สายลมและแสงแดดอ่อนส่องผ่านมายังสวนในคฤหาสน์ในวันหยุด สุดสัปดาห์ หญิงสาวใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับตัวอักษรบนหน้าจอเครื่องมือสื่อสารท่ามกลางธรรมชาติตั้งแต่เช้า หลังเวลารับประทานอาหารกลางวันก็กลับมานั่งที่เดิม จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรับสายและรีบเดินออกไปที่ประตูใหญ่ ของที่สั่งจากร้านได้ถูกจัดส่งมาถึงเรียบร้อย มิราวดีตั้งใจว่าช่วงวันหยุดอยากจะทำขนมอะไรสักอย่างเล่นฆ่าเวลาเพื่อผ่อนคลาย จึงได้สั่งซื้อแป้งสำหรับทำขนมเค้กเเละส่วนประกอบการทำมาจากร้านเบเกอรีในตัวเมือง
มิราวดีเดินเข้ามาวางของในห้องครัวพอดีกับที่พ่อบ้านมงคลเดินตามเข้ามาติด ๆ
“นายหญิงจะทำอะไรครับ ให้ผมทำให้ดีไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คือฉันอยากลองทำขนมค่ะ พอดีอยู่ว่าง ๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไรด้วย” พ่อบ้านมงคลมองเเล้วส่งยิ้มให้
“ถ้าเช่นนั้นให้ผมช่วยแล้วกันนะครับ”
มิราวดีไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจของคุณพ่อบ้าน เพราะถึงจะห้ามคงไม่มีทางฟังแน่นอน เช่นนั้นแล้วเธอตัดสินใจช่วยกันทำขนมกับพ่อบ้านมงคล
ระหว่างที่ทำหญิงสาวก็แอบคิดในใจว่าเรื่องในบ้าน เรื่องงานของ ชายหนุ่ม ก็มีพ่อบ้านจัดการเกือบทั้งหมดไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด เเต่ก็ไม่เคยถามถึงเรื่องครอบครัวของรชต หรือสาเหตุที่ว่าทำไมถึงไม่จ้างสาวใช้คนอื่นมาช่วยงานในคฤหาสน์เพื่อที่พ่อบ้านมงคลจะไม่ต้องทำงานหนักทั้งที่ก็ชรามากแล้ว
“ฉันถามได้ไหมคะ” มิราวดีเกริ่นขึ้นพลางหยิบของออกจากกล่องที่มาส่งเมื่อครู่ “คุณพ่อบ้าน เอ่อ คุณลุงทำงานกับเขานานหรือยังคะ”
“เรียกผมว่าคุณพ่อบ้านดีกว่าครับ ฟังเเล้วดูดี” มงคลหัวเราะเเล้ว ตอบหญิงสาวกลับไป “ผมทำงานกับนายท่านตั้งเเต่สมัยหนุ่ม ๆ เลยครับ”
มิราวดีมองด้วยเเววตาฉงนใจ
“หมายถึงตั้งเเต่เด็กเหรอคะ”
พ่อบ้านมงคลชะงักเเละเงียบลงสีหน้าดูกระอักกระอ่วน ดูท่าจะเผลอพลั้งปากพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าไปซะเเล้ว
“นายท่านเสียครอบครัวไปเเต่เด็กครับ พ่อผมที่ทำหน้าที่นี้ก็ได้ฝากให้ช่วยดูเเลท่านต่อครับ ผมเองก็ไม่ทราบเรื่องเเน่ชัดหรอกครับ”
หญิงสาวยังมีเรื่องสงสัยที่พ่อบ้านพูดไม่ชัดเจน ครั้นจะเอ่ยปากถามต่อก็ถูกพ่อบ้านเเทรกขัดจังหวะเสียก่อน
“เอ่อ ผมนึกได้ว่ามีงานที่ต้องทำให้นายท่าน ตอนนี้คงช่วยนายหญิงไม่ได้สักพักนะครับ” พ่อบ้านมงคลรีบพูดเเละเดินออกมาจากห้องครัวทันที เขาเกือบเผลอพูดความลับของเจ้านายออกไปเสียเเล้ว ไม่ได้การ ดูเหมือนว่านายหญิงเริ่มมีถามคำถามเเละสงสัยมากเกินไป
เมื่อคิดเช่นนั้นพ่อบ้านจึงรีบเดินไปยังห้องของนายท่านทันที มงคลเคาะประตูเเล้วเดินเข้ามาในห้องอีกฝากของฝั่งคฤหาสน์แต่ไม่พบ จึงรู้ทันทีว่าควรไปหาที่ไหน
“นายท่านมาอยู่ที่นี่อีกแล้วนะครับ”
รชตเหลือบมองพ่อบ้านเเล้วหันมองรูปวาดที่เเขวนผนังเช่นเดิม ภาพวาดเเขวนเก่าหลายรูปล้วนถูกวางเรียงไว้ตามลำดับความสวยงาม มีทั้งรูปถ่ายครอบครัว เพื่อนสนิทครั้งในอดีตหลายร้อยปีก่อน
“มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า” รชตหันมาถาม
“นายท่านยังไม่คิดจะบอกความลับกับนายหญิงเหรอครับ”
