☞คลายข้อสงสัย ? อยากหน้าเรียวทำยังไงดี ใครสงสัยมามุงทางนี้เลย!วันนี้เราจะมาแนะนำนวัตกรรมด้านความงามและเทียบกันให้ดูไปเลยทั้งBotox , Meso Fat , Hifuเราขนมาให้หมดทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งแต่ละอย่างก็จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด รวมถึงมาตอบข้อสงสัยว่าแต่ละตัวต่างกันยังไง♥ใครอยากหน้าเรียว V shape โดยที่ไม่ผ่านการผ่าตัดใด ๆ และให้ผลแบบสวยปังต้องอ่านเลยค่ะซิส
˚ ༘♡⋆。˚❀˚ ༘♡⋆。˚❀˚ ༘♡⋆。˚❀˚ ༘♡⋆。˚❀˚ ༘♡
Botox
ชื่อเต็ม ๆ ของโบท็อกซ์ คือ“โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ” ( Botulinum toxin A )ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นและสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า "คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม" ( Clostridium botulinum )ออกฤทธิ์โดยการทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้และจะช่วยหยุดยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อแก้ปัญหาในด้านการลดริ้วรอยหรือรวมถึงการลดกรามเนื้อในส่วนของกรามเพื่อให้หน้าเรียวขึ้นนั่นเอง♥
♥โบท็อกซ์นั้นมีอยู่หลายยี่ห้อทั้งของอเมริกาและเกาหลี ตัวอย่าง ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่นิยมฉีดในไทยเช่นALLERGAN( โบท็อกซ์จากอเมริกา ) ,NABOTA( จากประเทศเกาหลี ) เป็นต้นถ้าเพื่อน ๆ คนไหนรู้สึกว่ามีกล้ามเนื้อที่กรามก็สามารถใช้โบท็อกซ์เพื่อช่วยเรื่องหน้าเรียวได้เลยหรือจะใช้ในการยกกระฉับใบหน้าหรือที่เรียกว่าการลิฟติ้ง ( Lifting ) นั่นเองแต่โบท็อกซ์นั้นจะสามารถอยู่ได้เพียงแค่ 4-6 เดือนเท่านั้น ถ้าหมดแล้วก็ต้องไปเติมนะคะซิส★
ข้อดีของ ' Botox '
✿เห็นผลรวดเร็วไม่เกิน 1 เดือน
✿มีใบรับรองจากองค์การอาหารและยาว่าปลอดภัย
✿มีผลข้างเคียงน้อย
✿มีหลายราคาให้เลือก สามารถเลือกได้ตามงบประมาณ
ข้อเสียของ ' Botox '
✿ถ้าฉีดบ่อยมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการดื้อยาจนไม่เห็นผลหลังการฉีด
✿อาจจะเกิดอาการตึงกล้ามเนื้อหลังการฉีด เช่น เคี้ยวอาหารลำบาก
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
Meso Fat
♥เมโสแฟตคือสารที่สกัดจากธรรมชาติโดยตัวยาในกลุ่มของ Phosphatidylcholine, Deoxycholate, Dexpanthenol, L-carnitine, Amino acid หรือ Minerals ซึ่งเป็นสารสกัดจากถั่วเหลือง ไข่แดงและวิตามินอีกหลายชนิด และออกฤทธิ์โดยช่วยสลายไขมันที่สะสมอยู่ในชั้นไขมัน โดยกลไกในการออกฤทธิ์ของเมโสแฟตจะช่วยเร่งการเผาผลาญของไขมันและช่วยลดกระบวนการเกิดเซลล์ไขมันใหม่สามารถใช้ได้ทั้งใบหน้าและร่างกายเพื่อกระชับสัดส่วนมากขึ้นนั่นเองถ้าเพื่อน ๆ รู้สึกว่ามีไขมันส่วนเกินบนใบหน้า เช่น ส่วนแก้มและเหนียง จะเหมาะกับการฉีดแฟตอย่างมากเลยค่ะซิสแอบกระซิบบอกทริคสำหรับคนที่ฉีดแฟตมาแนะนำให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะจะช่วยเรื่องของการเผาผลาญไขมันออกมาและแนะนำให้ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยจะปังมากค่า หน้าเรียวไปอี้กก!★
ข้อดีของ 'Meso Fat'
✿มีให้เลือกหลายยี่ห้อและราคาถูก
✿สามารถใช้ร่วมกับโบท็อกซ์ได้
✿ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ปกติหลังฉีดเลยทันที
✿ตัวยาเป็นสารสกัดจากธรรมชาติสามารถสลายเองได้อย่างปลอดภัย
ข้อเสียของ ' Meso Fat '
✿หลังจากฉีดจะเกิดอาการบวมประมาณ 3-4 ชั่วโมง
✿ต้องฉีดหลายครั้งถึงจะเห็นผลอย่างชัดเจน
✿ในบางคนอาจจะเกิดอาการแพ้ตัวยาที่ฉีดเข้าไป
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
Hifu
HIFU หรือ High Intensity Focus Ultrasoundเป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง โดยการทำงานคือการทำลายเนื้อเยื้อทำให้ผิวหนังในชั้น SMAS หดตัว และยังสามารถกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนหรือสร้างเนื้อเยื่อใหม่ใต้ผิวหนังได้แบบสุดปัง ซึ่งเป็นการใช้เครื่องในการดึงหน้าเพื่อยกกระชับใบหน้าลดความหย่อนคล้อยเมื่อใช้ในการยกกระชับจะทำให้ยกกรอบหน้าในส่วนของแก้ม และเหนียงเพื่อให้หน้าเรียวมากยิ่งขึ้นเหมาะสำหรับคนที่กลัวเข็มในการฉีดใบหน้าแต่อยากหน้าเรียวเล็กHifu ก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับเพื่อน ๆ ได้ค่า♥
ข้อดีของ ' Hifu '
✿ไม่ต้องใช้เข็มหรือผ่าตัด
✿สามารถเห็นผลได้เลยหลังการทำ
✿มีความปลอดภัยสูง
✿สามารถทำได้บ่อยครั้ง
ข้อเสียของ ' Hifu '
✿
อาจมีรอยแดงหรืออาการเมื่อยตึงใบหน้าหลังการทำ แต่จะสามารถหายได้เองภายใน 1-2 ชั่วโมง
✧.*✿。✧.*✿。✧.*✿。✧.*✿✧.*✿。
♥งั้นเราจะมาสรุปให้อีกทีนะBotoxเหมาะกับเพื่อน ๆ ที่มีกล้ามเนื้อที่กรามและต้องการที่จะฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อMeso Fatเหมาะกับเพื่อน ๆ ที่มีไขมันสะสมที่แก้มและเหนียงจึงจะต้องฉีดเพื่อสลายไขมันส่วนเกินและHifuเหมาะกับเพื่อน ๆ ที่กลัวเข็ม รวมถึงต้องการที่จะยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อยหรือจะยกกระชับไขมันส่วนเกินในส่วนของแก้มและเหนียงก็ทำได้เช่นกันและนี่คือความต่างของBotox vs Meso Fat vs Hifuหวังว่าจะช่วยให้เพื่อน ๆ คลายความสงสัยได้ว่าควรทำอันไหนดี ถ้าเพื่อน ๆ ชาวซิสรู้แล้วก็รีบพุ่งตัวไปจิ้มหน้าที่คลินิกด่วนเลยค่า! จะได้หน้าเรียว V shape สวยจึ้งไปพร้อมกันเลยค่ะซิส♥