มีใครเคยได้รับบัตรเชิญไปออกงานสำคัญๆ อย่างงานเลี้ยงดินเนอร์หรือพบปะลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทกันบ้างมั้ยคะ สำหรับคนที่ไม่เคยก็อ่านข้ามไป แต่ใครที่เคยได้ สังเกตกันบ้างหรือเปล่าว่า ปกติแล้วในบัตรเชิญเข้าร่วมงานสำคัญๆ นอกจากจะระบุชื่องาน ผู้เชิญ และรายละเอียดภายในงานต่างๆ ( ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ด้านหน้าของบัตร ) แล้ว ในบัตรเชิญแต่ละใบมักจะมีการกำหนด “การแต่งกายที่เหมาะสม” สำหรับงานนั้นๆ เอาไว้ด้วย ( ส่วนใหญ่จะระบุไว้ที่ด้านหลังบัตรค่ะ )

ซึ่งคำว่า “การแต่งกายที่เหมาะสม" นี่แหละที่สร้างความปวดหัวให้กับคนที่ถูกเชิญพอสมควร เพราะไม่รู้ว่าแต่งแบบไหนถึงจะเรียกว่า “เหมาะสม” กันแน่ บางทีเรามองว่าเหมาะสม แต่คนอื่นอาจจะมองว่าเราประหลาดก็ได้
เพราะฉะนั้นรายละเอียดการแต่งกายที่ระบุไว้ในบัตรเชิญสมัยนี้จะไม่กำหนดกว้างๆ แค่ว่า “แต่งกายให้เหมาะสม” แล้ว แต่จะระบุเอาไว้เลยว่าให้ใส่มาในรูปแบบไหน ทางการมาก ทางการน้อย หรือเรียบหรู เวอร์วังอลังการมาได้เต็มที่ ซึ่งรูปแบบการแต่งกายเข้าร่วมงานสำคัญๆ ที่เราจะนำเสนอในวันนี้มีอยู่ 4 รูปแบบหลักๆ ด้วยกัน
BUSINESS ATTIRE
ถ้าเป็นบัตรเชิญสำหรับงานพบปะ พูดคุย หรือนัดเลี้ยงแขกคนสำคัญในหน้าที่การงาน เขามักจะระบุเอาไว้เลยว่าขอให้แต่งตัวมาแบบBusiness Attireหรือก็คือ ‘นักธุรกิจเต็มรูปแบบ’ เน้นไปที่ความเนี้ยบ ภูมิฐาน และเป็นการเป็นงานแบบสุดๆ! อย่าให้เห็นเชียวว่าสวมเสื้อกล้าม หรือเดรสพริ้วๆ จะเสียการเสียงานเอาได้ การแต่งกายแบบ Business Attire ถ้าเอาแบบไม่ต้องคิดอะไรมากก็ให้นึกถึง “เสื้อสูท” ไว้ก่อนเลยค่ะ ทั้งเสื้อและกระโปรง ( หรือกางเกงเรียบๆ )
สีของเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็สำคัญมาก ในเมื่อต้องการภาพลักษณ์ของการเป็นนักธุรกิจเต็มรูปแบบแล้ว จะให้มาใส่สูทลายปลาการ์ตูนหรือหมีเท็ดดี้มันก็คงจะไม่เหมาะนะคะ สาวนักธุรกิจทั้งหลายควรเลือกสวมใส่เป็นเสื้อผ้าโทนสีเข้ม อย่างเช่นสีดำ สีน้ำเงิน หรือสีกรมท่า หรือไม่ก็สีน้ำตาลก็ยังพอไหว ส่วนสีอ่อนๆ อาจจะพออนุโลมได้ แต่ถ้าเลี่ยงได้ก็ใช้เป็นโทนสีเข้มดีกว่าค่ะ




BUSINESS CASUAL
หากทางเจ้าของงานระบุว่า ต้องการให้เราสวมใส่ชุดแบบ ‘Business Casual’ ก็หมายความว่าคุณยังควรจะต้องประทับทรงเจ้าแม่สาวนักธุรกิจอยู่ เพียงแต่อาจจะลดระดับความเคร่งขรึมลงมาได้อีกสักเล็กน้อย ดูลำลองมากขึ้น ไม่ต้องฟิตเปรี๊ยะ เนี้ยบตั้งแต่กระดุมคอลงไปยันรองเท้าที่ใส่ ก็จะดูเป็นนักธุรกิจสาวที่ผ่อนคลายมากขึ้น




