รูปภาพ:

" เล็บ "เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักให้ความสนใจกับมันแต่ในทางตรงกันข้ามก็กลับถูกละเลยเช่นกัน สาว ๆ หลายคนชื่นชอบการทำเล็บมาก แต่ไม่เคยพักเล็บ หรือทำการบำรุงดูแลเล็บของตัวเองเลยปล่อยให้หน้าเล็บถูกทำลายจากการทำเล็บเจล ต่อเล็บ ทำสีซ้ำ ๆ สารพัดการทำต่าง ๆ จนทำให้เกิดเป็นเล็บเหลือง เปราะบาง ฉีกขาดง่าย

วันนี้ซิสเลยเอา เคล็ด(ไม่)ลับ งัด7 ไอเทมเด็ดบำรุงเล็บให้กลับมาดูสวยสุขภาพดี ทำให้เล็บของเรากลับมาแข็งแรงอีกครั้งโดยที่ไม่ต้องไปทำเล็บเพื่อกลบปัญหาเล็บต่าง ๆ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ และเห็นผลดีจริง มาฝากสาว ๆ ชาวซิสทุกคน จะมีอะไรกันบ้างตามไปดูกันค่าา✨✢    ✢     ▫︎     ✢    ✢    ▫︎   ✢    ✢

❥ ผลเสียจากการทำเล็บเจล/ต่อเล็บ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/90/e0/f6/90e0f64442f78d5d7634cc77b4a54868.jpg

1. เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย

เครื่องมือทำเล็บหากไม่ได้ทำความสะอาดอย่างถูกต้อง อาจเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรคและแพร่กระจายเชื้อได้ รวมทั้งสารเคมีในน้ำยาล้างเล็บอาจทำให้เล็บแห้ง ระคายเคือง อาจทำให้ผิวหนังอักเสบและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ส่งผลทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบได้

2.

ทำให้เล็บบาง เล็บเหลือง แห้ง เปราะและอ่อนแอ

น้ำยาทาเล็บมีสารเคมีหลายชนิด

ที่อาจทำให้เล็บแห้ง บาง เหลืองและแตกได้

โดยเฉพาะการทำเล็บเจล

ที่ก่อนทำเล็บจำเป็นต้องตะไบหน้าเล็บออกเพื่อให้สียึดเกาะได้ดีขึ้น ส่วนขั้นตอนการล้างเล็บเจลนั้นจำเป็นต้องนำเล็บไปแช่ในน้ำยาล้างเล็บ เพื่อให้สีพองตัวและต้องขูดสีเจลออก ซึ่งสารเคมีและขั้นตอนเหล่านี้อาจทำให้หน้าเล็บถูกทำลาย ส่งผลให้เล็บเหลือง เล็บอ่อนแอ เปราะ ฉีก แห้งแตกได้ง่ายขึ้น

3. อาจเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง


สารเคมีในน้ำยาทาเล็บทั้งแบบธรรมดาและแบบสีเจลอาจมีสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะการทำเล็บเจลที่จำเป็นต้องอบเล็บด้วยเครื่องฉายแสงอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี ซึ่งหากสัมผัสซ้ำ ๆ เป็นเวลานานก็อาจเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนังได้

รูปภาพ:รูปภาพ:

7 ไอเทมบำรุงเล็บให้กลับมาเนียนสวยสุขภาพดี

❖ 1. น้ำมันมะกอก

รูปภาพ:

" น้ำมันมะกอก " คุณสมบัติช่วยบำรุงเล็บให้มีความชุ่มชื้น ทำให้เล็บที่เหลืองดูจางลง


เปี่ยมไปด้วยคุณค่าสารอาหารที่ช่วยบำรุง และเติมความชุ่มชื้นให้กับเล็บที่สำคัญซึมซาบเข้าสู่ผิวและเล็บได้ดีอีกด้วย หาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไป☺︎

