ได้มาจากต้นวิลโลว์ตามธรรมชาติ โดยสกัดจากส่วนเปลือก ละายในน้ำมัน แทรกซึมรูขุมขนเพื่อทำลายการสร้างน้ำมัน ลดและป้องกันการอุดตันของรูขุมขน

ใครที่เผชิญปัญหาหน้ามัน สิวเห่อไม่ไหวต้องมามุงทางนี้ด่วนเพราะวันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกันในหัวข้อSalicylic acid ตัวแม่แห่งวงการสิว!ส่วนผสมยอดฮิตที่มักได้ยินกันจนคุ้นหู อะ..แล้วมันน่าสนใจยังไงนะ? ทำไมหลายๆ แบรนด์ถึงแข่งกันออกผลิตภัณฑ์ที่มี Salicylic acid เป็นส่วนผสมกันออกมามากมาย? ซิสจะมาแถลงข้อสงสัยให้ทราบโดยทั่วกันค่า

สามารถใช้กรดซาลิไซลิกได้ ผลข้างเคียงของกรดซาลิไซลิกคือความสามารถในการระคายเคืองและทำให้ผิวแห้งในคนที่แพ้ง่ายหรือผู้ที่ใช้มากเกินไป

รูปภาพ:

กรดซาลิไซลิก (Salicylic) หรือ BHAที่เรารู้จักกันดีนั้นมีต้นกำเนิดมาจากต้นวิลโลว์ และถูกใช้ในการรักษาโรคผิวหนังต่างๆ มานานกว่า 2,000 ปี โดยหลังจากปี 1860 Paul Gerson Unna แพทย์ผิวหนังชาวเยอรมันได้ค้นพบคุณสมบัติของกรดซาลิไซลิกในการช่วยผลัดเซลล์ผิว หลังจากนั้นกรดซาลิไซลิกก็ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมกันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบันนี้

กรดซาลิไซลิกได้จากการสกัดจากส่วนเปลือกต้นวิลโลว์ ความโดดเด่นคือ สามารถแทรกซึมรูขุมขนเพื่อช่วยในการลดการสร้างน้ำมัน ลดการอักเสบ และป้องกันการอุดตันของรูขุมขน

บางคนอาจรู้สึกแห้ง ลอก แดง และระคายเคืองผิวหนัง ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่มีผิวที่แห้งหรือแพ้ง่ายจึงควรหลีกเลี่ยง SA  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและจำนวนการใช้งาน ตั้งครรภ์หรือกำลังใช้ยาบางชนิด รวมทั้งยาละลายลิ่มเลือด

✨Salicylic acid เหมาะกับใคร?✨

รูปภาพ:

ทุกคนสามารถใช้กรดซาลิไซลิกได้!แต่จะยิ่งดีและเห็นผลโดยเฉพาะกับคนประเภทที่หน้ามัน รูขุมขนกว้างหรือมีแนวโน้มเป็นสิวได้ง่ายเนื่องจากที่กล่าวไปข้างต้นว่าเค้ามีคุณสมบัติในการสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขนซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิวเพราะฉะนั้นใครที่มีปัญหาสิวใช้แล้วเลิฟแน่นอนแต่หากเป็นคนที่มีสภาพผิวแห้งหรือแพ้ง่ายก็มีโอกาสที่กรดซาลิไซลิกอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มใช้สกินแคร์ตัวใหม่ทุกครั้ง ควรทดสอบผลิตภัณฑ์กับผิวที่แขนก่อน ถ้าแพ้จะได้แก้ทันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและความถี่ในการใช้ ส่วนคนที่ตั้งครรภ์หรือกำลังใช้ยาบางชนิด ควรหลีกเลี่ยงการใช้ BHA ไปก่อนหรือควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์

✨BHA ดียังไง?✨

รูปภาพ:

หลายคนอาจจะมีคำถามว่าBHA มันดียังไง และต่างจาก AHA ยังไงนะ?มาค่ะซิสจะเล่าให้ฟัง คืออย่างนี้นะไกลโคลิก แลคติกและแมนเดลิกล้วนจัดอยู่ในกลุ่มของกรดอัลฟาไฮดรอกซีทั้งหมด(AHA)ในขณะที่ซาลิไซลิกจัดเป็นกรดเบตาไฮดรอกซี(BHA)

AHA และ BHA ทำหน้าที่แตกต่างกัน โดยที่AHAเป็นกรดที่ละลายน้ำได้(มักได้มาจากอ้อย นม และผลไม้รสเปรี้ยว) จะเน้นในส่วนของการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกและมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนส่วนBHAจะละลายในน้ำมันและด้วยคุณสมบัตินี้ BHA จึงสามารถแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขนของผิวหนังได้ ดังนั้น BHA จึงสามารถช่วยได้ทั้งในการผลัดเซลล์ผิวและช่วยสลายสิ่งสกปรกในรูขุมขนรวมถึงความมันส่วนเกินที่อาจนำไปสู่การเกิดสิว

