สวัสดีค่ะ พบกันอีกครั้งกับ Minnie.Mew คนเดิม เพิ่มเติมคือเรื่องของการแต่งหน้าที่ทำออกมาให้ดูกันเรื่อยๆ ( ก็เป็นช่างแต่งหน้าเนอะ 5555 ) วันนี้มิ้วก็จะมาแต่งหน้าให้ได้ชมกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จัดหนักจัดเต็มหน่อย เพราะทำให้ดูกันถึง 5 ลุค 5 สไตล์กันเลยทีเดียว!
เหตุที่จัดมาชุดใหญ่ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะนี้มิ้วต้องการหา Reference หรือ Inspiration ในการแต่งหน้าแบบต่างๆ เพื่อนำมาศึกษาเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ โดยปกติมิ้วเป็นคนชีพจรลงเท้าค่ะ เวลาที่จะไปแต่งหน้าให้ลูกค้าก็ต้องขนเครื่องสำอางและอุปกรณ์ทำผมที่ทั้งเยอะและหนัก ครั้นจะขนโน้ตบุ๊คเพื่อดู Ref. จากในเว็บไซต์ต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกเลยจริงๆ
' โทรศัพท์มือถือ ' จึงเป็นไอเทมที่จำเป็นอย่างมากในการหาแรงบันดาลใจในครั้งนี้ และจากการใช้มือถือบ่อยๆ นี่แหละ ทำให้มิ้วต้องโหลด Application ต่างๆ มากมายเพื่อความสะดวกเวลาที่อยู่นอกบ้าน
นอกจาก Pinterest ที่รวบรวมรูปภาพสวยๆ แล้ว มิ้วยังชอบไปอ่านบทความที่รวบรวมทริคหรือความรู้ต่างๆ เอาไว้ด้วย แอปฯ ของ
SistaCafe
ก็เป็นหนึ่งในแอปฯ ที่มิ้วชอบเข้ามาอ่านบ่อยๆ ค่ะ เพราะว่าใช้ง่าย สะดวก เหมือนกับว่าเขาตั้งใจทำมาให้อ่านในมือถือเลย การแต่งหน้าที่จะมาทำให้ดูในครั้งนี้ก็มาจากบทความใน SistaCafe นี่แหละ มีชื่อว่า
' 5 ลุคเมคอัพ ' Never die ' แต่งได้ตลอด ไม่มีทางเอ้าท์ '
ซึ่งมิ้วว่าเป็นหัวข้อที่น่าสนใจดีค่ะ เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนก็คงอยากรู้ เผื่อจะได้หาสไตล์การแต่งหน้าของตัวเองกันบ้าง
ด้วยความสนใจนี่เอง มิ้วจึงได้ถ่ายคลิปวิดีโอในระหว่างที่แต่งหน้าเอาไว้ด้วย คือแต่งลุคนึงเสร็จ เติมไปเติมมาได้อีกหนึ่งลุค มีลบบ้างอะไรบ้าง สนุกดีค่ะ ว่าแล้วเราไปชมคลิป How to กันเลยดีกว่า ^^
5 ลุคเมคอัพ Never die แต่งได้ตลอด ไม่มีทางเอ้าท์
https://sistacafe.com/summaries/11276
ส่วนใครที่ไม่อยากดูแบบวิดีโอ มิ้วจะเอา Complete Look ที่มิ้วแต่งมาเทียบกับลุคในบทความที่มิ้ว Capture ภาพจากมือถือออกมา พร้อมอธิบายการแต่งหน้าของมิ้วโดยคร่าวๆ นะคะ ^^
1. Makeup No Makeup Look
