Chapter 33
“ชอบมากค่ะ”
“ผมขอโทษที่ไม่ได้ถามความเห็นของคุณก่อน”
มิราวดีหันมองชายหนุ่มด้วยแววตาใส
“ไม่ค่ะ คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าจะจัดการให้นี่คะ และฉันก็ชอบที่นี่มากด้วย”
รชตยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ พลางเอื้อมมือสัมผัสใบหน้าของ หญิงสาว ครั้นส่งสายตามองนานเท่าไรหัวใจและความรู้สึกที่อยู่ในอกก็แทบทะลักออกมา แม้รู้ดีว่าความสับสนนี้ไม่ควรเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว
ฝ่ามืออุ่นสัมผัสใบหน้ายิ่งทำให้แก้มทั้งสองข้างของมิราวดีผ่าวร้อนมากขึ้น จะให้ตัดใจและสร้างกำแพงที่เริ่มทลายลงใหม่อีกครั้งก็คงยาก เธอก้มหน้าลงรับสัมผัสที่อ่อนโยนทำให้หัวใจระทวยยิ่งกว่าเดิม
ชายหนุ่มใช้มือเชยคางของภรรยาขึ้นให้สบตา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากจะครอบครองหัวใจและร่างกายของเธอ ยิ่งพยายามหลีกหนีมากแค่ไหน กลับกลายเป็นว่าหัวใจนั้นเรียกร้องหามากเท่านั้น เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้จน ลมหายใจสัมผัสผิวแก้ม ดวงตากะพริบมองด้วยความตกใจและรีบเบี่ยงหน้าหลบอย่างรวดเร็ว
รชตมองด้วยแววตาสับสนและผิดหวังที่ถูกปฏิเสธ เขาขยับตัวออกห่างมองภรรยาที่ก้มหน้าอยู่ หรือเพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย
“ขอโทษค่ะ” มิราวดีพูด เพราะการจู่โจมที่รวดเร็วไม่ทันตั้งตัวทำให้เผลอหลบ
“ผมเข้าใจ” เขายิ้มให้ ถึงจะพูดว่าเข้าใจแต่นั่นเป็นน้ำเสียงที่แสดงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจนจนมิราวดีรู้สึกได้
“คุณอยากอาบน้ำก่อนไหม แล้วเราไปหามื้อเย็นกินกัน”
“ค่ะ” เธอขานตอบและมองรชตเดินเข้าไปในห้อง
มิราวดีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นั่นดีแล้วสำหรับเธอเพราะหากเกินเลยมากกว่านี้ คงต้องเจ็บปวดหากวันใดมาถึงจุดที่ต้องแยกจากกัน ถึงจะไม่เคยคาดหวังแต่แรก ทว่านับวันกลับไม่ใช่สักนิด ความอบอุ่นและอ่อนโยนทำให้หลงรัก ช่างเจ็บปวดเหลือเกินเมื่อได้อยู่ใกล้เขาแบบนี้แต่กลับไม่อาจพูดความรู้สึกออกมาได้ มันไม่ต่างจากการไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยสักนิด
สองเท้าก้าวตามไปหวังจะเรียกชายหนุ่ม แต่เขาก็หันมาพอดี
“เอ่อ คุณ...” เธอพูดไม่ออกพออยู่ต่อหน้าเขา
“คุณมีอะไรหรือเปล่า”
มิราวดีไม่กล้าพูดครั้นสบตามองเขาแล้วกลับยิ่งกลัวคำตอบที่จะได้รับ“เอ่อ...ฉันก็แค่จะถามว่า มื้อเย็นเราไปกินอาหารทะเลกันไหมคะ”“ได้สิ งั้นผมจะจองร้านให้นะ หรือคุณมีร้านที่อยากไปไหม”“ให้คุณจัดการเลยค่ะ คือฉันคิดว่าถ้าฉันจองคงไม่ได้กินเย็นนี้แน่ ๆ” เธอพูดกลบเกลื่อนแล้วหัวเราะให้เขาก่อนจะเดินมายืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม“ขอบคุณนะคะ”รชตมองคนตัวเล็กที่พูดจบและเดินหนีหายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้า เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข โดยที่ไม่ใช่รอยยิ้มฝืนแบบที่ผ่านมา