SMART CASUAL
Smart Casualเป็นรูปแบบการแต่งกายที่ร้านอาหารระดับพรีเมียมส่วนใหญ่นิยมระบุเอาไว้มากที่สุด ภัตตาคาร ร้านอาหารไฮโซ หรือห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหลายดาว มักจะกำหนดการแต่งกายของแขกที่มารับประทานอาหารเอาไว้ที่ระดับนี้กัน คือไม่ต้องเนี้ยบเป๊ะ เหมือน 2 รูปแบบที่ว่ามา แต่ก็ยังคงมีความสุภาพทางการแต่งกายอยู่ในระดับหนึ่ง
เพราะฉะนั้นถ้าเขากำหนดการแต่งกายแบบ Smart Casual เอาไว้ คุณก็สามารถถอดสูทออกไปได้หรือถ้ายังอยากใส่ก็สามารถเลือกใช้เป็นสูทสีอ่อน สีเจ็บ สีสะท้อนแสง กันได้ตามใจชอบ ขอแค่อย่าถึงขั้นที่ว่าสวมเสื้อยืด หรือกางเกงขาสั้นแบบนั้นมันจะเริ่มไม่ smart แล้วนะ
บางคนอาจจะคิดว่ามันก็ยังดูระเบียบจัดเกินไป ก็อยากให้ลองทำความเข้าใจเจ้าของงานนิดนึงว่า ถ้าในร้านหรูของตัวเอง มีแต่แขกสวมเสื้อกล้าม นุ่งกางเกงบอล รองเท้าแตะคีบมานั่งรับประทานอาหารกัน ส่วนพนักงานภายในร้านสวมสูท เดินรินไวน์มันก็คงจะเป็นภาพที่ขัดตาไม่น้อย



EVENING DRESS
จงสวยกันซะให้เต็มที่ทันทีที่เห็นเงื่อนไขการแต่งกายแบบ ‘Evening Dress’ เพราะนั่นหมายถึงชุดราตรียาวสวยงามและหรูหราค่ะ การแต่งกายรูปแบบนี้จะมองว่าทางการมันก็ทางการแบบสุดๆ เลยนะคะ แต่เป็นการ ‘สวยอย่างเป็นทางการ ’อารมณ์ประมาณว่า คืนนี้ฉันต้องสวย ต้องเจิด ต้องเลิศที่สุดในงาน!
Evening Dressหมายถึงชุดยาวเป็นกระโปรงยาวปักเลื่อมพริ้วๆ ส่วนใหญ่นิยมใส่ไปในงาน หรือสถานที่พิเศษหรือโอกาสสำคัญๆ ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า ขอบคุณตัวเองที่สำเร็จการศึกษา ( สักที ) หรือขอบคุณสามีคนดีที่พามากินอาหารในภัตตาคารสุดหรูขนาดนี้ ก็ต้องสวยเต็มที่หน่อยแล้วล่ะค่ะ




ทีนี้สาวๆ ก็มั่นใจได้แล้วว่า แต่งตัวไปงานไหนโดนใจเจ้าของงานแน่นอน ส่วนสาวๆ คนไหนที่ต้องออกงานที่ได้รับบัตรเชิญบ่อยๆ ขอแนะนำว่าควรมีไอเท็มทั้ง 4แบบนี้ติดตู้เสื้อผ้าเอาไว้ เตรียมพร้อมสำหรับทุกงานทุกสถานการณ์ค่ะ
Credit: Dresscode คืออะไรในบัตรเชิญงานเลี้ยง
http://www.socialsuits.com//งานเลี้ยงที่เจ้าภาพระบุการแต่งกาย.html
ถอดรหัส “Dress Code” แต่งตัวให้โดนงาน-เจ้าภาพ-สถานที่
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000178319
แต่งตัวตามงาน ต้องรู้จัก Dresscode
http://www.cosmenet.in.th/th/cosmeintrend/?ELEMENT_ID=21393&SECTION_ID=1797http://fashionhithot.com/ลุคการแต่งตัวแบบชุด-smart-casual-ส/