บทที่ 30
“นั่นมันเป็นสิ่งที่นายต้องการจริง ๆ งั้นเหรอ”
“นายกำลังพูดอะไร ที่ฉันทำก็กำลังให้ความรักเธอ ไม่เหมือนในอดีตที่ฉันไม่เคยให้ความรักเธอเลย” รชตพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นั่นเป็นความจริงที่เขาเฝ้ารอและตามหาหญิงสาวมาตลอด แค่ทำให้เธอรักเขาได้ก็น่าจะพอแล้ว
เป็นมนุษย์ที่ช่างเข้าใจยากเสียจริงอาโปคิดในใจ
“เอาเถอะ ฉันไม่อยากจะเสวนากับนายล่ะ” อาโปถอนหายใจอย่างหน่าย ๆ กับความหัวแข็งไม่ยอมรับความจริงของอีกฝ่าย แม้แต่ตัวเขาที่เป็นเทพเจ้าเองก็ไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้เกี่ยวกับการแก้คำสาป ต่อให้พยายามลองไปถามเทพเจ้าองค์อื่นที่อยู่มานานกว่าก็ได้คำตอบที่ไม่อยากจะหาต่อ
‘เช่นนั้นเจ้าต้องไปนรกถามไถ่เทพเจ้าแห่งความตายเสียแล้ว ข้ามิอาจช่วยเจ้าหาคำตอบได้’
ก็นะ เกี่ยวกับการมีชีวิตผิดปกติของมนุษย์ การไปเยือนที่นั่นอาจจะเป็นการหาคำตอบที่เร็วที่สุด ‘อาโป’ นั้นไม่ใช่นามจริงของเทพเจ้าเช่นเขา และตัวเขาที่เป็นเทพเจ้าเล็ก ๆ ก็ไม่คิดที่จะค้นหาคำตอบต่อ
หากโชคชะตากำลังเวียนให้จบลง ในอีกไม่ช้าก็คงรู้ว่าการแก้คำสาปจะเป็นไปในทิศทางใดต่อ
“จริงสิ ป่านนี้ขนมเค้กคงใกล้เสร็จแล้ว” เจ้าไก่ตัวสีขาวโพล่งขึ้นด้วยท่าทางอยากกินเต็มที ทว่ารชตมองด้วยสายตาขุ่นเคือง
“นั่นมันสำหรับฉัน” เขาพูดแย้งขึ้น
“อ้าวเหรอ ฉันเห็นนายบอกว่าไม่ชอบ จ๊าก !”
ยังพูดไม่ทันจบชายหนุ่มเดินเข้ามาแล้วคว้าคอไก่ก่อนเหวี่ยงลงถังขยะใกล้มือทันที
รชตมองไก่ตัวสีขาวที่ดิ้นอยู่ในถังขยะพลางหัวเราะแสยะยิ้มออกมาด้วยความสะใจ ก่อนเดินออกจากห้องไปแล้วกลับไปยังห้องครัวอีกครั้ง ทิ้งให้ท่านเทพร้องแหกปากจนกระทั่งพ่อบ้านมงคลเดินเข้ามานำออกจากถังขยะพาไปไว้ที่โซฟา
“ให้ตายสิ เจ้านั่นมันบ้าชัด ๆ”
อาโปพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองขณะที่ถูกช่วยขึ้นมา
“นายท่านคงอารมณ์ไม่ดีครับ”
“หมอนั่นมันบ้า !”
พ่อบ้านมงคลยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องมา อาโปได้แต่มองแล้วถอนหายใจไม่คิดว่าอารมณ์ของมนุษย์ที่รู้สึกหึงหวงจะรุนแรงขนาดนี้
หลงรักก็ไม่ยอมรับความจริง อยากรู้นักว่าจะปากแข็งไปได้นานแค่ไหนกันเชียว !