พ่อบ้านมงคลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ ในตอนเเรกตัวเขาก็ไม่เข้าใจคำพูดของบิดา บอกว่านายท่านต้องคำสาป พอนานวันเข้าถึงรู้ว่าไม่ว่าจะผ่านมากี่สิบปีใบหน้าเดิมยังคงหล่อเหลาไม่เปลี่ยนเเปลง เช่นนั้นถึงได้เข้าใจว่าจะให้ใครมาทำหน้าที่นี้ไม่ได้ เเละนายท่านก็เลี้ยงดูคนในตระกูลเขามาหลายชั่วอายุคน
แม้ตกใจเเต่ก็ต้องยอมรับ เพราะเขาเป็นเจ้านายที่ดีคนหนึ่งหาใช่ปีศาจร้าย เเละในเวลานั้นเองมงคลตัดสินใจติดตามรับใช้เจ้านายจนกว่าจะหมดอายุไขเช่นบิดาของเขา
“ทำไมอยู่ ๆ ถึงพูดเรื่องนี้” รชตรู้ดีว่ามงคลมักจะไม่พูดหรือถามอะไรมากเท่าไหร่ เเละก็เป็นพ่อบ้านที่ทำหน้าที่ได้ดี อีกทั้งยังไม่เคยก้าวก่ายหรือถามเรื่องส่วนตัวเขาเลยสักครั้งเดียว
“ผมรู้กฎของนายท่านดี เเต่ทว่านายหญิงเริ่มจะมีคำถามเกี่ยวกับนายท่าน ผมคิดว่าควรจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้เธอฟัง” พ่อบ้านมงคลเข้าใจถึงความหมายนั้นดี เพราะนั่นเป็นกฎที่นายท่านบอกไว้ตั้งเเต่เเรกเเล้ว
ห้ามสงสัย ห้ามถาม หรือพยายามหาคำตอบ
รชตมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้รับรู้ก็ได้ เเละมิราวดีก็ไม่เคยเอ่ยถามถึงสักครั้งเดียว
“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน”
“ห้องครัวครับ เธอบอกว่าอยากลองทำขนมดู”
“เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง นายออกไปก่อนเถอะ”
รชตหันมองภาพวาดครอบครัวของเขา แม้เเต่ตัวเองตอนนี้ก็จำเสียงของบิดามารดาไม่ได้แล้ว เวลาผ่านมานานมากเสียจนเกือบเลือนหายไป
ชายหนุ่มเพียงถอนหายใจและเดินออกจากห้อง ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเขาทำได้เพียงเฝ้ามองคนรอบข้างตายจากไปแบบไม่มีวันสิ้นสุด และเมื่อรู้ว่าโชคชะตาเขากำลังจะจบอีกไม่นานนี้ หัวใจกลับรู้สึกเป็นกังวลมากซะจนทำอะไรไม่ถูก
รชตเดินมาที่ห้องครัว นัยน์ตาคมมองคนที่กำลังทำขนมเค้กอย่างมีความสุข ทั้งที่เทพเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งเขาแล้ว ทว่ากลับรู้สึกว่านี่เป็นคำสาปครั้งสุดท้ายที่สวรรค์กำลังจะมอบให้ก่อนจะตาย
รชตสะบัดความคิดที่อยู่ในหัวทิ้งไป ก่อนเดินเข้าไปหาภรรยาที่กำลังทำขนมเค้กอยู่ในครัว
“คุณกำลังทำอะไร” เขาเอ่ยถามจากทางด้านหลังเธอด้วยน้ำเสียงทุ้ม ทำให้คนที่กำลังเพลิดเพลินกับการทำขนมอยู่ตกใจจนเผลอปัดจานหล่นลงพื้น
“คุณ...เองเหรอคะ” มิราวดีพูดเสียงแผ่วก่อนโน้มตัวหยิบจานที่ตกขึ้นมาขณะที่ชายหนุ่มก็โน้มตัวลงไปหยิบเช่นเดียวกัน
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวกล่าวพลางหยิบจานขึ้นมา ดวงตากลมเหลือบมองร่างสูงใหญ่ด้วยหัวใจสั่นระริก เธอเองรู้สึกตัวมาตลอดว่าหัวใจกำแพงที่กั้นไว้กำลังทลายลง แต่ก็รู้ดีด้วยเช่นกันว่ากำแพงหัวใจเขามันสูงเกินที่เธอจะก้าวเข้าไป
“คุณอยากกินขนมเค้ก ทำไมไม่ซื้อ” รชตถามอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันไม่ได้อยากกินค่ะ แต่อยากทำ” มิราวดีตอบและพูดต่อไป “ฉันทำเกือบเสร็จแล้วค่ะ คุณพ่อบ้านช่วยฉันทำด้วยนะคะ”
“งั้นเหรอ”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
หากชอบฝากกดไลก์ กดแชร์ให้กำลังใจกันได้นะคะ
เรื่องนี้ช่วงเเรก ๆ จะเรื่อย ๆ ค่ะ เป็นเเนวสัมพันธ์พระนาง พอช่วงหลัง ๆ จะออกดราม่าลึกลับหน่อย ๆ ฝากติดตามด้วยน้า