อย่างที่รู้กันดีนะครับว่า ประเทศไทยเนี่ยติด 1 ในประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยแค่นั้นยังไม่พอสถานที่เหล่านี้ยังเป็นจุดสนใจและยังสามารถดึงดูดนักเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้อีกด้วย และในวันนี้ทริปแรกที่เจ้าหมีนักเดินทางอย่างผมจะมาแชร์ให้

ทุกคนได้ฟังกันนั่น คือสถานที่ที่ถูกขนานามจากนักท่องเที่ยวที่ได้มาสัมผัสว่าเป็น

“ ชุมชนเหมืองแร่แห่งสายหมอก ”

ถ้าพร้อมแล้วหมีขออาสานำพาทุกคนเข้าไปสัมผัสชุมชนแห่งนี้ไปพร้อมกัน และหมีเชื่อว่าเพื่อนๆที่ได้อ่านบทความนี้จะมีความรู้สึกตกหลุมรัก <3 และหลงเสน่ห์ชุมชนแห่งนี้อย่างแน่นอน


ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยยยย....


รูปภาพ:

เรามาเริ่มรู้จักสถานที่แห่งนี้กันดีกว่า…

สถานที่แห่งนี้ คือ

หมู่บ้านอีต่อง

หรือ

เหมืองปิล๊อก

นั่นเอง ซึ่งสถานที่แห่งนี้เดิมทีเป็นเหมืองแร่ดีบุกที่เคยรุ่ง

เรือง

มาก่อน แต่ด้วยการกดราคาแร่จากจีน เหมืองแห่งนี้จึงถูกปิดตัวลงราวๆ

30 กว่าปีมาแล้ว

จนทำให้

หมืองปิล๊อก

กลายเป็น

สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต

ต่อมาเมื่อ

หมู่บ้านอีต่อง

มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะขึ้น จึงเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ของ

จังหวัดกาญจนบุรี

เลยก็ว่าได้ โดยพิกัดของ

หมู่บ้านอีต่อง

แห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในชุมชนเล็กๆ ในตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

Error: geo_location
รูปภาพ:รูปภาพ:

การเดินทาง...

แต่ก่อนที่จะขึ้นไปชมบรรยากาศอันแสนสวยงามนั้น จะบอกว่าการเดินทางไปปิล๊อกนั้นไม่ง่ายเลย ถือว่าเป็นเส้นทางปราบเซียนที่หนึ่งเลยก็ว่าได้…

เพราะหมีเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์PCXยานพาหนะคู่ใจ

ซึ่งจะบอกว่าระหว่างทางคือทำเอาลุ้นมากๆ กว่าจะถึงที่หมายเล่นเอาหวาดเสียวอยู่เหมือนกัน  555+

รูปภาพ:รูปภาพ:

ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกล

มากกว่า 300 ก.ม.

จากตัวเมืองกรุงเทพฯมุ่งเข้าสู่อำเภอทองผาภูมิ

จังหวัดกาญจนบุรี ที่เป็นที่ตั้งของ

เหมืองปิล๊อก

ถือว่าการเดินทางครั้งนี้ท้าทายเอามากๆ

เพราะจะต้องขึ้นเขาทั้งลูกที่สูงชัน และยังเป็นทางลูกรังที่เป็นหลุมเป็นบ่อ แค่นั้นยังไม่พอ

ทางโค้งที่มากกว่า 399 โค้ง


คืออุปสรรคในการเดินทาง ทำให้ยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีก…

แต่เพื่อเป้าหมายคือการได้ไปพิชิตยอดเหมืองปิล๊อก

แค่นี้ถือว่าสบายมาก ( มั้งงง 555+ )

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

สำหรับใครที่ไม่ได้พารถส่วนตัวมาไม่ต้องกังวลน้าาา เพราะเพื่อนๆ สามารถเดินทาง                 ไปหมู่บ้านอีต่องได้ด้วยรถสองแถวประจำทาง

ได้เลยซึ่งค่าโดยสารประมาณ 60-70 บาท

-ขึ้นได้ที่ตลาดทองผาภูมิ รถออกประมาณ 10.30 น.

-ขาลงจากอีต่องมี 2 เที่ยวคือเวลา  06.30 น. และ 07.30 น.

รูปภาพ:

แวะมาดื่มด่ำธรรมชาตินิดนึงนะคร้าบบ

รูปภาพ:

เมื่อการเดินทางของเราได้ผ่านพ้นเหล่าลูกรังและทางโค้งอันตรายทั้งหลายมาแล้วนั้นก่อนจะสุดปลายทางเราจะต้องผ่านอุทยานแห่งชาติทองผาภูมินั่นบ่งบอกถึงว่าเรากำลังจะถึงแลนด์มาร์กสำคัญที่หนึ่งของที่นี่เมื่อมาเยือนปิล๊อกห้ามพลาดโดยเด็ดขาด

เหมือนกับว่าถ้าไม่แวะที่นี่ก็เหมือน“ มาไม่ถึงปิล๊อก ”เลยทีเดียว

ที่นั่นคือ“ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น ”นั่นเอง

รูปภาพ:รูปภาพ:

น้ำตกจ๊อกกระดิ่น

" น้ำตกจ๊อกกระดิ่น "แห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ นับว่าเป็นจุดเช็คอินจุดแรกก่อนจะขึ้นไปบนยอดเขาปิล๊อกที่ถือว่าเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะวิวหน้าผาที่มีน้ำตกที่พวยพุ่งออกจากซอกหน้าผาตามธรรมชาติไหลลงมาเป็นสายน้ำตกที่ใสสะอาดมองเห็นตัวปลาตัวเล็กตัวน้อยสามารถลงเล่นน้ำได้ จะบอกว่าเย็นสบายเอามาก ๆ เลย แล้วที่สำคัญอย่าลืมเก็บภาพตัวเองคู่กับน้ำตกไว้ด้วยล่ะบอกเลยสวยมาก ๆ ๆ

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

ปลายทางที่ทำให้อิ่มใจ <3

และเมื่อความเมื่อยล้า และอ่อนเพลียจาก

การเดินทาง

บวกกับ

การแวะเล่นน้ำ ถ่ายรูป

และในที่สุดจุดหมายปลายทางของ

หมี

นั้นก็มาถึงจนได้กับสถานที่ที่มีนามว่า

“หมู่บ้านอีต่อง”



ความรู้สึกแรกเมื่อมาถึงบอกเลยว่าคุ้มค่ามากกับความเหนื่อยยากต่างๆ มันแทบจะอธิบายไม่ได้เลยกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ด้วยบรรยากาศ ผู้คน วิถีชีวิต รวมไปถึงวิวต่างๆ ภายในหมู่บ้าน มันช่างเป็นที่ที่เหมาะอย่างมากกับการพาตัวเองออกมาปล่อยตัวปล่อยใจให้สบาย เหมือนกับว่าเราได้มาชาร์จพลังให้กับตัวเองไปในตัวเลย...

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

บรรยากาศภายในหมู่บ้านให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่เป็นครอบครัวเดินไปจุดไหนก็มักจะได้กลิ่นอายของความเป็นพม่า กะเหรี่ยง และความเป็นไทยปะปนกันอยู่ในนั้น เป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอที่นี่ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่รวมกันหลากหลายเชื้อชาติก็ตาม แต่นั่นก็ไร้วี่แววของความแตกแยกเลย...

จนทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า

“ในเมื่อเราทุกคนล้วนมีความแตกต่างไม่ว่าจะเป็น ต่างความคิด ต่างนิสัย  ต่างที่มา แต่สุดท้ายจุดมุ่งหมายเดียวกันที่ทุกคนมาที่นี่ ล้วนแล้วแต่ออกมาหาความสุขให้ตัวเองทั้งนั้น"

รูปภาพ:

ก่อนกลับขอไปสูดธรรมชาติให้เต็มปอดสักหน่อยยย…

รูปภาพ:

สถานที่สุดท้าย

ที่

หมี

อยากจะแนะนำ ก่อนที่จะจบทริปนี้นั้น เป็นที่ที่

หมี

ตั้งตารอเวลาเพื่อที่จะได้ขึ้นมาบนนี้เลย นั่นก็คือ

“จุดชมวิวเนินช้างศึก”


เป็นสถานที่ที่สามารถมองเห็นตัว

หมู่บ้านอีต่อง

ได้ทั้งหมด

360 องศา

และสามารถ

มองเห็นฝั่งพม่า

ได้อีกด้วย โดยสถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวดีๆ ที่หนึ่งของไทยเลยก็ว่าได้…

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

ในตอนนั้นเองเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ผมนั้นได้ชื่นชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน

ความหนาวจากอากาศยามเย็น

ที่มีไอหมอกค่อยๆ ปกคลุมในทุกพื้นที่ของจุดชมวิว ทำให้ทัศนียภาพของ

เนินช้างศึก

นั้น เต็มไปด้วยความหนาวเย็น แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับเห็นทุกคนที่ขึ้นมาที่นี่ ล้วนแล้วแต่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกันทำให้ผมได้รู้ว่า...

อ๋อ... นี่สินะคือสิ่งสำคัญที่เหล่านักเดินทางต่างพากันตามหา มันเป็นการโหยหาธรรมชาติที่มนุษย์เองก็ไม่สามารถสร้างขึ้นได้มันเป็นภาพที่สวยงามมากสำหรับผม…

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

จากการเดินทางของผมในครั้งนี้ทำให้ผมได้เจอกับหลายสิ่งหลายอย่างจึงทำให้ผมก็คิดได้ว่า“ความสุขของทุกคน มันช่างต่างกันจริงๆ อยู่ที่ว่าเราจะหาความสุขของเราเจอจากสิ่งไหนต่างหาก”

รูปภาพ:รูปภาพ:

ถึงแม้ว่าปิล๊อก-อีต่องยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่ง ที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้นักเดินทางอย่างหมีรู้สึกอิ่มใจในการเดินทางในทริปนี้ นั่นคือการได้เอาตัวเองออกไปจากสังคมที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาอันสั้น แต่ผมก็ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ที่ถึงแม้ว่ากาลเวลาจะเดินผ่านไปนานเท่าไหร่ สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงทิ้งร่องรอยของความสวยงามไว้ ให้คงอยู่กับชุมชนแห่งสายหมอกแห่งนี้ตราบนานเท่านาน...

รูปภาพ:รูปภาพ:

สามารถเข้าดูภาพเพิ่มเติม และฝากกดติดตาม

ผลงานของ"เจ้าหมีนักเดินทาง"ด้วยนะครับ :)Instagram : paiikabkry_