ไม่สวีทหวานแต่รักมาก! 7 ลักษณะของ “ ความรักแบบผู้ใหญ่ ” ที่มีความจริงจัง พร้อมจะสร้างอนาคตไปด้วยกัน 💕
วันนี้เราจะพาสาวๆ ไปเช็ก 7 ลักษณะของ “ ความรักแบบผู้ใหญ่ ” ว่ามันแตกต่างจากความรักแบบเด็กๆ ยังไง แล้วลองเช็กดูว่าความสัมพันธ์ของเธอและคนรักตอนนี้ จะเรียกว่าความรักแบบคนโตๆ ได้รึเปล่านะ?!
เผยแพร่: 27 ส.ค. 2564 18:00 น.
Views: 71,753
รหัสบทความ: 86236
“ ความรัก ” เกิดขึ้นได้เสมอทุกที่ ทุกเวลา และเกิดขึ้นกับคนทุกช่วงวัยเลยว่ามั้ยคะ???
(つ♡◡♡)つ
ก่อนจะไปเริ่มต้นเมาท์กันยาวๆ ก็ขอเสียงคนมีความรักหน่อยเร็ว#ฮิ้ววววสาวซิสคงคิดเหมือนกันแน่ๆ เลยว่าความรักมันเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นความรักใสๆ แบบ Puppy Love, ความรักกุ๊กกิ๊กวัยเรียน, ความรักว้าวุ่นของวัยหนุ่มสาว และความรักอีกหลากหลายรูปแบบที่จำกัดคำนิยามได้ไม่หมดแต่เราเชื่อว่าเมื่ออายุมากขึ้นและผ่านประสบการณ์ต่างๆ มามากพอ หลายคนก็อาจมองหาความรักแบบผู้ใหญ่ที่มีความจริงจังขึ้นมาอีกหน่อย ไม่ใช่แค่เข้ามาจีบกันเล่นๆ แล้วหาย เพราะไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว
วันนี้เราเลยจะพาไปเช็ก7 ลักษณะของ “ ความรักแบบผู้ใหญ่ ”ว่ามันแตกต่างจากความรักเด็กๆ ยังไงเผื่อบางคนที่กำลังคบหาดูใจกับใครสักคนอยู่ จะได้นำไปเช็กกับความสัมพันธ์ของตัวเองว่าสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ จะเรียกมันว่าความรักแบบคนโตๆ ที่พร้อมจะสร้างอนาคตไปด้วยกันได้รึเปล่า???
・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・
❶ นึกถึงคำว่า “ เรา ” มากกว่า “ ฉัน ” เวลาทำอะไรก็ตาม
เริ่มต้นเช็กลักษณะของความรักแบบฉบับผู้ใหญ่ข้อแรกกันเลยดีกว่าค่ะ ถ้าเป็นช่วงชีวิตวัยรุ่นหรือยังผ่านประสบการณ์ความรักมาไม่มาก หลายคนอาจยังไม่เคยชินกับการเปิดรับใครอีกคนเข้ามาในชีวิต แล้วเผลอนึกถึงความสุขของตัวเองหรือนึกถึงตัวเองก่อนคนข้างๆแต่เมื่อไหร่ที่ก้าวเข้าสู่ความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ เธอและคนรักก็มักจะนึกถึงคำว่า“ เรา ”มากกว่าแค่“ ฉัน ”เช่น ซื้ออาหารเมนูที่เราสองคนชอบกิน หรือจองทริปเที่ยวในสถานที่ที่เราสองคนอยากไป เป็นต้นและมักปรึกษาหารือกันก่อนตัดสินใจทำเรื่องบางอย่างเสมอ ซึ่งนี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเธอสองคนให้ความสำคัญและใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย
❷ เธอสองคนไม่กลัวที่จะพูดถึงอนาคตและวางแผนร่วมกัน
ถ้าสาวๆ เพิ่งเริ่มต้นคบกับใครคนนึงได้ไม่นาน ถ้าจู่ๆ เธอถามเขาถึงเรื่องอนาคตของชีวิตคู่ มันอาจจะดูเร็วเกินไปจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทันแต่สำหรับคู่รักที่คบกันในลักษณะของความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ ต่างฝ่ายต่างไม่รู้สึกกลัวที่จะพูดคุยหรือปรึกษากันเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของคนทั้งคู่เช่น เรื่องการแต่งงาน เรื่องการซื้อบ้าน เรื่องการเก็บออมเงิน เป็นต้น เพราะทั้งสองคนมีความจริงจังในความสัมพันธ์ครั้งนี้มากๆ ไม่ได้หวังแค่จะคบเพื่อคั่นเวลาหรือรักเล่นๆ แล้วจากไปที่สำคัญหลังจากวางแผนอนาคตร่วมกันแล้ว เธอและคนรักต่างคนก็ต่างช่วยกันทุ่มเทความพยายามเพื่อทำให้เป้าหมายที่วางไว้สำเร็จได้จริงๆ ด้วย
