กาลครั้งหนึ่ง... เมื่อการเป็นผู้ใหญ่มันน่าเบื่อ ถึงเวลาแล้วที่เราจะแบ่งเวลาสักนิดเพื่อใช้ชีวิตให้' ยังเป็นเด็ก 'บทความที่จะพาทุกคนไปฉุกคิด นึกถึงเรื่องราวเล็กๆ ฉบับคนไม่รู้จักโต :]

☁   ☁   ☁   ☁   ☁

♪♫ฉันมีความฝัน ฝันอันยิ่งใหญ่~♪♫

ทุกคนคงเข้าใจกันดีว่า‘ ความฝัน ’ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง การเห็นเรื่องราวในขณะที่หลับ แต่เราหมายถึง‘ ความใฝ่ฝัน ’หรือความคิดอยากได้ซึ่งคนแต่ละคนก็ล้วนมีความฝันที่แตกต่างกันออกไปบางคนฝันอยากก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน บางคนฝันอยากจะมีกำลังทรัพย์เพียงพอเพื่อดูแลคนที่รักให้อยู่สุขสบาย หรือบางคนก็ฝันอยากเป็นคนๆ นึงที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขซึ่งไม่ว่าฝันนั้นจะเป็นฝันในรูปแบบใดแต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นความปรารถนาแล้ว ใครหลายคน ( รวมถึงตัวเราเอง ) ก็พร้อมที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มา

ตอนยังเป็นเด็ก...เราอยากเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากเป็นคุณหมอรักษาผู้คน นักบินอวกาศ มหาเศรษฐี นักร้องนักแสดง หรือแม้กระทั่งนางเงือก #part-of-that-worldแต่เมื่อเราโตขึ้น เราค้นพบว่าโลกความเป็นจริงกลับไม่ง่ายอย่างนั้น และข้อจำกัดมีมากมายเกินกว่าที่เราคาดคิดไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นจากตัวเอง จากฐานะทางการเงินของครอบครัว หรือข้อจำกัดที่เกิดขึ้นจากค่านิยมและระบบในสังคมจากความรู้สึกสนุกที่ได้นึกถึงความใฝ่ฝัน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นความรู้สึกหมดหวังแทนไม่น่าแปลกใจเลยที่ปัจจุบันเราจะเห็นคนมากมายที่รู้สึกท้อแท้ และเหนื่อยหน่ายกับการตามความฝัน#คนมันเบิร์นเอาต์ต่อให้เหมาไฟแช็กหมดโรงงานก็จุดไม่ติด

ในฐานะที่เราเองก็เป็นดรีมเมอร์คนนึง ที่กำลังต่อสู้และเดินตามเส้นทางที่ตัวเองเลือกอยู่เหมือนกัน เราเข้าใจดีว่าการตั้งใจทำอะไรสักอย่างมันต้องอาศัยทั้งพลังกายและพลังใจลำพังเพียงพลังกายเราก็ยังสามารถหยุดพักเพื่อชาร์จแบตให้ร่างกายตัวเองได้ แต่พลังใจที่เสียไปกับอุปสรรคและข้อจำกัดต่างๆ นี่สิ ที่มักจะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ความฝันไม่ใช่เรื่องสนุกของเราอีกต่อไปเพราะอย่างนั้นเราเลยอยากมาเติมพลังใจ พร้อมบอก 3 วิธีที่จะทำให้เธอกลายเป็นดรีมเมอร์ที่มีความสุขกับการทำตามฝันได้ แม้โลกแห่งความเป็นจริงจะโหดร้ายมากแค่ไหนก็ตาม

รูปภาพ:

“ Accept the Truth and Move on "การหนีความจริงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แต่การยอมรับความจริงต่างหากที่จะทำให้เราเข้าใจและลุกขึ้นเดินต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง

#SadButTrueเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เราต้องยอมรับความเป็นจริงให้ได้ว่า การมีแค่แพชชั่น หรือความชอบอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอทำให้ฝันกลายเป็นจริง เพราะปัจจัยในการประสบความสำเร็จมีมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นกำลังทรัพย์ซึ่งถือปัจจัยหลักที่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นสิ่งสำคัญเหมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ไปเสียแล้ว อย่างที่ทุกคนรู้กันดี ไม่ว่าจะทำอะไร เราก็จำเป็นต้องใช้เงินทั้งนั้น...จริงไหม?

