ช่วงนี้กระแสเรื่องกันแดดมาแรงมากเวอร์ หันไปทางไหนก็เจอคนพูดกันเต็มโซเชียลไปหม้ด แล้วทุกคนรู้ไหมคะว่ากันแดดเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากกกกกกกกกกกกที่ทุกคนต้องทาเลยค่ะ ไม่ว่าจะเพศไหน วัยไหนควรทาทุกคนเลย เพราะรังสีต่าง ๆ ที่คอยทำร้ายผิวสวย ๆ ของเรามีอยู่รอบตัวไม่ใช่แค่เพียงแสงแดดนะคะ แสงไฟต่าง ๆ ก็ทำให้ผิวของเราเสียเหมือนกัน ใครว่าอยู่ที่ร่มแล้วเราไม่ต้องทากันแดดบอกเลยว่าไม่จริงเด้อ ต้องทาเด้อ รู้แบบนี้แล้วทุกคนเริ่มอยากหาซื้อครีมกันแดดมาใช้แล้วละสิ แต่ ๆ ก่อนจะไปซื้อครีมกันแดด เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่ากันแดดมีแบบไหนบ้าง มีกี่ประเภท มีเนื้อแบบไหน แล้วถ้าจะเลือกซื้อต้องคำนึงถึงอะไรบอกเลยว่าเรื่องพวกนี้ก็สำคัญนะเออ รู้ก่อนซื้อก่อนใช้ยังไงก็เวิร์คกว่าเอาล่ะ! พร้อมรึยังเอ่ย? ถ้าพร้อมแล้วก็มาส่องกันเล้ยยย ♥
☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀
กันแดดมีกี่ประเภทกันนะ?
กันแดดที่เราทา ๆ กันเนี่ยมีประเภทด้วยนะคะทุกคนปัจจุบันก็มีกันถึง 3 ประเภทเลย ซึ่งก็จะมี ...1.กันแดดแบบเคมี ( Chemical Sunscreen ): เคมิคอลจะเป็นกันแดดที่มีสารดูดซับรังสี UV ( Ultraviolet ) จากแสงแดด แล้วเจ้าสารนั้นจะเปลี่ยนยูวีให้เป็นพลังงานความร้อนที่สลายหายไปก่อนที่จะลงไปทำอันตรายต่อผิวเรานั่นเอง

2.
กันแดดแบบกายภาพ ( Physical Sunscreen )
: ฟิสิคอลจะเป็นกันแดดที่ทำการบล็อก ( Block ) หรือ
กีดกันรังสียูวีด้วยการสะท้อนกลับ
ก่อนที่รังสียูวีผ่านเข้าสู่ผิวของเรานั่นเอง
3.
กันแดดแบบผสม ( Chemical-Physical sunscreen )
: เป็นแบบผสมทั้งเคมิคอล + ฟิสิคอลเข้าด้วยกัน พูดง่าย ๆ ก็คือ
ตัวนึงจะมาช่วยปิดจุดด้อยของอีกตัว
นั่นเองค่า

วิธีเลือกกันแดดตามประเภท Physical กับ Chemical แบบใดเหมาะกับผิว | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/94190
แล้วข้อดี - ข้อเสียของแต่ละประเภทมีอะไรบ้างอะ?
อ่านข้อด้านบนแล้วก็ต้องสงสัยใช่ม้าว่าข้อดีข้อเสียมันต่างกันยังไง เราจะสรุปง่าย ๆ ให้ตามนี้เล้ย
1.กันแดดแบบเคมี ( Chemical Sunscreen ): ตัวนี้จะเนื้อบางเบาทาง่าย ไม่วอกแต่มีความเหนอะหนะนิดหน่อย ทาเสร็จแล้วต้องรอ 15 - 20 นาทีก่อนออกแดด ด้วยความที่มีสารเคมีประกอบเลยเสี่ยงแพ้หรือระคายเคืองได้ง่ายกว่า แต่ราคาเจ้าแบบเคมีจะเบากว่าหรือถูกกว่าแบบกายภาพนะเออ