❸ แค่ได้อยู่ด้วยกันก็รู้สึกดี แม้ไม่ได้ทำกิจกรรมตื่นเต้นหวือหวา
ลองนึกย้อนอดีตดูสิว่าประสบการณ์ความรักครั้งที่ผ่านๆ มา ในช่วงเวลาที่ยังเป็นหนุ่มสาวและยังไม่ค่อยประสีประสาเรื่องความรักมากนัก หลายคนก็อาจเคยอยากทำกิจกรรมสนุกสนานเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิตรัก และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ไปพร้อมกันกับคนรัก…แต่หากเป็นความรักแบบผู้ใหญ่อาจไม่จำเป็นจะต้องชวนกันออกไปทำกิจกรรมที่ไหนไกล เพราะแค่เธอและคนรักได้ใช้เวลาว่างอยู่ด้วยกัน แค่มองเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาหรือนั่งข้างๆ กัน แล้วต่างคนต่างก็ทำกิจกรรมของตัวเองไปเพียงแค่นี้ก็ช่วยเติมเต็มความสุข ทำให้อบอุ่นหัวใจ และรู้สึกใกล้ชิดกันได้แบบไม่ต้องทำอะไรที่มันหวือหวาเลยสักนิดเดียว
❹ เธอไม่รู้สึกว่าอยากเปลี่ยนแปลง “ เขา ” รวมทั้ง “ ตัวเอง ” ด้วย
เมื่อไหร่ก็ตามที่สาวๆ เจอคนที่ใช่และทำให้เธอรู้สึกจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เขาคนนั้นก็เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ลงล็อกกันพอดีโดยเธอจะไม่รู้สึกว่าอยากเปลี่ยนแปลงนิสัย พฤติกรรม หรือชีวิตของเขาแม้แต่เรื่องเดียว เพราะเธอรักเขาในแบบที่เขาเป็น ไม่ใช่ชายหนุ่มสุดเพอร์เฟกต์ที่วาดฝันเอาไว้ แล้วเธอก็สามารถยอมรับข้อเสียหรือเรื่องบางอย่างที่อาจไม่สมบูรณ์แบบของอีกฝ่ายได้ซึ่งถ้าความรักนี้เป็นความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ที่ทั้งสองฝ่ายรักและจริงใจต่อกันฝ่ายคนรักก็จะไม่ทำให้เธอรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะเขาแสดงให้เห็นถึงความรัก การยอมรับ การให้เกียรติ และมองเห็นคุณค่าในตัวของเธอนั่นเอง
❺ ไม่ต้องติดต่อกันตลอด 24 ชั่วโมง ต่างคนต่างมีเวลาส่วนตัว
สารภาพมาซะดีๆ ว่าเมื่อก่อนตอนที่เพิ่งเริ่มต้นหัดมีความรัก หรือย้อนกลับไปในช่วงที่ยังเป็นวัยรุ่นแล้วมีความรักกุ๊กกิ๊ก เธอก็คงจะอยากอยู่ใกล้ๆ กับแฟนหนุ่ม อยากใช้เวลาด้วยกันทั้งวันตลอด 24 ชั่วโมง หรืออยากส่งไลน์ / โทรหากันตลอดเวลาที่ไม่ได้อยู่ใกล้กันแน่ๆ เลยละสิแต่สำหรับความรักแบบฉบับของผู้ใหญ่ ทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นจะต้องติดต่อหากันตลอดเวลา หากอีกฝ่ายติดธุระจนตอบไลน์ช้าหรือโทรหาแล้วไม่รับสาย ก็ต้องเข้าใจและไม่มีอาการงอนตุ๊บป่องใส่กันด้วยนะเพราะความรักแบบคนที่โตๆ กันแล้ว มักให้อิสระทั้งสองฝ่ายไปใช้เวลาส่วนตัวเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ซึ่งความสัมพันธ์แบบนี้ก็จะช่วยให้ทั้งเธอและคนรักไม่รู้สึกอึดอัด แล้วระยะห่างมันยังทำให้มีเวลาคิดถึงกันมากขึ้นด้วยนะ
