส่วนจิ่นอวี่ได้แต่มองแล้วส่ายหน้าออกมา
“ยังปากแข็งเหมือนเดิมเลยน้า”
จิ่นอวี่เดินมาขึ้นรถและขับออกไป
ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ลฎาภาคิดว่าไม่มีอะไรมากนักนอกจากการทำงานความสะอาดในห้องบางส่วนและเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่กับอาหยูนั่นเอง หลังช่วงบ่ายถึงเป็นเวลานั่งพักของเธอก่อนจะเตรียมของวางไปเสิร์ฟ
“คุณป้า” เด็กชายพูดขึ้นขณะที่เขย่าแขนของหญิงสาว
ลฎาภาหันมามอง “ว่าไง หิวแล้วเหรอ อยากกินอะไรไหม?”
เด็กชายส่ายหน้าหันไปยกมือชี้นิ้วที่นาฬิกาบนผนัง “อาหยูไม่หิว แต่ป๊ะป๋ารอหนมอยู่”
“ยังไม่ถึงเวลาเลยจ้ะ” ป้าผ่องเดินเข้ามาพูดเสริม
“แต่ป๊ะป๋ารออยู่” เจ้าตัวกลมพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนจนหญิงสาวใจอ่อน
“ป้าผ่องคะ เดี๋ยวจอมเตรียมอาหารว่างและยกขึ้นไปให้คุณเผิงนะคะ” หญิงสาวหันไปพูดก่อนลุกขึ้นเดินไปจัดการเตรียมของว่างในขณะที่เด็กชายหันมองอยู่ตลอด
“ไม่ชอบหรอก แต่ป๊ะป๋าน่ะมีความสุขนี่น่า”
ลฎาภาได้ยินเสียงของเด็กชายบ่นเธอก็อดที่จะมองอย่างสงสัยไม่ได้ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจในความหมายเท่าไหร่ก็ตาม เด็กชายยืนมองรอจนกระทั่งเธอยกถาดเดินออกจากห้องครัวไป
ลฎาภาเดินขึ้นมาชั้นสองจนถึงหน้าห้อง เอื้อมมือเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดเข้าไป ดวงตากลมมองชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่ ไม่ว่าจะวันทำงานหรือวันหยุดเขามักจะไม่หยุดพักจากงานสักนิด
“อาหารว่างค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับวางไว้ที่โต๊ะทำงานของเขาแล้วหมุนตัวเตรียมเดินออกไป
อวิ่นเยว่เงยหน้าขึ้นมองวางเอกสารในมือ ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
“เดี๋ยว” เขาเอ่ยขึ้นขณะที่สาวเท้าเข้ามาหา
“คะ ?” ลฎาภาหยุดเดินอยู่ที่หน้าประตูแล้วหันกลับมา “คุณเผิง !”
เธอเรียกเขาเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อหันกลับมาแล้วเห็นใบหน้าของเขาชิดใกล้ขนาดนี้
“ถะ...ถอยออกไปก่อนได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดไม่เต็มเสียงมากนัก ทั้งลมหายใจของเขา กลิ่นน้ำหอม และใบหน้าเข้มที่แสนหล่อ ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย
อวิ่นเยว่ยิ้มที่มุมปากอย่างมีความสุข หลังจากที่ไม่ได้มองใกล้ ๆ แบบนี้มาหลายวัน
“หน้าแดง ไม่สบายเหรอ”
ยิ่งได้ยินเขาพูดยิ่งแดงมากกว่าเดิม ไม่สบายซะที่ไหนกันเล่า !
“เปล่าค่ะ” หญิงสาวตอบทันที
อวิ่นเยว่ไม่ได้ฟังที่เธอพูด เขาเอื้อมมือสัมผัสที่หน้าผากของหญิงสาว
“คุณเผิง !”
“ถ้าไม่สบายทำไมไม่บอก”
เธอสบายดี แต่แค่...!
“ฉันสบายดีค่ะ” เธอตอบพร้อมเบี่ยงหน้าหลบฝ่ามือใหญ่
อวิ่นเยว่มองก่อนขยับตัวถอยออกห่าง “ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน”
“ฉันสบายดีค่ะ” เธอตอบพร้อมเบี่ยงหน้าหลบฝ่ามือใหญ่
อวิ่นเยว่มองก่อนขยับตัวถอยออกห่าง “ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน”
“ฉะ...ฉันไหวค่ะ” ลฎาภาพูดก่อนจะรีบเปิดประตูออกจากห้องไปในทันที เมื่อปิดประตูลงแล้วได้แต่ยืนนิ่งยกมือขึ้นกุมหัวใจที่เต้นแรง เธอ...เป็นอะไรกันทำไมถึงรู้สึกดีขนาดนี้ !
ทางด้านอวิ่นเยว่หัวเราะและยิ้มออกมาก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานรับประทานอาหารว่างอย่างมีความสุข... ตรงกันข้ามกับเธอที่ใจสั่นไหวอย่างรุนแรง !โปรดติดตามตอนต่อไป...