2.
กันแดดแบบกายภาพ ( Physical Sunscreen )
: ตัวนี้
ทาปุ๊บออกแดดได้ทันที
เลยค่ะ
มี UVA / UVB โอกาสระคายเคืองน้อย
และก็ยังอุดตันได้น้อยด้วย แต่ข้อเสียก็คือทาแล้วอาจจะวอกได้ง่าย หลุดง่ายถ้าโดนน้ำ
3.
กันแดดแบบผสม ( Chemical-Physical Sunscreen )
: ก็คือช่วยให้
ทาแล้วไม่วอก บางเบา ไม่เหนอะผิว
เสี่ยงแพ้หรือระคายเคืองน้อยลง ไม่อุดตัน และป้องกันแดดได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง แต่ข้อเสียหลัก ๆ เลยก็คือหาซื้อได้ค่อนข้างยากเลยแหละ
แล้วเราควรใช้แบบไหนดีล่ะ แบบไหนดีกว่ากัน?
ข้อนี้เราตอบให้ไม่ได้ชัดเจนน้าว่าควรใช้แบบไหนมากกว่ากัน หรือแบบไหนดีกว่ากันเพราะการเลือกกันแดดนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพผิวเช่น เราเป็นคนผิวแพ้ง่าย อุดตันง่ายแบบ Physical ก็จะตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าเราต้องเจอแดดนาน ๆ แถมเหงื่อยังไหลพราก ๆ หรือต้องอยู่กับน้ำนาน ๆ เช่นไปทะเล แบบ Chemical ก็อาจจะตอบโจทย์กว่า ดังนั้นเนี่ยแบบไหนจะดีกว่าหรือเหมาะกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถตอบได้ชัดเจน เราจะต้องชั่งน้ำหนักเอาเองน้า หรืออาจจะใช้แบบผสมกันก็ได้นะเออ เพียงแต่ว่าในปัจจุบันแบบผสมอาจจะหายากสักหน่อย แบบที่เห็นและหาซื้อง่ายจะเป็นแบบ Chemical และ Physicalก็ลองไปตัดสินใจกันดูน้า

ในปัจจุบันมีรังสียูวีอะไรบ้างที่ทำร้ายผิวเรา?
ปัจจุบันรังสียูวีที่ทำร้ายผิวเราก็จะมี 2 รังสี ก็คือ UVA และ UVB นั่นเองค่า เจ้าUVAนี่บอกเลยว่าร้ายมากกกก เพราะมันสามารถทะลุผิวไปได้ถึงชั้นหนังแท้เลยทีเดียว แล้วที่สำคัญเลยก็คือถ้ามันทะลุผ่านไปได้ มันจะทำลายคอลลาเจนในผิวจนทำให้ผิวของเราเกิดรอยเหี่ยวย่นเห็นมะบอกแล้วว่าร้ายสุด ๆ! ส่วนUVBเจ้าตัวนี้จะทำลายชั้นผิวด้านบน ฟังดูเหมือนจะไม่หนักหนา แต่มันสามารถทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ ไหม้แดด เกิดกระ ฝ้า รวมไปถึงมะเร็งผิวหนังอีกด้วย ไงล่าแต่ละตัว... แรงไม่ไหว ดังนั้นถ้าจะเลือกซื้อกันแดดอย่าลืมว่าต้องหาซื้อตัวที่ป้องกัน 2 รังสีนี้ไว้ด้วยน้า สำคัญสุด ๆ ห้ามขาดเลย!