❻ เธอและเขาแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเท่าๆ กัน
เรามั่นใจว่าปัญหาโลกแตกที่ทำให้คู่รักต้องเคยทะเลาะกันมาแล้วแทบจะทุกคู่ก็คือ การเกี่ยงกันทำงานบ้านหรือการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบที่ไม่ลงตัวนี่แหละค่ะอย่างเช่น ฝ่ายหนึ่งทำหน้าที่หาเงินงกๆ แบบไม่ได้พัก หรือฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบงานบ้านกองโตอยู่คนเดียว เป็นต้น ซึ่งพอคู่รักผลักหน้าที่บางอย่างไปให้อีกฝ่ายทำอยู่คนเดียว ก็จะทำให้เหนื่อย ไม่พอใจ และเกิดความรู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบ จนความสัมพันธ์ต้องสะดุดเพราะมัวแต่ทะเลาะกันเรื่องนี้แต่ความรักแบบผู้ใหญ่ทั้งสองคนจะแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเท่าๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานบ้าน การทำอาหาร การออกไปซื้อของ หรือแม้แต่การทำงานหาเงิน เพราะชีวิตคู่จำเป็นต้องเคารพซึ่งกันและกัน รวมทั้งรับผิดชอบสิ่งต่างๆ ร่วมกันด้วย
❼ เธอสองคนมักทะเลาะกันในเรื่องที่เป็นปัญหาจริงๆ เท่านั้น
สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยสำหรับคู่รักก็คือช่วงเวลาที่มีปัญหา ไม่เข้าใจ หรือมีเรื่องให้ทะเลาะกันนั่นเองค่ะซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยนะ เพราะการที่คนสองคนที่มีนิสัย ไลฟ์สไตล์ และการเติบโตที่ไม่เหมือนกันต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วนกัน ก็ต้องมีเรื่องทำให้กระทบกระทั่งกันบ้างโดยถ้าเป็นความรักร้อนแรงเหมือนที่ผ่านมา ก็อาจทะเลาะกันด้วยเรื่องจุกจิกที่ไม่ค่อยมีเหตุผลเป็นส่วนมาก เช่น หึงหวง น้อยใจ งี่เง่า รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ฯลฯแต่ถ้าเป็นความรักแบบผู้ใหญ่คนสองคนมักทะเลาะกันในเรื่องที่เป็นปัญหาจริงๆ เท่านั้น แล้วต้องไม่แสดงท่าทางโมโหเล่นใหญ่ ตะโกนใส่กัน หรือพูดจาทำร้ายจิตใจกันด้วยนะ เพราะทั้งสองคนจะใช้วิธีหันหน้าเข้าหากันเพื่อปรึกษาว่าปัญหามันเกิดจากอะไร และช่วยหาทางแก้ไขร่วมกันต่างหากล่ะ
・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・・
หลังจากที่ได้อ่านไปจนครบทั้ง 7 ข้อ แล้วลองค่อยๆ เช็กกับความสัมพันธ์ของตัวเองไปทีละข้อ สรุปว่าความรักครั้งนี้ของสาวๆ มันเข้าข่ายเป็นความรักแบบฉบับผู้ใหญ่รึยังเอ่ย??? เราต้องขอบอกเลยนะว่าความรักแบบผู้ใหญ่ ไม่ได้หมายความว่าสาวซิสและคนรักจะต้องอายุเยอะเท่านั้นเพราะไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยเรียน คนหนุ่มสาว หรือวัยไหนก็ตาม ถ้าทั้งสองคนมีความรัก ความเข้าใจ ให้เกียรติกัน และรู้จักใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ก็สามารถจับมือกันเติบโตและสร้างอนาคตไปด้วยกันได้ยาวนานเหมือนที่หวังไว้ ไม่แน่ว่าเขาคนนี้อาจเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเธอไปตลอดชีวิตก็ได้นะ
