Say Hiiiiii ♥ สวัสดีค่าชาวซิสทั้งหลายวันสตรีสากลกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เราก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้ว่าอยากเขียนบทความแนว ๆ ขึ้นมา นั่นก็คือเรื่องทัศนคติเกี่ยวกับเพศหญิงนั่นเอง ซึ่งเรามีทัศนคติเกี่ยวกับเพศหญิงมาในหลากหลายรูปแบบทั้งในด้านดีและด้านไม่ดี แต่วันนี้เราจะขอมาพูดในด้านไม่ดีหรือด้านลบกัน 7 ประเด็น โดยทั้ง 7 ประเด็นนี้จะเล่ารายละเอียดและบอกสาเหตุทั้งหมดเลยนะคะว่าทำไมถึงอยากให้ทุกคนลองเปิดใจเพื่อปรับเปลี่ยนความคิดพวกนี้ให้มันดีขึ้นทุกคนจะพิจารณายังไงก็ตามสะดวกเลยค่า แต่ก็อยากให้ลองเปิดใจอ่านกันก่อนน้า เอาล่ะ! ไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราก็มาดูทัศนคติกันเลยกดีกว่าาา~



7 ทัศนคติเกี่ยวกับ " ผู้หญิง " ที่ควรปรับใหม่ อัปเดตให้เข้ากับยุคปัจจุบัน


➀ " ผู้หญิงเขาดูออก / เซนส์ผู้หญิงมันบอก "

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/a3/00/6f/a3006fcf573a786eb83470a55661d324.jpg

เคยได้ยินประโยคนี้กันบ่อย ๆ ใช่ไหมล่ะคะ คำว่าเซนส์ผู้หญิงบลา ๆ หรือคำว่า " ผู้หญิงด้วยกันดูออก " รู้ไหมคะว่าจริง ๆ แล้วมันคือInternalized Misogyny หรือการที่ผู้หญิงเหยียดกันเองนี่แหละค่ะ ซึ่งจากประโยคที่เรายกตัวอย่างมักจะเป็นประโยคเบสิคที่ผู้หญิงหลาย ๆ คนชอบพูดบ่อยมาก ๆ แต่ถามว่าเกี่ยวกับเพศเหรอที่เราจะมองคน ๆ นึงออก? ก็ไม่ใช่อยู่ดีถูกไหมคะเราเป็นเพศอะไรถ้าจับพฤติกรรมหรือนิสัยใครได้เราก็พอจะวิเคราะห์ได้อยู่แหละค่ะว่าเขาเป็นแบบไหนและแน่นอนว่าไม่เกี่ยวเลยว่าเราต้องเป็นผู้หญิงถึงจะดูออก เพราะเอาจริง ๆ เพศอื่น ๆ ก็ดูออกค่ะถ้าคนที่เราพูดถึงเขานิสัยไม่น่ารัก ดังนั้นเนี่ยเลี่ยงได้อย่าใช้คำนี้กันอีกเลยน้า มันเป็นการมองผิวเผินแล้วตัดสินคน ๆ นึงเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้ไปพูดใส่โดยตรงก็ตามยังไงก็ให้รู้จักกันก่อนจะดีกว่าไปตัดสินแค่ภายนอกเน้อ


➁ " ฉันเป็นผู้หญิงแมน ๆ / I'm not like the other girls "

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/c3/71/86/c37186b206e6247581bb3e860c0c14b4.jpg

สืบเนื่องจากข้อข้างบนเลยค่ะ แนวคิดI'm not like the other girls หรือฉันไม่เหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไปก็นับเป็นInternalized Misogyny หรือการที่ผู้หญิงเหยียดกันเองเช่นกันค่ะ โดยส่วนมากมักจะเป็นกับผู้หญิงที่ชอบสีดำ ชอบบู๊ ๆ ลุย ๆ กินง่ายอยู่ง่ายเขาจะชอบรู้สึกว่าฉันไม่เหมือนคนอื่น ฉันไม่เหมือนกันสาว ๆ พวกนั้นหรอกนะคะ ซึ่งสาว ๆ พวกนั้นก็คือคนที่เป็นขั้วตรงข้าม ชอบสีชมพู เรียบร้อย กินอาหารแบบคำเล็ก ๆ อะไรแบบนี้มักจะโดนด่าว่า" แอ๊บแบ๊ว "ตลอดนะคะ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดที่สุดก็คือคุณวอนยองจากวง IVEเลยค่ะ แค่เธอทานสตรอว์เบอร์รีด้วยการใช้มือสองข้างประคองลูกสตรอว์เบอร์รีก็มีผู้หญิงกลุ่มนึงที่ออกมาด่าเธอว่าแอ๊บแบ๊วซะแล้ว ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย เพียงแค่มันไปขัดกับความคิดที่ว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไรไม่เหมือนคนอื่นเลยก็ขอด่าหน่อยแล้วกัน และการกระทำแบบนี้มันสร้างแผลในใจให้คนที่โดนมากนะคะ รู้แบบนี้แล้วก็ไม่ทำอะไรแบบนี้แล้วน้าการที่เราไม่ทำแต่คนอื่นทำมันอาจจะปกติสำหรับเขาก็ได้ตราบใดที่การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่ต้องไปด่าเขาจะดีกว่านะคะ