แล้ว SPF กับ PA คือค่าอะไรอะ?
ว่าด้วยเรื่องของ SPF กันเลยSPF คือค่าที่บอกได้ว่าเมื่อทากันแดดแล้วผิวของเราจะทนต่อแสงแดด ไม่ไหม้ ไม่เสีย ไม่โดนยูวีทำร้ายได้นานแค่ไหนนั่นเอง โดยพื้นฐานแล้วผิวคนเราได้รับกันแดดประมาณ SPF15 ก็ถือว่าเพียงแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของตัวเราด้วยน้า บางคนต้องทำงานตากแดดตากลมนาน ๆ ดังนั้นการใช้ SPF เยอะ ๆ หน่อยก็จะกันแดดได้นานขึ้น แต่การใช้ SPF สูง ๆ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีอย่างเดียวน้า เพราะเสี่ยงที่จะระคายเคืองได้เหมือนกัน ดังนั้นถ้าใช้แล้วแพ้หรือแสบแนะนำให้ลด SPF ลงนะคะ ...

ต่อด้วยค่า PA นั่นเองจ้า
PA เป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพการป้องกัน UVA
และที่เราคุ้นหูคุ้นตากับเครื่องหมายบวก (+) หลังค่า PA เช่น PA+ หรือ PA+++ ตรงนี้จะ
เป็นตัวบอกว่าป้องกันได้มากหรือน้อย
นั่นเองค่า มีเครื่องหมายเยอะก็กันแดดได้มาก ( PA+++ ) มีเครื่องหมายน้อยก็กันแดดได้น้อย ( PA+ ) ซึ่งพูดง่าย ๆ ก็คือ
ถ้ากันแดดตัวไหนมี PA+++ ก็จะกัน UVA ได้ดี ทำให้ผิวของเราไม่เหี่ยวย่นและรักษาคอลลาเจนในผิวไว้ได้
นั่นเอง
ดังนั้นเนี่ยเช็กให้ดีน้าว่าเราควรใช้ SPF ประมาณไหน เพราะยิ่งเยอะยิ่งเสี่ยงแพ้ง่าย แต่ใด ๆการแพ้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ความมากน้อยของ SPF เท่านั้นน้า ส่วนประกอบต่าง ๆ ถ้ามีแลอกอฮอล์หรือน้ำหอมด้วยละก็ก็อาจจะมีส่วนที่ทำให้ระคายเคืองได้เช่นกัน ผิวแพ้ง่ายต้องระมัดระวัง ตรวจสอบส่วนผสมเป็นพิเศษด้วยเน้อ เพื่อความปลอดภัยของผิวเรา
กันแดดมีเนื้อแบบไหนบ้างเหรอ?
เนื้อกันแดดในปัจจุบันมีให้เลือกเยอะม้ากกก บอกเลยว่าสะดวก สบาย เลือกใช้กันได้หลากหลายสุด ๆ มีตั้งแต่...1.กันแดดแบบครีม/แบบเจล: แบบครีมคือแบบเบสิคที่ทุกคนต้องเคยใช้เนอะเนื้อจะมีความข้นหน่อย ถ้าเป็นคนผิวปกติหรือผิวมันจะแอบซึมช้าหน่อย ส่วนใครที่เป็นคนผิวแห้งบอกเลยว่าตอบโจทย์ ส่วนแบบเจลหรือกึ่งเจลจะมีความเหลวขึ้น ทาง่ายขึ้น ซึมไวกว่าผิวธรรมดาหรือผิวมันจะตอบโจทย์กว่านั่นเองค่า2.กันแดดแบบน้ำนม: ช่วงหลัง ๆ แบบนี้ถือว่าเป็นอีกแบบที่นิยมเลยค่ะ เพราะเนื้อตัวนี้จะเหลว เกลี่ยง่าย ทาง่าย ซึมไวด้วยใครที่ไม่ชอบความเหนอะหนะตัวนี้กินขาดค่า