ลุคแรกมิ้วขอเริ่มจากอะไรเบาๆ ค่ะ นั่นก็คือ Makeup No Makeup เป็นการแต่งหน้าที่แต่งออกมาแล้วดูเหมือนไม่ได้แต่ง 5555 งงไหม? โจทย์คือเราควรจะแต่งอย่างไรให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด เสมือนว่าตื่นมาก็สวยเลย นับว่าเป็นลุคที่ยากที่สุดแล้วในศาสตร์ของการแต่งหน้า ( มิ้วเริ่มจากของยากๆ ก่อนค่ะ เพราะแต่งหนักแล้วจะแก้ยากมากถึงมากที่สุด 55555 ) เดี๋ยวจะจะอธิบายนะคะว่าแต่ละส่วนควรจะใช้เครื่องสำอางประเภทไหนบ้าง
Base Makeup :
เนื่องจากมิ้วแต่ง 5 ลุคต่อกันโดยไม่ได้ลบหน้าทั้งหมด มิ้วจะใช้รองพื้น คอนซีลเลอร์ และแป้งฝุ่นตามลำดับเลยค่ะ
Eyes & Cheek :
เครื่องสำอางที่ใช้ในส่วนนี้ มิ้วจะเน้นทุกอย่างที่เป็นเนื้อแมตต์ค่ะ สีที่ใช้ในการแต่งตาควรเป็นสีเนื้อหรือสีเบจ หรือสีน้ำตาลที่เข้มกว่าผิวสัก 1-2 เฉด นำมาไล้เบาๆ บริเวณขอบตาให้กลืนไปกับผิว ส่วนอายไลเนอร์นั้น เป็นสิ่งที่แทบจะไม่จำเป็นเลย มิ้วใช้ดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาลเขียน Inner ตรงขอบตาบนแทน เพื่อให้ตาดูชัดขึ้นมาหน่อยเท่านั้น ก่อนจะปัดขอแนะนำว่าให้ใช้ทิชชู่ปาดตรงแปรงมาสคาร่าไปเต็มๆ ค่ะ เพื่อที่ตอนปัดจะได้ขนตาที่ชัดและดูเป็นธรรมชาติ ไม่จับเป็นก้อนจนดูน่าเกลียด
นอกจากนี้ เรื่องการเขียนคิ้วก็สำคัญมากค่ะ มิ้วใช้ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นเขียนตามรูปคิ้ว ตามด้วยการใช้แปรงปัดให้อ่อนลง เพื่อให้มันดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ
ในส่วนการปัดแก้มก็ควรใช้บลัชออนที่เป็นเนื้อแมตต์ค่ะ สีพีชหรือสีชมพูอมส้มน่าจะเป็นสีที่หลายๆ คนใช้ได้ เพราะบางคนใช้สีชมพูหรือส้มโดดๆ แล้วสวย แต่บางคนพอปัดออกมาก็ดับ! ควรปัดลงที่บริเวณพวงแก้ม หรือส่วนที่นูนออกมาเวลาที่เรายิ้ม คล้ายๆ กับเวลาที่เราออกกำลังกายแล้วดูมีเลือดฝาดนั่นเอง อย่างไรก็ดีหากใครจะใช้บลัชออนเนื้อครีมหรือทินต์ แนะนำให้ทาแล้วเกลี่ยก่อนลงแป้งเลยค่ะ ควรใช้ในบริมาณที่พอดีๆ เพราะเมื่อปัดแป้งตามแล้วจะได้ความเป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ
Lips :
ในส่วนนี้มิ้วไม่กำหนดว่าจะใช้ลิปประเภทไหนค่ะ บางคนอาจแค่ทาลิปมันมีสี ลิปกลอส ลิปทินต์ หรือบางคนก็ทาลิปสติกลงไปเลย สำหรับมิ้วใช้แค่ลิปมันมีสีอ่อนๆ กับลิปทินต์ที่ด้านในริมฝีปากค่ะ
หากใครจะใช้ลิปสติก แนะนำว่าให้เลือกสีดีๆ เลยค่ะ เพราะลิปสีเบจบางทีทาออกมาแล้วก็ทำให้ดูออกค่ะว่าแต่งหน้ามา
2. Nude Makeup Look
การแต่งหน้าโทนนู้ด เป็นลุคที่เราน่าจะเจอกันบ่อยที่สุด ด้วยโทนสีที่เล่นง่ายอย่างชมพู ส้ม สีพีช สีเบจ หรือสีน้ำตาล เข้ากับสีผิวตามธรรมชาติได้ดี แต่งแล้วดูไม่แปลกแหวกแนวอะไรมาก เห็นคนแต่งกันมาทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าจะแต่งในชีวิตประจำวันออกไปเรียน ไปทำงาน ออกงาน หรือแม้กระทั่งในละครหรือซีรีส์ก็ตาม
