ซิลิโคนโดนประณามว่าเป็นตัวร้าย?

รูปภาพ:

เป็นที่วิพากษณ์วิจารณ์กันมาอย่างยาวนานกับซิลิโคนว่าเป็นส่วนผสมอันแสนร้ายกาจความผิดส่วนผสมไหนไม่รู้แต่โทษซิลิโคนไว้ก่อนแล้วกันเพราะซิลิโคนน่ะเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ผิวอุดตัน ห่างได้ห่าง เลี่ยงได้เลี่ยง! สาว ๆ หลายคนจึงแค่เห็นว่ามีซิลิโคนก็หันหน้าหนี ไม่เอา ไม่ซื้อกันแล้ว ทุกคนคิดว่าความเชื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือหลอก? วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกันค่า

ซิลิโคนคืออะไร?

Dimethicone

ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำ โดยไม่ทำให้รู้สึกมันเยิ้มและมีทั้งคุณสมบัติเคลือบผิวและทำให้ความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวและผู้ที่แพ้ง่าย เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดสิวและแพ้ง่าย

ซิลิโคนเป็นส่วนผสมสังเคราะห์ที่ประกอบด้วยซิลิกอน ออกซิเจน และองค์ประกอบอื่นๆ เช่น คาร์บอนและไฮโดรเจน โดยที่ซิลิโคนได้มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติและผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อที่จะกลายเป็นซิลิโคน

การใช้ซิลิโคนในสกินแคร์เริ่มขึ้นในปี 1953 เมื่อ Revlon ผลิตครีมทามือที่เรียกว่า Silicare ในคอนเซปต์ที่ว่า " ซิลิแคร์สร้างถุงมือที่มองไม่เห็นเพื่อปกป้องมือจากน้ำยาผงซักฟอก " หลังจากนั้นตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา การใช้ซิลิโคนได้ขยายไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั้งหมดและได้รับการยอมรับว่าเป็นจุดเปลี่ยนซึ่งนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์


จะรู้ได้ยังไงว่ามีซิลิโคนในสกินแคร์?

แผ่เป็นฟิล์มเคลือบผิวชั้นนอกอีกทังซิลิโคนเองก็ยังช่วยปิดกั้นการระเหยของน้ำใต้ผิวและบางชนิดช่วยเติมช่องว่างที่ไม่สม่ำเสมอเพื่อปรับให้ผิวเรียบเนียน

รูปภาพ:

ส่วนผสมที่เป็นซิลิโคนมักจะลงท้ายด้วย-one -conol -silaneหรือ-oxaneตัวอย่างเช่น

oneoxane

DimethiconeCyclopentasiloxane

Phenyl trimethiconeCyclohexasiloxane

conolsilane

DimethiconolMethyl Ether Dimethyl Silane

ถ้าไม่ดีอย่างที่คนเขาลือแล้วทำไมยังมีอยู่ในสกินแคร์?

ความเข้าใจผิดนำไปสู่การโดนแบน

เหตุผลที่ซิลิโคนถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกันอย่างแพร่หลายเป็นเพราะซิลิโคนช่วยให้เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม ลื่น เกลี่ยได้ง่าย เพราะซิลิโคนมีขนาดโมเลกุลใหญ่จึงแผ่เป็นฟิล์มเคลือบผิวชั้นนอก ช่วยปิดกั้นการระเหยของน้ำใต้ผิวได้ นอกจากนั้นซิลิโคนบางชนิดยังช่วยเติมเต็มร่องรอยเพื่อปรับให้ผิวเรียบเนียน หรือแม้กระทั่งในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ซิลิโคนก็มีส่วนช่วยให้เส้นผมนุ่มลื่น เงางาม

นอกจากนี้ ซิลิโคนเองยังมีประโยชน์ต่อผิวหนังและเส้นผมเนื่องจากคุณสมบัติการปรับสภาพให้เส้นผมนุ่ม

สรุปซิลิโคนร้ายจริงหรือลวง?

Another rumour circulating via internet pseudo science is that silicones ‘act as a plastic wrap’ and do not allow the skin to breathe. Absolutely false.  Silicones do NOT suffocate the skin trapping bacteria and sweat, as most people have been led to believe via internet scare-mongering and fear tactics. Silicones actually allow for oxygen, nitrogen and water vapors to pass freely, also known as a ‘vapor permeable’ barrier.  What silicones DO do is to prevent TEWL (trans-epidermal water loss): a leading cause of dry and dehydrated skin.  The skin barrier is protected when silicones are applied topically.  Protecting the stratum corneum is critical to skin health.

รูปภาพ:

ล้มล้างทุกทฤษฎีที่มีอยู่ในหัวให้หมด เพราะ...

ซิลิโคนไม่ได้ทำให้ผิวอุดตัน

ตัวซิลิโคนเองไม่ได้ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนหรือสิวโดยตรง!งานวิจัยรายงานว่าซิลิโคนไม่มีคุณสมบัติทำให้ผิวอุดตันถ้าถามว่าทำไมบางคนใช้แล้วอุดตันล่ะ?แม้ว่าซิลิโคนจะไม่ทำให้ผิวอุดตันแต่การที่เราล้างซิลิโคนไม่หมดก็อาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การสะสมบนผิวหนังซึ่งอาจไปอุดตันรูขุมขน พอรวมกับน้ำมันผิวและแบคทีเรียสิวจึงทำให้เกิดสิวตามมาได้สรุปง่าย ๆ ว่าที่ผิวอุดตันอย่าโทษซิลิโคนให้เช็กก่อนว่าเราล้างหน้าดีพอหรือยังเพราะถ้าเราล้างหน้าไม่สะอาดไม่ว่าจะใช้เครื่องสำอางประเภทไหนสุดท้ายผิวก็จะอุดตันอยู่ดี!