3.กันแดดแบบแท่ง: เนื้อของแบบแท่งจะเป็นคล้าย ๆ บาล์ม ถ้าพูดให้เห็นภาพจะคล้าย ๆ ลิปมัน แต่ไม่ได้มันหรือเยิ้มนะคะ เจ้าตัวนี้เป็นอีกตัวที่พกง่าย นำไปเติมระหว่างวันได้สะดวกสุด ๆหยิบมาปาด ๆ ก็เสร็จเรียบร้อย ง่ายเวอร์
4.กันแดดแบบสเปรย์: อีกหนึ่งแบบที่สะดวกสบายไม่ไหว แค่พ่น ๆ ฉีด ๆ แต่ทางที่ดีควรเอามือลูบ ๆ เพื่อให้ทั่วผิวด้วยนะคะ แต่บอกเลยว่าสะดวกมาก ๆ ไม่เหนอะหนะ เนื้อเหลวเกลี่ยง่ายด้วย
5.กันแดดแบบรองพื้น: ตัวนี้ไม่เหมือนกันรองพื้นที่ผสมกันแดดนะคะ ตัวนี้จะเป็นกันแดดที่มีสีเหมือนรองพื้นเวลาทาแล้วสีจะกลืนกับผิวมากกว่ากันแดดที่เนื้อเป็นสีขาวนั่นเอง
ใครสะดวกแบบไหนก็ลองเลือกซื้อมาใช้กันดูน้า มันต้องมีสักแบบแหละเนอะที่เหมาะกับเรา!
เราสามารถเอากันแดดทาตัวมาทาหน้าได้ไหมอะ?
เป็นคำถามที่ได้ยินบ่อยม้ากกกกกกกกกกก แต่ตอบให้ตรงนี้เลยนะคะว่า' ไม่ได้ 'ค่าถ้าเขาไม่ได้เคลมว่าสามารถใช้กับผิวหน้าและผิวกายได้ ห้ามใช้ด้วยกันเลยนะคะ เหตุผลที่บอกว่าใช้ไม่ได้ก็เพราะว่าผิวหน้าของเรามีความบอบบางมาก ๆกันแดดที่ทำมาใช้กับผิวหน้าก็จะมีความละเอียด เนื้อนวลกว่าซึมซับเข้าสู่ผิวได้ดีกว่า แต่ถ้าเป็นแบบทาตัวจะมีความหยาบกว่า ถ้าเอากันแดดที่ทาตัวมาทาหน้าก็อาจจะส่งผลให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ หนำซ้ำยังก่อให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิวได้อีกด้วย ดังนั้นเนี่ยอย่าใช้รวมกันจะดีที่สุดน้า ไม่งั้นผิวเราจะพังได้

☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀
เป็นยังไงกันบ้างคะ อ่านจบรู้เรื่องราวของกันแดดเพิ่มขึ้นเลยใช่ม้า?ทีนี้ทุกคนก็สามารถไปเลือกซื้อใช้กันได้แบบเป๊ะและมั่นใจแล้วเนอะ กันแดดเป็นอะไรที่เราจะต้องใช้กับผิวของเราโดยตรง แถมต้องใช้ทุกวันซะด้วย ดังนั้นเนี่ยเราจะต้องตั้งใจเลือกให้ดี ๆ เลยนะคะ แนะนำว่าพยายามเลี่ยงพวกที่มีน้ำหอม มีแอลกอฮอล์ผสมผิวของเราจะได้ไม่เกิดการระคายเคืองในภายหลัง แล้วก็ที่สำคัญเลยก็คืออย่าลืมใช้เคลนซิง ( Cleansing ) เช็ดทำความสะอาดก่อนล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าด้วยนะเออ ถึงแม้จะไม่แต่งหน้าก็ใช้ได้นะคะ เพราะกันแดดมีสารเคมีประมาณนึงเลย อาจจะทิ้งสิ่งตกค้างไว้บนผิวได้ ถ้าเราทำความสะอาดอย่างดี ผิวของเราก็จะสะอาด ไม่ก่อให้เกิดสิวด้วยนะเออเอาล่ะ ตอนนี้เราคงต้องลาไปก่อน แต่อย่าลืมทากันแดดเป็นประจำกันด้วยนะคะบ๊ายบายค่า