
สาวๆบางคนอาจรู้สึกตัวบวมอยู่ตลอด ทั้งที่ก็ไม่ได้กินเยอะกินแยะอะไร แต่ว่าน้ำหนักก็ไม่ยอมลด แถมยังรู้สึกเหมือนอ้วนขึ้นอีก ใครเจอปัญหาแบบนี้คงต้องเครียดอย่างแน่นอน อาการที่ดูเหมือนอ้วน แต่ไม่ได้อ้วนจริงนั้นเรียกว่า อาการอ้วนบวมน้ำค่ะ อาการบวมน้ำเกิดจากของเหลวที่ควรเดินผ่านหลอดเลือดและน้ำเหลืองกลับซึมเข้าสู่เซลล์และช่องว่างระหว่างเซลล์ โดยปกติร่างกายของคนเราจะสามารถรักษาระดับความสมดุลของน้ำในร่างกายได้ตามธรรมชาติ ซึ่งพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอาการบวมน้ำ อาจเกิดจากการทานอาหารรสจัดหรือเค็มเกินไป รวมไปถึงอาหารแช่แข็งตามร้านสะดวกซื้อที่มีโซเดียมเยอะ และอาการบวมน้ำก่อนมีประจำเดือน สาวๆคงไม่อยากดูอืดหรือตัวบวมกันใช่มั้ยคะ วันนี้เลยจะนำวิธีลดอาการบวมน้ำมาฝากกันค่ะ

1. ว่ายน้ำ
อาจจะงงว่าการว่ายน้ำนั้นช่วยได้แน่เหรอ จะไม่ยิ่งทำให้น้ำเข้าร่างกายมากขึ้นเหรอ แต่จริงๆแล้วการว่ายน้ำนั้นสามารถบรรเทาอาการบวมน้ำได้ดีทีเดียวค่ะ เพราะว่าน้ำในสระจะเป็นแรงดันน้ำส่วนเกินจากเนื้อเยื่อออกไปได้ และควรว่ายน้ำในอุณหภูมิ 27-32 องศาเซลเซียส สำหรับคนที่ตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงน้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกิน 37 องศาเซลเซียส หรือน้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไป แนะนำให้ว่ายในช่วงตอนเย็นดีกว่าค่ะ

2. งดอาหารรสจัด
อาหารรสจัดนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการบวมน้ำโดยเฉพาะอาหารรสเค็มค่ะ ความเค็มนั้นจะไปกระตุ้นให้ร่างกายกักเก็บน้ำเอาไว้จนกว่าไตจะทำหน้าที่ขับออกมา ซึ่งกว่าไตจะขับออกมาก็ใช้ระยะเวลานานถึง 24 ชั่วโมง อีกทั้งการทานอาหารเค็มจัดบ่อยๆอาจเสี่ยงให้เกิดโรคไตตามมาด้วยอีกด้วย

3. ดื่มน้ำมากๆ
การดื่มมากๆนั้นก็เพื่อจะได้ช่วยให้อาการบวมน้ำนั้นลดลง ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วขึ้นไป น้ำจะช่วยให้เราขับปัสสาวะและเจือจางความเค็มออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น

4. ทานผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง
ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงจะช่วยขับโซเดียมออกไปจากตัวเราได้ เช่น กล้วยหอม สับปะรด แอปเปิ้ล แตงโม แคนตาลูป เป็นต้น

5. กินขึ้นฉ่าย
ขึ้นฉ่ายมีสรรพคุณช่วยลดอาการบวมน้ำ และเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่าย ขึ้นฉ่ายนั้นจะช่วยเร่งให้ปัสสาวะเร็วขึ้น ซึ่งการปัสสาวะจะช่วยขับของเสียอย่างโซเดียมในตัวเราออกไปค่ะ

6. นอนยกเท้าขึ้นสูง
วิธีนี้จะช่วยให้น้ำที่ขังอยู่ตามขาไหลกลับเข้าระบบไต เพื่อขับของเสียออกมาได้ง่ายขึ้น
วิธีแก้ไขไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ ลองหันมาตรวจสอบตัวเองเพื่อสุขภาพที่ดีกันดีกว่าค่ะ อาการบวมน้ำที่ไม่หนักนั้นสามารถรักษาได้ แต่หากปล่อยไว้ระยะยาวอาจก่อให้เกิดโรคอื่นๆตามมา เช่น โรคตับ โรคไต หรือภาวะหัวใจล้มเหลวค่ะ ลองเช็คอาการบวมน้ำของตัวเองด้วยการกดลงไปบริเวณผิวหนังของคุณดู หากลองกดแล้วผิวบุ๋มลงไปแล้วกลับคืนสภาพช้าลง ควรรีบปรึกษาแพทย์ดีกว่า พบกับสาระดีๆได้อีกครั้งหน้าค่ะ