➂ ผู้หญิงจีบก่อนจะดูไม่ดี

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/7c/b5/74/7cb5744a86489b4e426350851cd3b58f.jpg

มาในด้านความร้ากกันบ้างค่ะ ยังมีหลาย ๆ คนที่มองว่า" ผู้หญิงจีบก่อนจะดูไม่ดี "ซึ่งในความเป็นจริงไม่ได้ดูไม่ดีอะไรเลยด้วยค่ะ ใครชอบก่อนก็ไปจีบก่อนแค่นั้นเอง ถ้าเราชอบเขาก็เดินหน้าจีบไปเลยเต็มที่ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหนก็ตามคุณสามารถจีบก่อนได้หมดเลยเพียงแต่ว่าผู้ใหญ่หรือคนที่อายุมากกว่า 20 ปีไม่ควรไปยุ่งกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 20 นะค้าให้เด็ก ๆ เขารักกันเองดีกว่าเรามาหาทางจีบคนวัยไล่ ๆ กันน่าจะตอบโจทย์กว่าเนอะ แต่ถ้ามีคนมาจีบเราบ้าง เราโอเคก็ดีไปแต่ถ้าไม่โอเคอันนี้ก็ปฏิเสธแบบสุภาพ ๆ ไปด้วยนะคะจะได้ไม่ต้องยื้อหรือรั้งกันไว้ให้รู้สึกแย่ต่อกันเปล่า ๆ ถ้าคนทั่วไปเรื่องแบบนี้ยังไงก็เข้าใจค่ะว่าความรักมันฝืนไม่ได้อะเนอะ


➃ ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์แล้ว = เสียตัว

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/51/dc/47/51dc474348b6a2a1f54fef449fee16cf.jpg

ต่อจากการจีบที่รู้สึกว่าความคิดค่อนข้างเก่ามากแล้ว ก็คือเรื่องผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ = เสียตัวนี่แหละค่ะที่มาแรงอีกหนึ่งประเด็น การที่คนเราจะมีเพศสัมพันธ์มันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ก็ยังมีความต้องการตรงนี้อยู่ถ้าไม่พร้อมก็ใส่ถุงยางเรื่องมันง่ายแค่นี้เองนะคะแล้วก็ไม่ต้องไปคิดให้วุ่นวายเลยว่าผู้ชายมีเพศสัมพันธ์จะดูไม่ดี ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์มาแล้วจะดูน่าอาย คือมันเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่สามารถเกิดขึ้นได้เราควรจะสอนเด็ก ๆ ให้รู้เรื่องเพศศึกษาและการป้องกันจะดีกว่าการมายืนด่าหรือยืนว่าแบบนี้ เพราะนอกจากจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ยังสร้างแผลในใจให้คน ๆ นึงอีกด้วย


➄ ผู้หญิงทุกคนไม่ได้มี " มดลูก "

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/ac/c0/33/acc033c82a6e2f277da4d9d88277b425.jpg

ต้องเน้นย้ำก่อนว่าผู้หญิงที่พูดหมายถึงผู้หญิงในเชิงเพศสภาพนะคะ ไม่ใช่เพศสรีระหรือเพศโดยกำเนิด คือปัจจุบันเรามีการรณรงค์ให้เรียก