ปัจจัยต่อมาคือ‘ คอนเนกชันหรือภาษาบ๊านบ้านที่เรียกกันว่า คนมีเส้น#ไม่ใช่เส้นก๋วยเตี๋ยวแต่หมายถึงเส้นสายที่เขาว่ากันว่า ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี หากให้พูดกันตามตรงมันก็เป็นอีกหนึ่งความจริงที่ดูไม่เป็นธรรมเอาซะเลยนะ แต่ก็ปฎิเสธได้ยากว่าการมีเครือข่ายความสัมพันธ์กับผู้อื่นถือเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเติบโตไปได้ไกลมากขึ้นจริงๆ

และปัจจัยสุดท้าย คือสิ่งที่เรียกว่า‘ จังหวะและโอกาสที่ใช่เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น เราเลยจะขอยกตัวอย่างผ่านเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนนึงเธอเป็นศิลปินชาวเกาหลีใต้ที่ได้รับฉายาว่า “ น้องสาวแห่งชาติ ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ“ IU ”หลายคนคงรู้จักไอยูในฐานะศิลปินเดี่ยวที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในเส้นทางการเป็นศิลปิน แต่เบื้องหลังใครจะรู้ว่ากว่าไอยูจะมาเป็นเจ้าแม่ดิจิทัลชาร์ต ที่ไม่ว่าจะออกซิงเกิ้ลหรืออัลบั้มเมื่อไหร่ก็มักจะกลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตอยู่เสมอเหมือนอย่างในทุกวันนี้ เธอต้องผ่านความลำบากในวัยเด็ก และความล้มเหลวจากการออดิชั่นมาไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง จนในที่สุดโอกาสก็เข้ามาหาเธอด้วยการได้เข้าเป็นเด็กฝึกและเดบิวต์เป็นศิลปินของค่าย Loen Entertainment

อย่างไรก็ตามแม้ไอยูจะได้รับโอกาสที่ดีแล้ว แต่เธอก็ยังจำเป็นต้องรอคอยจังหวะที่ใช่ด้วยเช่นกันเพราะการปล่อยเพลงในครั้งแรก หรือเพลงเดบิวต์นั้นกลับไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานเพลงดีๆ ต่อไป จนในที่สุด 2 ปีต่อมาจังหวะที่ใช่ก็มาถึง ด้วยเสียงอันทรงพลังและความน่ารักของไอยูในเพลง Good Day จึงทำให้เธอสามารถขโมยหัวใจของชาวเกาหลีใต้ทุกเพศทุกวัยทั่วประเทศไปได้ รวมถึงเพลงดังกล่าวยังสามารถสร้างรายได้มหาศาลอีกด้วย#นี่แหละถึงได้บอกว่าโอกาสที่ดีต้องมาคู่กับจังหวะที่ใช่

มาถึงตรงนี้บางคนอาจจะคิดว่า ถ้ามันจะมีข้อจำกัดมากมายขนาดนี้ เราเลิกฝันไปซะคงดีกว่า...ใจเย็นก่อนนะ เราอยากบอกว่าการรู้ทันความจริงตั้งแต่เนิ่นๆ นี่แหละคือสิ่งที่ดีแล้ว เราจะได้เตรียมตัวเพื่อหาทางรับมือกับอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นได้และการหนีความจริงก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ในทางกลับกันการเผชิญหน้า ยอมรับความจริงต่างหาก ที่จะทำให้เธอก้าวเดินต่อได้อย่างเข้มแข็งและสนุกไปกับมัน#รู้ไว้ให้เตรียมตัวไม่ใช่เพื่อบั่นทอน

รูปภาพ:

“ Be Kind to Yourself "แค่รู้จักให้อภัยและรู้เท่าทันตัวเองอยู่เสมอ เธอก็เก่งมากแล้วจงอนุญาตและกอดปลอบตัวเองในวันที่หมดแรง

เวลามีคนบอกว่า “ อย่าท้อนะ ” เคยไหมที่บางครั้งเธอเถียงอยู่ในใจ“ทำไมล่ะ ท้อไม่ได้เหรอ แต่ฉันเหนื่อยมากเลยนะ” ?

