บทที่ 33

ร้านอาหารนอกตัวเมืองที่ขึ้นชื่อของจังหวัด R ในช่วงเย็นมักจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะรับประทานเยอะ นอกจากจะมีอาหารพื้นเมืองแล้วยังมีอาหารหลากหลายประเภทด้วย อวิ่นเยว่นั่งรอหลังจากที่สั่งอาหารไป เขาเหลือบมองและยิ้มออกมาอย่างพึงใจ ถึงเธอจะค้านเสียงแข็งว่าขอไปซื้อร้านอื่นกินเพียงลำพังจะดีกว่าก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว...

‘คุณป้าไม่อยากอยู่ฉลองวันเกิดของอาหยูเหรอ’

ไม่น่าเชื่อที่เธอยอมอยู่...แต่ก็รู้สึกอิจฉาเจ้าลูกชายขึ้นมาเหมือนกัน

ลฎาภายังคงนั่งเกร็งตลอดแม้กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟแล้วก็ยังนั่งนิ่ง อาหารมื้อเย็นนี้ไม่ใช่อาหารพื้นเมืองแต่เป็นอาหารฝรั่งเศส ทั้งโต๊ะและบรรยากาศต่างจากอีกฝั่งที่เป็นโซนอาหารพื้นเมืองมาก

ที่นี่ช่างเงียบสงบและโรแมนติกดีจริง ๆ

‘นี่เรากำลังคิดอะไรกันอยู่แน่ !’

เธอหันมองไปทางอื่นทั้งที่ใบหน้ายังผ่าวร้อนตลอด อีกทั้งเกร็งมากจนไม่สามารถขยับมือได้ตามปกติ ถึงแม้จะเอื้อมมือหยิบช้อนตักอาหารแล้ว แต่เธอก็นั่งนานกว่าจะตักคำแรกเข้าปาก

“คุณป้า...อาหยูให้แคร์รอตนะ” อาหยูขยับตัวตักแครอทในจานของตัวเองให้หญิงสาวจนหมด แล้วส่งยิ้มหวานให้

ลฎาภามองพลางหัวเราะ ไม่ใช่ว่าอยากให้ แต่ไม่ชอบกินแคร์รอตสินะ !

“อาหยูเป็นเด็กต้องกินผักเยอะ ๆ นะ” หญิงสาวพูดพลางฉีกยิ้มแล้วตักคืนให้เด็กชาย

เธอจึงยิ้มเจื่อน ๆ ให้อาหยูที่นั่งทำหน้าไม่พอใจ

โดนเจ้าตัวกลมงอนใส่เข้าให้แล้วสินะ....

หลังจากกินเสร็จแล้ว อวิ่นเยว่และอาหยูก็ต่างไปล้างมือเข้าห้องน้ำ ส่วนเธอเองก็ด้วยเช่นกัน แม้ว่าการมาพักผ่อนของเจ้านายจะทำให้ทั้งรู้สึกสนุก แต่ก็อึดอัดไม่น้อยเหมือนกัน หญิงสาวถอนหายใจขณะที่ส่องมองกระจกก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปในทันที

“เจอกันอีกแล้วนะ” น้ำเสียงคุ้นเคยเอ่ยทักขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ลฎาภาหมุนตัวหันมอง ดวงตากลมเบิกกว้างสั่นระริกด้วยความตกใจ

ลฎาภาหลบสายตาของชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหา

“ธันวา...” หญิงสาวเรียกชื่อเขา เธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอกันเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกอยากเดินหลีกหนีทำเป็นไม่รู้จักดีกว่า

“มาเที่ยวเหรอ” ธันวาเอ่ยถามขณะที่ยิ้มหวานให้

อึดอัด...เธอพยักหน้าตอบแทนการพูดแล้วส่งยิ้ม

“นี่จอม เราแลกเบอร์ไว้ติดต่อกันไหม ?” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งยื่นให้กับเธอลฎาภาลังเลใจที่จะบอกเบอร์แต่ก็ไม่อยากจะใช้เรื่องในอดีตมาเป็นข้ออ้างกับเพื่อนด้วยกัน...ทว่าในใจเธอยังไม่พร้อมที่จะรับเขาเป็นเพื่อนเลยด้วยซ้ำ