Eyes & Cheek :
ในลุคนี้เราใช้ไอเทมที่ผสมชิมเมอร์ได้แล้ว แต่ก็ยังคงเน้นความสวยเป็นธรรมชาติอยู่ สีที่ใช้สำหรับตาจึงควรเป็นสีที่เข้ากันได้ดีกับผิวเช่นสีเบจ น้ำตาล ชมพู ส้ม หรือสีพีช สามารถแต่งให้เข้มขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่ควรเข้มเกินไป เพราะมันจะดูเป็น Colorful มากกว่าโทนนู้ดนะคะ
ในขณะเดียวกัน บลัชออนที่จะนำมาแต่งในลุคนี้ เราสามารถใช้บลัชออนที่มีเนื้อผสมชิมเมอร์ได้ ไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็ตาม ปัดให้เข้มกว่าลุคแรกได้ แต่ต้องไม่เข้มเกินจนเป็นแก้มลิงไปซะล่ะ
Lips :
งานนี้สามารถใช้ลิปสีได้เลย ไม่ว่าจะเป็นลิปสีเบจ สีส้มพีช สีชมพูอ่อน หรือสีนู้ด ( ทาแล้วจะดูซีดไหม ต้องเทียบกับตาและแก้มด้วย ) ทางที่ดีต้องเลือกโทนสีนิดนึงนะคะ เพราะบางสีตอนอยู่ในแท่งก็สวยดี แต่ทาออกมาแล้วก็เข้มไปบ้าง หรือดูแปลกไปบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องคำนึงถึงสีผิวของเราเป็นสำคัญ
3. Golden Brown Makeup Look
เพราะสีทองนั้นเป็นสีที่หรูหราด้วยตัวของมันเอง ไปอยู่ตรงส่วนไหนก็ดูมีความอลังการงานสร้างขึ้นมาทันที แม้ไม่ได้ใช้ทักษะการแต่งหน้าที่ซับซ้อน ในขณะเดียวกันสีน้ำตาลก็เป็นสีที่ใช้ได้กับทุกๆ สีผิว Golden Brown Makeup Look จึงเป็นลุคที่สาวๆ หลายคนชอบ เวลามีงานสำคัญ คิดอะไรไม่ออกก็น้ำตาล-ทองเข้าช่วย รอดตายแน่นอน!
Eyes & Cheek : เปลือกตาสีทองมีประกายชิมเมอร์ ทำให้การแต่งหน้าของเราดูหรูหรา ยิ่งเบลนด์เข้ากับสีน้ำตาลเข้ม-อ่อนแล้ว จะช่วยให้เราดูมีทักษะมากขึ้น ใครที่มีเบ้าตาชัดๆ แนะนำว่าให้คัดเบ้าด้วยอายแชโดว์สีน้ำตาลเข้มหรือสีดำเนื้อแมตต์ไปเลยค่ะ ได้ลุคสโมกกี้อายสวยๆ กันเลยล่ะทีนี้ ^^
ในส่วนของแก้ม ลุคนี้มิ้วไม่เน้นสีบลัชออนค่ะ จะเน้นการคอนทัวร์และไฮไลท์มากกว่า ให้หน้าดูโกลว ๆ ( มิ้วว่าสาวๆ ผิวแทนปัดไฮไลท์ที่มีชิมเมอร์เป็นกระกายทองๆ จะดูสวยเด่นมากค่ะ ในขณะที่สาวผิวขาวอย่างเราปัดแล้วเหมือนไม่มีอะไรเลย ) อย่างไรก็ตามหากใครอยากจะใช้บลัชออนจริงๆ มิ้วคิดว่าสีส้มน่าจะเข้ากับสีน้ำตาลได้ดีกว่าสีชมพู หรือถ้าอยากให้มีสีชมพูจริงๆ ใช้สีชมพูอมส้มนิดๆ ก็ได้ค่ะ
แต่งตาน้ำตาล-ทอง ทำให้สวยแพงตลอด แม้จะดูสิ้นคิดไปก็ตาม
Lips : ตามชื่อเลยค่ะ Golden Brown ลิปที่ทาก็ควรเป็นสีน้ำตาล-ทอง บางคนอาจใช้ลิปสีน้ำตาลหรือสีเบจที่มีชิมเมอร์ประกายทองๆ หรือใช้ลิปกลอสสีทองไปเลยก็ได้ค่ะ