ในมุมมองส่วนตัว เราคิดว่าที่ใครหลายคน“ ไม่กล้าท้อ ”อาจเป็นเพราะทัศนคติที่ฝังรากลึกว่า ท้อ = ล้มเหลวและในบริบทการพูด ผู้คนก็มักจะจัดให้คำว่าท้ออยู่ในหมวดของคำที่มีความหมายในแง่ลบเป็นคำที่มีความหมายในเชิงว่า “ คนๆ นั้นมีความคิดที่จะล้มเลิกในสิ่งที่ตนกำลังพยายามทำอยู่ ” ดังนั้นจึงกลายเป็นความเข้าใจไปว่า ท้อแล้วไม่คูล ฉันต้องสู้ฉันต้องไม่ยอมแพ้ถึงจะดี! ก็แหม#ฉันไม่อยากเป็นลูซเซอร์ในสายตาใครโดยเฉพาะสายตาตัวเอง

มีช่วงนึงที่เรานึกสงสัยว่าการรู้สึกท้อ มันผิดไหม? ถ้ารู้สึกท้อจะดูไม่ดีหรือเปล่า?จนสุดท้ายก็ได้คำตอบจากประสบการณ์ของตัวเอง เราค้นพบว่า ความรู้สึกท้อสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ถ้าเรารู้สึกเหนื่อยล้าจากการพยายามทำอะไรสักอย่าง แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง และที่สำคัญมันไม่ได้แปลว่าเราล้มเหลว มันไม่ได้แปลว่าเราจะไม่สามารถลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ แล้วถามว่าความท้อเกี่ยวข้องกับการทำตามความฝันยังไง เราบอกเลยนะ ไม่ว่าเธอจะเลือกเดินไปในเส้นทางไหนทุกเส้นทางล้วนแต่มีอุปสรรคและความยากเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นหากเธออยากจะสนุกกับการตามฝันล่ะก็ เธอต้องกล้าท้อและหมั่นรู้เท่าทันตัวเองให้มากควรรู้ว่าตอนนี้เรากำลังรู้สึกอะไร เราต้องการอะไร และเราจะทำอย่างไรต่อไป

ถ้าวันไหนเธอท้อและต้องการที่จะพักเราอยากให้เธออนุญาตให้ตัวเองท้อและหยุดพักได้โดยไม่ต้องรู้สึกแย่

ถ้าวันไหนเธออยากร้องไห้เราอยากให้เธอไม่อายที่จะระบายมันออกมา เพราะน้ำตาไม่ใช่สัญลักษณ์ของความอ่อนแอ

และถ้าวันไหนเธอรู้สึกผิดหวังหรือทำผิดพลาดไปเราอยากให้เธอกอดตัวเองแล้วบอกว่า “ ไม่เป็นไร คนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ”

และไม่ว่าเธอจะเจออุปสรรคใดๆ เราอยากให้เธอใจดีกับตัวเองมากๆแค่ลำพังชีวิตก็โหดร้ายกับเรามากพอแล้ว อย่าใจร้ายกับตัวเองนักเลย

เหนื่อยก็พัก แล้วค่อยกลับมาสู้ใหม่ในวันที่พร้อมเธอจะสบายใจและรู้สึกสนุกกับการทำตามความฝันมากขึ้น

รูปภาพ:

“ Just Believe in Your Dream “หากเธอรู้สึกหมดหวังและหยุดเดินตามความฝัน ความฝันนั้นจะค่อยๆ เลือนลางจนจางหายไปแต่ในทางกลับกันหากเธอยังคงมีความหวัง ไม่ว่ายังไงฝันนั้นจะยังเป็นของเธอ

อย่างที่เราบอกไป มันไม่เป็นไรและเป็นธรรมดามากถ้าเราจะรู้สึกท้อหรือเหนื่อยล้า เราสามารถหยุดพักได้ตามที่เราต้องการแต่สิ่งนึงที่เราอยากให้เธอท่องไว้“ ไม่มีใครพรากความฝันไปจากเธอได้ ยกเว้นแต่ว่าเธอจะทิ้งมันไปเสียเอง ”เพราะอย่างนั้นถ้าเธออยากประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจจริงๆ มันก็ไม่มีทางอื่นเลยที่จะทำให้ฝันเป็นจริงได้นอกจาก“ ต้องลงมือทำต่อไป “ก็เท่านั้นส่วนตัวเราเองจะมีอยู่ 2 ประโยคที่เหมือนเป็นคติประจำใจ ใช้เตือนตัวเองตลอด เวลาที่ต้องการพลังใจ

ประโยคแรกเราได้มาจากหนึ่งในเพื่อนสนิทคือ“ อย่าลืมความรู้สึกแรกที่เริ่มฝัน ในเมื่อเริ่มต้นเพราะสนุกที่ได้ทำ ก็ควรทำต่อไปด้วยความสนุกเช่นกัน ”

กับประโยคที่สองที่เพิ่งได้มาจากคุณแม่เมื่อไม่นานมานี้คือ“ อยากให้มีความสุขกับสิ่งที่ทำมากกว่าการคาดหวังกับผลลัพธ์ ”

จะสังเกตได้ว่าทั้งสองประโยคมีส่วนคล้ายกันตรงที่ใช้“ ความสุข ”เป็นตัวตั้ง คำนึงถึงความสุขส่วนตัวก่อนสิ่งอื่น มันก็จริงอยู่ที่สุดทางนั้นคือเป้าหมาย แต่ต้องไม่ลืมด้วยว่าระหว่างทางก็สวยงามและสำคัญไม่แพ้กัน ระหว่างทางหากเธอจะท้อก็ท้อได้เลยเต็มที่ แต่อย่าหมดหวังหรือทอดทิ้งความฝันของตัวเองเลยนะ

เชื่อมั่นในความฝัน ไปพร้อมกับเชื่อมั่นในตัวเอง

☁   ☁   ☁   ☁   ☁

ความฝันจะยังคงเป็นของเรา ตราบเท่าที่เรายังมีความหวัง ขอให้สนุกไปกับมัน เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำอย่างเต็มที่แล้วหากจนแล้วจนรอด ฝันไม่เป็นจริง แม้จะรู้สึกเสียใจแต่เราจะไม่เสียดายแน่นอน เพราะเมื่อมองย้อนกลับไป เราจะพบว่า เราเดินมาไกลกว่าวันแรกที่เริ่มฝันมากๆ ในวันนั้นฝันอาจเป็นเพียงแค่ความคิดความปรารถนาที่อยู่ในหัว แต่วันนี้สิ...เราได้พยายามลงมือทำจริงๆ แล้ว

เราหวังว่าผู้อ่านทุกคนก็จะสนุกกับเส้นทางของตัวเองด้วยเช่นกัน พยายามให้ถึงที่สุดไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง เธอก็สุดยอดมากๆ แล้ว เราอยากให้เธอรู้ว่าเธอเป็นคนเก่งนะ ขนาดเราเป็นใครไม่รู้เรายังเชื่อในตัวเธอเลย เธอสนิทกับตัวเองมากกว่าเราอีกเธอก็ต้องเชื่อในตัวเองด้วยนะ เราขอเป็นกำลังใจให้

#สู้เขาชาวดรีมเมอร์ :)

☁   ☁   ☁   ☁   ☁

Designer :namoodongWriter :yes_iamfaeng