วิธีการดูแล

- นำน้ำอุ่นผสมกับน้ำมันมะกอกแล้วนำมือลงไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง หากสาวๆ ทำวิธีนี้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น

เล็บมือของเราจะดูแข็งแรง มีสุขภาพดีขึ้น และสีเหลืองของเล็บจะดูจางลง

หลังขั้นตอนการบำรุงด้วยน้ำมันมะกอกแล้วสาว ๆ ยังสามารถใช้ครีมวิตามินอีนวดเบา ๆ ที่มือและเล็บ ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นบำรุงให้เล็บกลับคืนมาสุขภาพดีได้เร็วขึ้นด้วย รับรองว่า

เล็บจะกลับมาสวยและแข็งแรงอย่างแน่นอนค่า⚦     ⚦     ⚦     ⚦      ⚦

❖ 2. เกลือและมะนาว

รูปภาพ:

" มะนาว " คุณสมบัติมี

ทั้งกรดอ่อน ๆ ทำให้เล็บมีสีขาวอมชมพูน้ำมันจากเปลือกมะนาวและวิตามินซีช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรง เงางาม ไม่เปราะหักง่ายมีวิตามีนอี ที่เป็นโปรตีนโครงสร้างหลักที่ช่วยให้เนื้อเยื่อทั้งหมดแข็งแรง รวมทั้งเล็บด้วย

" เกลือ " คุณสมบัติขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ซ่อนอยู่ภายใต้เล็บ เป็นอุปกรณ์ง่ายๆที่มีติดครัวอยู่แล้ว

วิธีการดูแล

-

วิธีนี้ง่ายมากเพียงแค่

ผสมน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะกับเกลือเล็กน้อย คนให้เข้ากันจากนั้นใช้แปรงสีฟันขนนุ่มจุ่มส่วนผสม นำมาขัดเล็บให้ทั่วจากนั้นทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สามารถทำได้ทั้งเล็บมือและเล็บเท้าทำตามนี้จะทำให้

ซึมลึกเข้าบำรุงถึงผิวหนัง และกำจัดสิ่งสกปรกทั้งหลายที่อยู่ภายใต้เล็บ

ได้

เลย⚦     ⚦     ⚦     ⚦      ⚦

❖ 3. แฮนด์ครีม

รูปภาพ:

" แฮนด์ครีม " คุณสมบัติช่วยให้ผิวบริเวณมือของเราเนียนนุ่มน่าสัมผัสซึ่งมักจะมีส่วนผสมพิเศษเพื่อทำให้มือของเราไม่หยาบกระด้าง ครีมทามือบางยี่ห้อที่มีส่วนผสมของวิตามินอี สามารถเติมความชุ่มชื้นให้เล็บของเราได้ดีมาก

หากเล็บของสาว ๆ เปราะ และแห้งหนักมาก แนะนำให้เลือกซื้อครีมทามือที่มีเนื้อสัมผัสที่มีความเข้มข้นเป็นพิเศษซึ่งเหมาะกับการทำงานและเจาะลึกลงไปในเซลล์ผิว หรือครีมทามือบางชนิดเป็นมิตรกับผิวที่บอบบางกว่าครีมอื่น ๆ หากมีผิวแพ้ง่ายให้มองหาครีมทามือที่ปราศจากน้ำหอมและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้

วิธีการดูแล

- ทาครีมบริเวณมือและเล็บ และนวดวนๆ ที่มือ ทำเป็นประจำทุกวัน หรือเวลาว่างก็สามารถทาได้ตลอดตามต้องการ ทำเรื่อยๆ เป็นรูทีนไปเลยย

เป็นการรักษาความชุ่มชื้นให้เล็บ ไม่แห้ง เปราะฉีกง่าย ลดการฉีกของจมูกเล็บด้วยค่า⚦     ⚦     ⚦     ⚦      ⚦

❖ 4. ออยด์บำรุงเล็บ

รูปภาพ:

" ออยล์บำรุงเล็บ " คุณสมบัติช่วยบำรุงให้เล็บรวมไปถึงส่วนของจมูกเล็บแข็งแรงแบบแท่งมีปลายพู่กันใช้งานง่าย ใช้ทาขอบเล็บบำรุงผิว ช่วยให้จมูกเล็บนุ่มขึ้นไม่แข็งมีวิตามิน B-5 ช่วยบำรุงเล็บ หรือใครที่ชื่นชอบการทำเล็บให้ใช้ออยล์บำรุงเล็บก่อนการทำสีเสมอเพื่อเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับเล็บอีกทั้งยังช่วยให้น้ำยาทำปฏิกิริยาต่อหน้าเล็บได้น้อยที่สุดเล็บจึงแข็งแรง ไม่เปราะขาดง่าย

วิธีการดูแล-ช้ด้านที่เป็นแปรงทาบนขอบเล็บบางๆ แล้วนวดเบาๆปลายอีกด้านของแปรง จะบิดเพื่อดันน้ำมันออกมาได้ใช้ได้หลายครั้งสามารถใช้ก่อนรือหลังการทำเล็บได้หรือถ้าเป็นแบบขวด แค่หยดน้ำมันลงบนเล็บแล้วนวดจนซึม โดยไม่ต้องล้างออก ใช้ง่ายมากๆเหมือนกันซึ่งจะช่วยซ่อมแซมเล็บที่เสียหายจากการทำเล็บ

❖ 5. วิตามินบำรุงเล็บ

รูปภาพ:

" วิตามินบำรุงเล็บ " คุณสมบัติช่วยเสริมวิตามินในร่างกายที่ยังขาดอยู่ เพื่อช่วย

ปัญหาเล็บบอบบาง อ่อนแอ และขาดง่ายซึ่งมีสาเหตุจากร่างกายของสาว ๆ กำลังขาดไบโอติน เพราะไบโอตินหรือวิตามินบี 7 ดังนั้นเพื่อเติมไบโอตินให้ร่างกาย เราจึงควรรับประทานอาหารจำพวก ไข่ ถั่ว ธัญพืช กล้วย และเห็ดเพื่อช่วยให้เล็บของเราแข็งแรงขึ้นนั่นเองค่ะ แต่บางคนก็อาจจะรับประทานไม่ถึง เราเลยต้องทานวิตามินเสริมเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดค่า

วิธีการดูแล-ไบโอตินเป็นวิตามินบำรุงเล็บสำหรับเล็บที่เปราะบาง ผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ให้อาหารเสริมไบโอตินแก่ผู้ที่เล็บเปราะบางเป็นเวลา 6 เดือน และพบว่าความหนาโดยรวมของเล็บเพิ่มขึ้น 25%ทั้งนี้ปริมาณแนะนำต่อวันสำหรับไบโอตินคือ 30 ไมโครกรัม-วิตามินบี 12การที่เล็บมีสีเข้มขึ้นหรือแม้แต่เปลี่ยนเป็นโทนสีน้ำเงิน เป็นลักษณะเล็บขาดสารอาหาร วิตามินบี 12 ยังช่วยให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีและทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดไปที่เล็บได้ดี สำหรับปริมาณของวิตามินบำรุงเล็บที่แนะนำต่อวันคือ 2.4 ไมโครกรัม

-ธาตุเหล็กทำให้เล็บจะได้รับออกซิเจนในระดับที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงหากไม่มีธาตุเหล็กเพียงพอ เล็บจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น เกิดเป็นสันหรือโพรงด้านในเล็บ ซึ่งเป็นลักษณะเล็บขาดสารอาหาร ซึ่งปริมาณธาตุเหล็กที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่อายุ 19-50 ปี คือ 18 มก. สำหรับผู้หญิง และ 8 มก. สำหรับผู้ชาย แต่หลังจากอายุ 50 ปี ผู้หญิงต้องการธาตุเหล็กลดลงเหลือ 8 มก.