4. Retro Look Makeup [ Vintage ]
ถ้าพูดถึงการแต่งหน้าสไตล์วินเทจ หลายคนอาจมีภาพที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจนึกถึงการแต่งหน้าในยุค 20's ที่ผู้หญิงนิยมเขียนคิ้วบางๆ ( บางคนโกนคิ้วจริงแล้วเขียนใหม่เลย ) ทาปากสีเข้มๆ บางคนก็นึกถึงยุค 50's ซึ่งเป็นยุคทองของ Hollywood ที่สาวๆ นิยมการเขียนคิ้วให้ดูคมเข้มเป็นทรงชัดเจน ทาปากแดง ( ลองนึกถึง Marilyn Monroe สิ ) หรือไม่บางคนก็อาจจะนึกถึงการแต่งตาสีๆ แล้วเขียนชั้นตาขึ้นมาให้ดูมีเข้าตาชัดแบบสาวๆ ในยุค 60's ตามแบบนางแบบสาว Twiggy ( ใครนึกไม่ออกลองนึกถึง ' ทองกวาว ' นางเอกในละครเรื่องมนต์รักลูกทุ่งดู )
มิ้วเป็นคนชอบอะไรย้อนยุคอยู่แล้ว การแต่งหน้าในลุคนี้มิ้วจึงรู้สึกตื่นเต้นและตั้งใจเป็นพิเศษ อยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำดู อย่างการแต่งหน้าแบบในยุค 60's ค่ะ ก่อนที่จะไปเน้นจุดเด่นที่เป็นเรื่องของการแต่งตา มิ้วก็จะตบแป้งผสมรองพื้นเพื่อให้หน้าดูแมตต์ค่ะ
Eyes Makeup : เนื่องจากมิ้วแต่งตาโทนสีน้ำตาล-ทองมาจากลุคที่แล้ว ด้วยความขี้เกียจลบแล้วล้างใหม่ มิ้วจึงแต่งตาเพิ่มเข้าไป โดยใช้สีดำเขียนเป็นเส้นโค้งตรงเบ้าตาค่ะ ในส่วนนี้ใครจะใช้ดินสอเขียนขอบตาหรืออายไลเนอร์ก็ได้ แล้วแต่เทคนิคเลยค่ะ แต่ถ้าจะใช้อายไลเนอร์ มือต้องนิ่งพอสมควรนะ
Lips : เวลาพูดถึงการแต่งหน้าแบบย้อนยุค สิ่งที่เข้ามาในหัวมิ้วเป็นอย่างแรกคือการทา " ปากแดง " ค่ะ มิ้วว่ามันเป็นลุคที่ดูคลาสสิคสุดๆ เพราะตั้งแต่จำความได้จนถึงตอนนี้ มิ้วก็เห็นสาวน้อยสาวใหญ่ทาปากแดงกันมาตลอด ในการทาปากแดงให้สวยได้รูปนั้น มิ้วจะเก็บรายละเอียดตรงขอบปากก่อนค่ะ ในลุคนี้มิ้วใช้ Lip Stain หรือลิปจุ่มอย่างเดียวเลยค่ะ โดยมิ้วจะเอาลิปจุ่มสีเข้มทาขอบปากก่อน ( มิ้วเป็นคนรูปปากค่อนข้างบาง เลยเขียนให้เลยขอบปากจริงออกมานิดหน่อย ) จากนั้นจึงใช้ลิปครีมสีแดงสดทาริมฝีปากทั้งหมดค่ะ
*ในส่วนของการทาลิปสีเข้มๆ มิ้วว่าการทาขอบปากก่อนเป็นอะไรที่สำคัญค่ะ เพราะมันจะเป็นการกำหนดรูปปากของเราให้ดูสวยกว่าเดิม*
5. Grunge Makeup Look
มาถึงลุคสุดท้ายที่มิ้วไม่ค่อยถนัดนัก เพราะแต่งไม่บ่อย อย่างการแต่งหน้าสไตล์ Grunge ที่เน้นส่วนของดวงตาและปากโดยใช้สีดาร์คๆ และมีความแมตต์ถึงขั้นสุด ( ก่อนที่มิ้วจะแต่งลุคนี้ มิ้วต้องลบตาและปากก่อนเลย เพราะของเก่าจากลุควินเทจก็ทำไว้แน่นจริงอะไรจริง )
