บทที่ 32

ตั้งแต่ที่อวิ่นเยว่เดินออกจากห้องไปแล้ว ลฎาภาก็ไม่ได้เก็บของต่อเลยสักนิด เธอกำลังนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยไม่รู้ว่าเวลานั้นล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหน ถึงแม้จะหาข้ออ้างว่าไม่เข้าใจในความรักแบบชายหญิง แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพียงแค่เธอรู้สึกกลัวที่จะต้องหลงรักใครก็เท่านั้น

ไม่อยากรู้สึกเจ็บปวด

...หรือว่าโดดเดียวอีกแล้ว

ทั้งที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้มาตลอด เธอคิดเพียงว่าการทำงานในแต่ละวันให้ผ่านไปก็พอ ตื่นเช้า ไปทำงาน และรีบกลับบ้านก็พอแล้ว แต่ทุกวันล้วนผ่านไปจนรู้สึกว่า...น่าเบื่อ แม้มีเพื่อนร่วมงานหลายคนบอกลองให้หาแฟนดูเผื่อว่าโลกที่เป็นสีเทาอยู่ตอนนี้จะกลายเป็นสีชมพูขึ้นมาบ้าง แต่ทว่าเธอเองก็ไม่กล้าที่จะก้าวผ่านมันออกไป

นั่นก็เพราะ

‘เราแค่ลองคบกันไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่แฟนสักหน่อย อย่าทำตัวเหมือนเป็นแฟนกันสิ’

เห็นแก่ตัว...

แม้ความทรงจำที่มีในตอนนี้จะเกือบเลือนหายไปหมดแล้ว แต่ความรู้สึกเจ็บปวดจากการผิดหวังนั้นยังคงอยู่ เธอไม่กล้าที่จะมีความรักอีก ไม่คิดว่าการมีความรักเป็นเรื่องที่สวยงาม

“คุณป้า ป๊ะป๋าบอกว่าไปกินข้าวเย็นกัน”

เมื่อได้ยินเสียงอาหยูพูดหญิงสาวจึงสะดุ้งจากภวังค์ หันมองเด็กชายแก้มย้วยน่ารักที่ส่งยิ้มให้

“ป๊ะป๋าทำคุณป้าร้องไห้เหรอ” เจ้าตัวกลมเอียงคอเอ่ยถาม

ลฎาภาจึงรีบหลบหน้าไปทางอื่นทันที “ไม่ใช่หรอก”

“ป๊ะป๋า” อาหยูตะโกนเรียกลากเสียงและรีบวิ่งออกไป ลฎาภาสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ออกมาจากปากของอาหยูว่า“ป๊ะป๋าทำคุณป้าร้องไห้เหรอ ? คุณครูบอกอาหยูว่าเป็นผู้ชายห้ามทำเด็กผู้หญิงร้องไห้ ไม่งั้นจะโดนคูณปีศาจลงโทษ”

ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ! มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด ไม่เลย !

“อาหยูบอกว่าคุณร้องไห้เพราะผม ?”

หญิงสาวสะดุ้งขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงของอวิ่นเยว่จากทางด้านหลัง เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันไปเผชิญหน้าตรง ๆ

“มะ...ไม่ใช่ค่ะ”

อวิ่นเยว่สาวเท้าเข้ามาหาก่อนย่อตัวลงตรงหน้าเธอ เอื้อมมือสัมผัสที่แก้มแผ่วเบา “เงยหน้าขึ้นหน่อยได้ไหม”

ลฎาภารู้สึกถึงฝ่ามือหยาบและร้อนตรงแก้ม เธอไม่มีความรังเกียจเลยกลับกลายเป็นความอบอุ่นที่ห่อหุ้มหัวใจดวงน้อย ๆ เอาไว้

ไม่ไหว...เหมือนหัวใจกำลังระเบิดออกมา

“อาหยูบอกว่า คุณร้องไห้เพราะผม ?” เขาพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งขณะที่ส่งสายตามองหญิงสาว ทั้งที่อยากจะบังคับเชยคางของเธอให้สบตามองก็ทำได้ แต่จะทำให้เธอเสียใจอีกหรือเปล่านะ...?

ลฎาภาเงยหน้าขึ้นมาเพียงจะอธิบายแต่ก็ต้องหยุดชะงักลงทันทีเมื่อสบตากับเขาพอดี

“ไม่ใช่คุณเผิงนะคะ ฉันเพียงแค่...”

ใกล้กันเกินไปแล้ว !

หญิงสาวพยายามเบี่ยงหน้าหลบเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่กำลังแสดงออกมาผ่านทางสีหน้า นิ้วหัวแม่มือของอวิ่นเยว่ไล่เกลี่ยที่แก้มเนียนแผ่วเบา ครั้นเธอพยายามจะเบี่ยงหน้าหลบก็ถูกรั้งไว้

“ร้องไห้จริง ๆ ด้วย”

น้ำเสียงที่อ่อนโยนของอวิ่นเยว่ยิ่งทำให้ลฎาภาทำอะไรไม่ถูก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาสักนิด เธอเพียงแค่นึกถึงเรื่องราวในอดีตเท่านั้นเอง

“มะ...”

ยังพูดไม่ทันจบร่างของเธอก็ถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดเสียแล้ว ลฎาภาไม่ขัดขืนเลยสักนิด ทั้งอ้อมกอดที่อบอุ่นและฝ่ามือที่ลูบศีรษะเธอเพื่อปลอบโยน ตึก...ตึก เสียงหัวใจเต้นนี้ไม่รู้ว่าเป็นของเธอหรือเขากันแน่ ดังจนได้ยินชัดเจน

“ป๊ะป๋า คุณป้าหยุดร้องไห้หรือยังฮะ อาหยูหิวข้าวแล้ว”

หญิงสาวรีบผละออกจากชายหนุ่มในทันที เธอก้มหน้าลงไม่กล้าแม้แต่มองใครในตอนนี้

“หยุดแล้วละ” อวิ่นเยว่ตอบขณะที่หันมองลฎาภาแล้วยิ้มที่มุมปาก แล้วพูดต่อไปว่า “ไปกันเถอะ”

ลฎาภาได้ยินเสียงที่อ่อนโยนจึงเงยหน้าขึ้นมอง อวิ่นเยว่ยื่นมือรออยู่ก่อนหน้าแล้ว รอยยิ้มและแววตาบนใบหน้านั้นอ่อนโยนราวกับว่าเธอไม่เคยรู้จักคนคนนี้เลยสักนิด

เธอหลบสายตาก่อนขยับตัวลุกขึ้นโดยปฏิเสธรับการช่วยเหลือของชายหนุ่ม

“ผมจะออกไปรอข้างนอก”

อวิ่นเยว่พูดแล้วเดินตามออกจากห้องไปพร้อมกับอาหยู ลฎาภาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อดึงสติกลับคืนมา ก่อนจะรีบเดินตามไป...

โปรดติดตามตอนต่อไป...

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่สนับสนุนเเละให้กำลังใจนักเขียนนะคะ

หากชอบฝากกดไลค์ กดเเชร์ ให้ด้วยน๊า

Mamaya Writer