ยามพระอาทิตย์อัสดง ณ ร้านอาหารทะเลติดกับชายหาดประดับด้วยแสงไฟอโรมาจัดวางตามทางเดินสร้างบรรยากาศโรเเมนติกให้ผู้คนเดินเข้าออกร้านจนโต๊ะอาหารเเทบทุกโต๊ะมีคนจับจองไว้แล้ว
รชตใช้ความสามารถในการจองร้านนี้ได้อย่างง่ายดายเพียงจ่ายเงินราคาพิเศษเพื่อให้ได้มา
“คุณจองร้านนี้ได้ยังไงคะ”
มิราวดีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเเปลกใจ เพราะร้านนี้ออกรายการบ่อยเเละมีคนดังรีวิวความอร่อย รวมทั้งก่อนมาก็ต้องจองล่วงหน้าด้วย
“ผมมีวิธี” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “แล้วคุณชอบไหม”
“ชอบค่ะ” เธอมีน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตากลมกะพริบมองสำรวจบรรยากาศโดยรอบเมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่จองไว้ ก่อนหันไปถามเขา
“วิธีที่คุณจองคือใช้เงินอีกใช่ไหมคะ”
“ใช่”
“ความจริงไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองก็ได้นะคะ” เธอถอนหายใจ
“ผมมีเงินเยอะเเละเหลือใช้มาก แค่นี้ไม่ทำให้ผมจนหรอก”
มิราวดีมองหน้ารชตพลางถอนหายใจออกมา
เขาเป็นผู้ชายที่ใช้เงินแก้ไขได้ทุกสถานการณ์จริง ๆ
“แต่มันก็…”
“ผมกับคุณมาฮันนีมูนนะ”
รชตเกริ่นขึ้นพลางเดินเข้ามาหาหญิงสาว
“แล้วจะให้คุณพลาดช่วงเวลาดี ๆ ไปได้ยังไงกัน”
เพราะน้ำเสียงและการกระทำที่อบอุ่นของเขา ทำให้มิราวดีตกหลุมรักอย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้จะรู้ดีว่าบางทีอาจจะไม่มีวันเป็นไปได้ด้วยซ้ำที่จะคาดหวังความรักจากสามีนิตินัย
“ขอบคุณนะคะ”
“ผมสั่งอาหารไว้แล้ว คุณอยากกินอะไรเพิ่มอีกไหม” รชตพูดพลางเดินเข้ามาขยับโต๊ะให้หญิงสาวนั่งลง
“ไม่ค่ะ” มิราวดียิ้มหวานให้ชายหนุ่มก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ รชตนั่งมองภรรยากินอย่างมีความสุข ความรู้สึกโดดเดี่ยวในใจที่มีมาหลายร้อยปีค่อย ๆ เลือนรางไป เขารู้ตัวดีว่านั่นไม่ใช่เพียงการทำให้เธอรักเขาเท่านั้น แต่สิ่งที่เขากำลัง เพราะได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้แล้วนั่นเอง
“ที่รัก” หญิงสาวสะดุ้งและเงยหน้าขึ้นมอง
“คะ คุณเรียกฉันเหรอคะ”
“ใช่”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คุณเคยถามใช่ไหม เพราะอะไรผมถึงขอคุณแต่งงาน”
มิราวดีสบตามองเขาด้วยความหวาดหวั่นใจ
“ใช่ค่ะ ฉันเคยถาม” ทว่าตอนนี้ก็ไม่มั่นใจแล้วว่าอยากจะฟังคำตอบด้วยหูทั้งสองข้างนี้หรือเปล่า “ตอนนี้ฉันไม่ได้สงสัยแล้วนะคะ คือ...ฉัน”
รชตมั่นใจในความรู้สึกที่เป็นอยู่นี้มานาน ความโดดเดี่ยวในช่วงเวลาที่ยาวนานทำให้โลกทั้งใบกลายเป็นสีเทา เขาไม่เคยคิดว่า...การแต่งงานเพื่อแก้คำสาปนี้จะเติมสีใหม่เข้ามาในชีวิต
“ที่ผมแต่งงานกับคุณ เพราะคุณทำให้ช่วงเวลาที่โดดเดี่ยวตลอดชีวิตของผมหายไป”
นั่นคือคำตอบของเขา ถึงแม้จะไม่ใช่คำบอกรักที่คาดหวัง ทว่ามิราวดีรู้ตัวดีว่า คำพูดจากปากเขานั้นได้ทลายกำแพงหัวใจทั้งหมดลง
จบบทที่ 10 ในฉบับเล่มกระดาษเเละอีบุ๊กนะคะ
อัปในเว็บจะซอยตอนให้พอดีโดยเฉลี่ยประมาณ 1300-1800 คำค่ะ
ฝากสนับสนุนผลงานด้วยนะคะขอบคุณมาก ๆ ค่ะ