Eyes Makeup : มิ้วเน้นการแต่งตาแบบสโมกกี้อายค่ะ ใช้สีน้ำตาลอมม่วง ผสมแดงนิดๆ เหมือนสีเบอร์กันดี และสีดำเบลนด์ให้เข้ากัน เน้นใช้อายแชโดว์เนื้อแมตต์อย่างเดียวเลยค่ะ
*งานนี้มิ้วไม่เน้นสีแก้มค่ะ เน้นการคอนทัวร์เพียงอย่างเดียว ตอนที่ไฮไลท์ มิ้วก็ใช้แป้งพัฟที่ขาวกว่าผิวของมิ้ว 1-2 เฉดแทนการใช้ไฮไลท์ที่ผสมชิมเมอร์ค่ะ*
Lips : นึกถึงสไตล์ Grunge ทีไร หลายคนก็นึกถึงปากสีดาร์คๆ เข้มๆ เนื้อแมตต์ บางคนใช้ลิปสีน้ำตาล สีแดงเข้ม แดงอมม่วง หรือสีเบอร์กันดี มิ้วเองก็เลือกใช้สีที่ทาไม่บ่อยอย่างสีน้ำตาลอมม่วงค่ะ ( เคยโดนคนทักว่าทาลิปสีดำด้วย นี่คือข้อเสียของการมีผิวขาวอย่างแท้จริง =w= )
นับว่าเป็นอะไรที่สนุกมากเมื่อได้ลองแต่งหน้าตามบทความนี้ 5 ลุคในวันเดียวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ( โดยเฉพาะกับหน้าคนคนเดียว 5555 ) ใครที่คิดว่าไม่ยากเกินไป ลองนำวิธีการหรือคำแนะนำของมิ้วไปแต่งตามกันได้นะคะ บางคนอาจจะมีทริคของตัวเองกันอยู่แล้ว หรือถ้าใครไม่มีไอเดียเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ก็หาทริคดีๆ จากในแอปฯ
SistaCafe
เหมือนมิ้ว
ก็ได้ค่ะ เพราะเจ้าแอปฯ นี้ดูจะตั้งใจทำออกมาเพื่อผู้หญิงอย่างแท้จริง มีการรวบรวมองค์ความรู้ ทริคต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามที่ดีมากๆ รวมถึงการอัพเดทเทรนด์ต่างๆ ในโลกแฟชั่นที่เวียนไปเวียนมาตลอดเวลา
ตอนที่แต่งหน้ามิ้วเปิดแอปฯ ดู Ref. และรูปภาพอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่บทความนี้บทความเดียวที่มิ้วดู แต่มิ้วยังเปิดดูบทความอื่นๆ ในแอปฯ ด้วย เพื่อหาแรงบันดาลใจจนครีเอทแต่ละลุคออกมาได้นั่นเอง ใครที่เพิ่งเริ่มจะหัดสวย หัดแต่งหน้า สิ่งนี้ช่วยคุณได้จริง
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ชมทุกท่าน หวังว่าทุกคนจะได้รับสิ่งดีๆ ทริคดีๆ จากมิ้วนะคะ กลับมาพบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่า ^^
ติดตามชมผลงานของมิ้ว หรือเข้ามาพูดคุย Comment กันได้ตามช่องทางเหล่านี้ค่ะ :)
Fanpage : Minnie.Mew
https://www.facebook.com/Minniieee.Mew/
minniemew.blogspot.com
http://minniemew.blogspot.com/
Youtube Channel : Minnie.Mew
https://www.youtube.com/channel/UCOLlgeJ-EoLClHrCTmEBMmw
Instagram : @minniie.mew
https://www.instagram.com/minniie.mew/
บทความที่เกี่ยวข้อง
มาเปลี่ยนหน้าโทรมๆ เป็นหน้าใสๆ ในช่วงสอบ
https://sistacafe.com/summaries/16853
7 ข้อผิดพลาดของการแต่งหน้าในตอนเช้า ที่สาวๆ ควรระวัง
https://sistacafe.com/summaries/16865