ก่อนเพิ่มสกินแคร์ตัวใหม่ลงในสกินแคร์รูทีนปกติ เราควรพิจารณาว่าส่วนผสมตัวนั้นมีปฏิกิริยาอย่างไรกับตัวอื่นๆ ที่มีอยู่แล้วในสกินแคร์รูทีนกรดซาลิไซลิกและวิตามินซีสามารถใช้ร่วมกันได้หากใช้ในลำดับที่ถูกต้อง

วิตามินซีเองก็มีข้อดีที่สามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำ รวมถึงรอยดำที่หลงเหลือจากการเกิดสิว

In case your skin is dry or very very sensitive, consider using vitamins as well as vitamin C at different times of dayuse one in mornings along with other in evenings, or use them one at a time on each individual moment

Salicylic acid is suitable for use on all skin types, but it’s especially effective on blemish prone and uneven types as it helps to prevent pore blockages and contains anti-inflammatory properties. anyone with an allergy to aspirin should avoid products containing salicylic acid, as they both belong to the same family of compounds (and so your skin may be intolerant).

กรดซาลิไซลิกเหมาะสำหรับใช้กับทุกสภาพผิว แต่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเภทที่มีแนวโน้มเป็นสิวได้ง่ายและไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขนและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ผู้ที่แพ้ยาแอสไพรินควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีกรดซาลิไซลิก เนื่องจากทั้งคู่อยู่ในกลุ่มสารประกอบเดียวกัน (และผิวหนังของคุณอาจไม่ทนต่อยา)

✨ใช้ Salicylic acid คู่กับ Vitamin C ได้ไหม?✨

รูปภาพ:

สกินแคร์บางตัวใช้ด้วยกันแล้วเริ่ดแต่บางตัวใช้คู่กันแล้วร่วง ก่อนเพิ่มสกินแคร์ตัวใหม่ลงในสกินแคร์รูทีนปกติ เราจึงควรพิจารณาว่าส่วนผสมตัวนั้นมีปฏิกิริยาอย่างไรกับตัวอื่นๆ ที่เรามีอยู่แล้ว อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆ คนก็อาจจะเกิดคำถามในใจว่าแล้วสองตัวนี้มันใช้คู่กันแล้วจะเป็นยังไง?อย่างที่เรารู้กันว่าSalicylic acid (BHA)และวิตามินซีจัดอยู่ในกลุ่มส่วนผสมที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทั้งคู่  ปัญหาที่อาจตามมาสำหรับคนผิวแพ้ง่ายก็คือมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระคายเคือง แต่ถ้าเรามั่นใจว่าเป็นคนผิวแข็งแรง การใช้ทั้งสองตัวนี้คู่กันก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใดๆนี่จึงเป็นเรื่องที่เราย้ำแล้วย้ำอีกว่าการรู้จักผิวของตัวเองถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!

วิตามินซีเองก็มีข้อดีที่สามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำ รวมถึงรอยดำที่หลงเหลือจากการเกิดสิว ก็คงน่าเสียดายหากช่วงที่เราใช้ BHA ต้องอดใช้วิตามินซีไป สำหรับคนผิวแข็งแรง ซิสขอบอกเลยว่ากรดซาลิไซลิกและวิตามินซีสามารถใช้ร่วมกันได้หากใช้ในลำดับที่ถูกต้อง

รูทีนที่ซิสแนะนำ✦ทาเป็นเลเยอร์โดยเว้นระยะเวลาห่างให้สกินแคร์ตัวแรกซึมเข้าสู่ผิว(อาจจะเป็น BHA หรือ วิตามินซีก่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ว่าตัวไหนเบากว่าหรือหนักกว่า) รอให้ผิวปรับสภาพแล้วค่อยทาอีกตัวต่อหรือ

✦ตอนเช้าใช้วิตามินซี ตอนกลางคืนใช้ BHA

✦ตอนเช้าใช้ BHA ตอนกลางคืนใช้วิตามินซี

(สรุปง่ายๆว่า ใช้แยกคนละช่วงเวลาจะดีที่สุดนั่นเองค่ะ)แม้ว่า BHA อาจจะไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากเท่ากับการใช้ AHA แต่ก็จำเป็นอย่างมากที่ควรใช้ควบคู่กับครีมกันแดดไปด้วย ยังไงก็อย่าลืมทาให้ครบสองข้อนิ้วนะคะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับการทำความรู้จัก Salicylic acid หรือ BHA ที่เราหยิบมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้ พอได้รู้คุณสมบัติเค้าแล้ว ทีนี้อ๋อกันหรือยังว่าทำไมSalicylic acidถึงเป็นตัวแม่แห่งวงการสิว!ทำไมเค้าถึงฮิตในวงการสายสิวกันจัง!

สำหรับใครที่มีปัญหาสิว หน้ามัน การมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีตัวนี้เป็นส่วนผสมก็จะตอบโจทย์มากๆ ค่ะ อาจจะเริ่มต้นด้วยการเลือก%ต่ำๆ ก่อนก็ได้ค่ะ จะได้ทดสอบกับผิวได้ว่าเราแพ้หรือไม่แพ้ ยังไงก็ลองไปเลือกดูกันน้า

Designer :kidasindahouse

Writer :BabyPeachy