มิราวดีไม่เข้าใจกับอารมณ์แปรปรวนของชายหนุ่มแต่เธอก็พยายามไม่ใส่ใจหรือคิดมากไป หลังจากทำเค้กเสร็จแล้วก็นำขนมเค้กขึ้นมาให้ตามที่บอก เธอเคาะประตูห้องก่อนจะเดินเข้าไปเห็นรชตทำสีหน้าอารมณ์ดีต่างจากก่อนหน้านี้ที่นิ่งจนแอบหวั่นใจ
หญิงสาววางขนมเค้กไว้และเตรียมเดินออกไปเงียบ ๆ โดยที่ไม่ ปริปากรบกวนเขาที่นั่งอ่านเอกสารผ่านหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ครั้นพอจะเปิดประตูออกจากห้องไปมือของอีกฝ่ายก็ดึงรั้งไว้ เธอไม่ทันรู้ตัวหรือได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาหาเลยด้วยซ้ำ
“มะ...มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คุณห้ามอาบน้ำกับเจ้านั่นอีก” เขาสั่ง
“อาบน้ำกับใครคะ”
มิราวดีงุนงงแล้วหันหน้าไปถามโดยที่ไม่รู้ว่าใบหน้าของเขาห่างจากใบหน้าเธอไม่ถึงคืบ ดวงตากลมกลอกมองแล้วรีบเบี่ยงหลบในทันที
“แต่ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านั้นที่คุณเคยเปิดแชร์บ้าน คุณให้ฉันอาบน้ำให้อาโปไม่ใช่เหรอคะ คุณคงรักไก่ตัวนี้มากสินะคะ”
รักสีหน้าของรชตทำท่าทางขยะแขยงราวกับต้องการบอกว่า เอาไปทิ้งได้ยิ่งดี !
“ห้ามเด็ดขาด”
“แต่ก็แค่สัตว์เลี้ยง” มิราวดีรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้พาอาโปเข้าไปอาบน้ำด้วยอีก ดูจากสีหน้าชายหนุ่ม เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องโกรธเธอมากมายขนาดนั้น หรือว่าเขารักไก่ตัวนี้มากจนไม่ยอมให้เธอมาแตะต้อง
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไม่ยุ่งของรักของคุณเด็ดขาดค่ะ”
ดูเหมือนว่าความหมายที่สื่อออกไปจะผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง รชตแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเสียศูนย์กับการเผชิญหน้าเธอ
ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับพลางถอนหายใจออกมาก่อนส่งสายตามองคนตัวเล็กที่ทำตัวไม่ถูก
“คุณอยากมีเพื่อนตอนอาบน้ำใช่ไหม”
“คะ” มิราวดีสบตามองและก็พยักหน้ายิ้มพลางพูดต่อไปว่า “ค่ะ ก็
รู้สึกสบายใจดีนี่คะ”
“งั้น ถ้าวันไหนคุณต้องการเพื่อนอาบน้ำก็บอกผม ผมจะเข้าไปอาบน้ำด้วย”
“คะ คุณ ! กำลังพูดเรื่องอะไรคะ” เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ก็คุณอยากได้เพื่อนอาบน้ำไม่ใช่เหรอ ให้ผมที่เป็นสามีไปอาบด้วยจะได้รู้สึกสบายใจ”
“เอ่อ ไม่ค่ะ ฉันอาบคนเดียวได้ค่ะ” มิราวดีหลบสายตาด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก ไม่รู้เหตุผลแต่คำพูดชวนใจสั่นของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกหลงรักผู้ชายตรงหน้าจริง ๆ ทว่ากำแพงที่เขาสร้างขึ้นมามันสูงเกินไป
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ”
รชตยังไม่ยอมปล่อย เขาสบตามองด้วยหัวใจว้าวุ่นราวกับต้องการหา
คำตอบ ความผูกพันในอดีตไม่เคยมีด้วยซ้ำไป คราวแรกอยู่ใกล้เพื่อหวังประโยชน์จากการแก้คำสาป ทว่าเวลานี้มันยิ่งทำให้หัวใจเขากลับไม่เป็นสุข
“คุณมีอะไรอยากจะพูดกับฉันอีกไหมคะ”
“ไม่มี”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
คุณเทียดดดดด หึงก็ไม่บอกมาทำร้านน้องไก่ได้อย่างไรรรรรรรร
555555555555555+