❖ 6. เบบี้ออยล์

รูปภาพ:

" เบบี้ออยล์ " คุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น บำรุงเล็บและมือให้เนียนนุ่ม น่าสัมผัส ลดความหยาบกร้านโดยเฉพาะบริเวณที่มีความแห้งแตกและต้องการบำรุงเป็นพิเศษแถมเบบี้ออยล์ยังมีกลิ่นหอมด้วยนะ แอบกระซิบว่าเบบี้ออยล์สีม่วงทาแล้วหอมมาก ยิ่งทาก่อนนอนกลิ่นของเค้าทำให้หลับสบายอีกด้วย แถมยังหาซื้อได้ตามเซเว่นก็มีค่า

วิธีการดูแล-ใช้เบบี้ออยล์นวดเบาๆ ให้ทั่วเนื้อเล็บ และจมูกเล็บหมั่นทำบ่อยๆ วิธีนี้ก็จะช่วยให้ผิวรอบเล็บของสาวๆเนียนนุ่ม จมูกเล็บไม่ฟู เนื้อเล็บแข็งแรง และเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยแหละค่ะ ยิ่งช่วงนี้ก็เหมาะสำหรับคนที่ล้างมือบ่อยๆด้วย จะช่วยให้มือไม่แห้ง เล็บเนียนใส

❖ 7. ที่ตัดเล็บ และตะไบเล็บ

รูปภาพ:

" ที่ตัดเล็บและตะไบเล็บ" สงสัยกันมั้ยคะว่าเกี่ยวกับการทำให้เล็บของเราสุขภาพดียังไง? คำตอบคือ

หากรู้สึกเจ็บบริเวณข้างเล็บอยู่บ่อย ๆ นั่นอาจเป็นเพราะการตัดเล็บสั้นจนเกินไป ฉะนั้นลองเปลี่ยนวิธีตัดใหม่ด้วยการตัดให้เป็นเส้นตรงทั้งหมด และไม่ต้องตัดตรงมุมให้ลึกลงไปทำให้ทรงเล็บของสาว ๆ ดูสวยกว่าเดิม และหากไว้เล็บยาวเกิดไปก็อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้

วิธีการดูแล- การตัดเล็บและตะไบเล็บตามทรงเล็บของตัวเอง เป็นอีกวิธีดูแลเล็บที่ทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เริ่มตัดเล็บจากด้านใดด้านหนึ่งที่ถนัด โดยทำการตัดให้เป็นเส้นตรงทั้งหมด และห้ามตัดตรงมุมเล็บจนลึกเกินไป เพราะถ้าทำการตัดเล็บลึกจนเกินไปเมื่อเล็บยาวขึ้นอาจทำให้เกิดเล็บขบได้และการตัดเล็บด้วยวิธีนี้จะทำให้เล็บของคุณดูทรงสวยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

จบกันไปแล้วนะคะสำหรับไอเทมบำรุงเล็บสามารถทำได้ง่าย ๆ และ ทำได้เป็นประจำทุกวัน ลองทำตามวิธีที่ซิสแนะนำดูสิคะ รับรองว่าเล็บของสาว ๆ จะดูดีขึ้น และปัญหาเล็บฉีก เปราะบาง หรือไม่แข็งแรงนั้น จะหมดไปอย่างแน่นอน นอกจากนี้แนะนำว่าให้พักการทำสารเคมีกับเล็บบ้าง เป็นการดูแลสุขภาพของเล็บ ควบคู่ไปกับการใช้ 7 ไอเทมที่บอกไป เพียงเท่านี้เล็บของเรา ก็จะกลับมาสุขภาพดี แข็งแรง ไม่เปรา และไม่ต้องทำเล็บบ่อยๆ เพื่อกลบเล็บเสียอีกต่อไปค่าาา❤︎