ซิลิโคนไม่ได้ทำให้เกิดสิว

จากที่เรากล่าวกันไปก่อนหน้าแล้วว่าซิลิโคนไม่มีคุณสมบัติอุดตันผิว ( ในกรณีที่เราล้างหน้าสะอาดหมดจดนะ ) เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีการอุดตันก็จะไม่มีการเกิดภาวะสิวตามมา สาวๆ จึงมั่นใจได้ว่าซิลิโคนปลอดภัยต่อผิวเราและไม่ทำให้เกิดสิว

ซิลิโคนไม่รบกวนส่วนผสมอื่น

เรามักจะได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่าส่วนผสมบางอย่างใช้คู่กันแล้วบ้ง แต่สำหรับซิลิโคนนั้นต้องบอกว่าเค้าเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ไม่ทำปฏิกิริยากับส่วนผสมอื่นมากที่สุดชนิดหนึ่ง จึงสามารถใช้ได้ร่วมกับส่วนผสมอีกหลายประเภท เราจึงมั่นใจได้ว่าซิลิโคนจะสามารถใช้ร่วมกับสกินแคร์รูทีนของเราได้โดยไม่ส่งผลกับส่วนผสมอื่นๆ

ซิลิโคนไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้

เพื่อนๆ รู้มั้ยว่าแม้แต่สกินแคร์หลายตัวที่เคลมว่าเหมาะกับผิวแพ้ง่ายก็ยังมีซิลิโคนเลยนะ นั่นก็เพราะเหมือนที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าซิลิโคนไม่ทำปฏิกิริยากับสารตัวอื่น ดังนั้นโอกาสที่จะส่งผลร้ายต่อผิวจึงมีน้อยมาก รวมถึงมีรายงานน้อยเคสที่จะพบว่าเกิดอาการแพ้จากซิลิโคน นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ว่าทำไมซิลิโคนถึงถูกพบในสกินแคร์จำนวนมาก

แต่แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนจะไม่แพ้เหมือนกันทั้งโลก บางทีเราอาจจะเป็นคนโชคดีคนนั้นที่ดันแพ้ซิลิโคนก็ได้ การสังเกตผิวตัวเองในทุกครั้งที่เริ่มใช้สกินแคร์ตัวใหม่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เมื่อมีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เช่น ผื่นแดงหรืออาการคัน ต้องหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันทีและควรได้รับคำแนะนำโดยตรงจากแพทย์

ซิลิโคนไม่ได้ปิดกั้นการหายใจของผิวทำให้ผิวหนังสะสมบคทีเรียและเหงื่อ


จริงๆแล้วซิลิโคนช่วยให้ออกซิเจน ไนโตรเจน และไอน้ำสามารถผ่านได้อย่างอิสระ หรือที่เรียกว่ากั้น 'vapor permeable' สิ่งที่ซิลิโคนทำคือป้องกันการสูญเสียน้ำของผิวหนังชั้นนอก สาเหตุหลักของผิวแห้งและผิวขาดน้ำ

การเป็นสิวไม่ได้จำเป็นต้องเป็นเพราะซิลิโคนอย่างเดียว ถึงแม้รายงานการแพ้ซิลิโคนจะน้อยแต่แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนจะไม่แพ้ทั้งโลก บางทีเราอาจจะเป็นคนโชคดีคนนั้นที่แพ้ซิลิโคนก็ได้ การสังเกตุผิวตัวเองในทุกครั้งที่เริ่มใช้สกินแคร์ตัวใหม่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เมื่อมีอาการแปลกๆเกิดขึ้นเช่นผื่นหรืออาการคันต้องหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันทีและควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์

หยุดทุกความกังวลใจไปได้เลย!

ไม่ใช่ตัวร้ายแต่เป็นแพะรับบาป


รูปภาพ:

ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยหรือหลักฐานทางวิชาการที่แสดงให้เห็นว่าซิลิโคนมีคุณสมบัติอุดตันผิวอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ สังเกตเห็นว่ามีซิลิโคนในสกินแคร์ก็ไม่จำเป็นต้องโละสกินแคร์ครั้งใหญ่ เพราะไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับซิลิโคนในสกินแคร์แถมซิลิโคนยังเป็นส่วนผสมที่มีประโยชน์ในการดูแลผิวและไม่เป็นอันตราย ช่วยป้องกันผิวไม่ให้สูญเสียน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้จึงเหมาะมากสำหรับสาวผิวแห้ง ส่วนสาวผิวมันก็ไม่น้อยหน้าเพราะซิลิโคนเค้าไม่เพิ่มความมันและความเหนอะหนะให้กับผิวด้วย เพราะฉะนั้นหากเพื่อนๆ มั่นใจทดลองใช้ผลิตภัณฑ์แล้วว่าไม่เกิดการระคายเคือง และหมั่นล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอก็สามารถใช้สกินแคร์ที่มีซิลิโคนได้อย่างสบายใจ หายห่วงได้เลย!૮₍.◜◡◝ ₎ა

Designer :kidasindahouseWriter :BabyPeachy

http://lib3.dss.go.th/fulltext/dss_j/2538_43_137_p30-32.pdf