Transmen = ผู้ชาย

และเรียก

Transwoman = ผู้หญิง

แม้ว่าเพศกำเนิดเขาจะเป็นขั้วตรงข้ามก็ตาม ซึ่งถ้าเรียกทรานส์วูแม่นว่าผู้หญิง เวลาเราพูดเรื่องประจำเดือนก็อาจจะทำให้คนกลุ่มนี้รู้สึกโดนกีดกันออกไปเหมือนเดิม แถมทรานส์เมนก็รู้สึกแปลก ๆ อีกเพราะเขาเป็นผู้ชายที่มีประจำเดือน เหมือนว่ายังไง้ยังไงพวกเขาก็โดนกีดกันออกไปจากการเป็นเพศสภาพนั้น ๆ อยู่ดีเพื่อรณรงค์ให้สังคมเท่าเทียมกันเราก็เริ่มจากตรงนี้เลยค่ะ ให้เปลี่ยนไปเรียกคนที่มีมดลูกว่า" ผู้มีประจำเดือน "แทน แค่นี้ก็จะทำให้ฝั่งทรานส์เจนเดอร์รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งอีกครั้ง ง่ายมากเลยใช่ม้า แรก ๆ อาจจะไม่ชินแต่เรียกบ่อย ๆ ก็จะชินไปเองแน่นอนนะคะ ♥


➅ เฟมินิสต์ ≠ อยากให้ผู้หญิงเป็นใหญ่

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/42/7c/cd/427ccd3fc3c1127169016b465c94f091.jpg

หลายคนมาก ๆ ที่ได้ยินคำว่า" เฟมินิสต์ ( Feminist ) "แล้วพูดทันทีเลยว่ามันคือการเรียกร้องให้ผู้หญิงเป็นใหญ่และคนที่เป็นเฟมินิสต์ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น เป็นภาพจำที่ผิดแบบคนละขั้วเลยค่ะเพราะจริง ๆ แล้วเฟมินิสต์คือกลุ่มคนที่เรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมให้กับทุกเพศทุกวัยและทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยก็สามารถเป็นเฟมินิสต์ได้เหมือนกันต้องเข้าใจก่อนว่าในปัจจุบันสังคมเรายังเป็นปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่อยู่ค่อนข้างมากนะคะ ดังนั้นเพื่อให้สังคมของเราเท่าเทียมกันก็ควรจะทำให้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยเท่ากันด้วย ถ้าใครสนับสนุนแนวคิดทุกคนเท่าเทียมก็แสดงว่าคุณเป็นเฟมินิสต์แล้วนั่นเองค่า


➆ ควรเรียก Transgender ตามเพศสภาพของเขา

รูปภาพ:

ก่อนอื่นเลยต้องอธิบายก่อนว่าTransgenderคืออะไร ก็คือคนที่ได้รับการแปลงเพศหรือคนข้ามเพศนั่นเอง พูดง่าย ๆ ก็คือเพศสรีระหญิงเปลี่ยนเป็นเพศสรีระชาย ส่วนเพศสรีระชายเปลี่ยนเป็นเพศสรีระหญิง นั่นก็เลยเป็นจุดที่คนมักจะรณรงค์กันว่าให้เรียกTransmen = ผู้ชายและเรียกTranswoman = ผู้หญิงแม้ว่าเพศสรีระของเขาตั้งแต่กำเนิดจะตรงข้ามกับปัจจุบันก็ตาม แต่ตอนนี้ร่างกายของพวกเขาก็เหมือนเพศสรีระนั้น ๆ ไปหมดแล้ว และการเรียกแบบนี้นับเป็นการให้เกียรติพวกเขาด้วยนะคะ ถ้าอยากให้สังคมเท่าเทียมเราต้องมองทุกคนให้เท่ากันก่อนนั่นเองจ้า ง่าย ๆ แค่นี้ก็ปรับเปลี่ยนกันดูน้า



อ่านครบทั้ง 7 ประเด็นแล้วทุกคนได้ความรู้บางส่วนเพิ่มเติมไปพอสมควรเลยใช่ม้า?ถ้าใครมีความคิดแบบนี้อยู่แล้วก็อยากให้ทุกคนเก็บมันไว้นะคะ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ดีแล้วก็ช่วยทำให้การปฏิบัติต่อคนในสังคมเรา ๆ มันเท่าเทียมกันมากขึ้นลดการบูลลี่และเบลมให้น้อยลงด้วย แต่ถ้าใครเพิ่งได้รับข้อมูลใหม่ ๆ มาเลยก็อยากให้ลองปรับเปลี่ยนทัศนคติดูน้ามันอาจจะแปลก ๆ ในช่วงแรกแต่ถ้าทำได้ก็รับรองเลยว่าจะเป็นคนที่น่ารักมากขึ้นแน่น้อนนน ส่วนตอนนี้เราหมดเรื่องราวจะเมาท์ต่อแล้วจ้า ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วกลับมาเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ บ๊ายบาย ♥