หญิงสาวเอื้อมมือจะรับโทรศัพท์ของอีกฝ่าย ทว่ามือของเธอก็ถูกรั้งเอาไว้เสียก่อน

“รอนานไหม ?” อวิ่นเยว่พูดแทรกขึ้นทันที โดยที่ไม่สนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด แม้จะมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนแต่ครั้นหันมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลับเป็นสายตาที่บอกว่า ‘ไสหัวไปซะ’

“คุณเผิง” เธอเรียกเขา

ธันวามองด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นมือของชายหนุ่มยังคงกุมมือของเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“ป๊ะป๋า หม่าม้า อาหยูมาแล้ว” เจ้าตัวกลมเดินเข้ามาแล้วยิ้มให้ทำเหมือนกับว่าไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่พอหันมองผู้ชายแปลกหน้าก็เอ่ยถามขึ้นทันที “คุณตาคนนี้เป็นใครเหรอ”

“เอ่อ...” ธันวาสะอึกพูดไม่ออก นั่นไม่ใช่เพราะคำถามแต่เป็นแววตาของเด็กคนนี้ต่างหาก ที่ต้องการสื่อว่า ‘ออกไปซะ’ เขาไม่คิดว่าหญิงสาวที่เคยเป็นคู่ควงจะมีคนอื่นแล้ว ทั้งที่ถามจากเพื่อนในกลุ่มแล้วว่าตอนนี้เธอยังโสด แล้วผู้ชายกับเด็กคนนี้มาได้ยังไงกัน !

“ไปกันเถอะ” อวิ่นเยว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะลากหญิงสาวเดินตามมา ส่วนอาหยูก็หันมองชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยสายตาไม่ชอบใจแล้วเดินตามไปทันที

ส่วนธันวานั้นได้แต่ยืนอึ้งหัวเสียทำอะไรไม่ถูก

อวิ่นเยว่ยอมปล่อยมือเธอเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ เขาหันหน้าหนีโดยไม่ปริปากพูดสักคำ ในตอนนี้รู้สึกสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปอย่างสิ้นเชิง

“กลับกันเถอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดเบา ๆ เงยหน้าขึ้นขณะที่อวิ่นเยว่หันมอง

เธอยิ้มให้กับเขา...ตึก...ตึก...เสียงการเต้นของหัวใจที่ยังคงอยู่ นับวันยิ่งพองขึ้นจนควบคุมไม่ได้ อวิ่นเยว่หันหน้าหนีเพราะอายที่จะต้องให้เธอเห็น

“อืม”

“ป๊ะป๋า อาหยูอยากไปเที่ยวต่อ” อาหยูพูดแทรกขึ้นทำลายความเงียบ เด็กชายส่งยิ้มไร้เดียงสาให้แล้วพูดต่อไปว่า “ได้ไหม ?”โปรดติดตามตอนต่อไป...หากใครเพิ่มเข้ามาอ่านสามารถกดเข้าที่โปรไฟล์นักเขียนเพื่ออ่านตอนเก่าๆ ย้อนหลังได้เลยนะคะ หรือพิมพ์ค้นหาชื่อเรื่อง"หนีรักมาพบคุณ"ก็ได้ค่ะขอบพระคุณที่ติดตามเเละสนับสนุนนะคะ หากใครต้องการให้กำลังใจสนับสนุนนักเขียนในรูปแบบ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สามารถ พิมพ์ค้นหาชื่อเรื่อง"หนีรักมาพบคุณ"ในGoogleได้เลยค่ะขอบพระคุณที่สนับสนุนผลงานนะคะMamaya Writer

รูปภาพ: