1. SistaCafe
  2. เจาะหูกี่วันหาย ? วิธีดูแลแผลให้หายไว และร้านเจาะหูแนะนำ

การเจาะหูเป็นแฟชั่นที่ไม่ว่านานแค่ไหนก็ยังคงเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเจาะเพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้ลุค หรือแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา แต่หลายคนมักสงสัยว่า เจาะหูกี่วันหาย? และต้องดูแลแผลอย่างไรถึงจะหายไว ปลอดภัย และไม่เสี่ยงติดเชื้อ บทความนี้รวมข้อมูลสำคัญให้แล้ว พร้อมพาทุกคนไปรู้จักว่า การเจาะหูมีกี่รูปแบบ ระดับความเจ็บของแต่ละจุดมากน้อยแค่ไหน และ ทริคการดูแล รวมถึงข้อความระวังหลังเจาะ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สุดท้ายปิดด้วยการป้ายยาร้านเจาะหู ที่บอกเลยว่าเริ่ดเลยแหล่ะ ทั้งความสะอาดปลอดภัย มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อให้เพื่อน ๆ ไปเจาะหูได้อย่างมั่นใจและหายเจ็บแผลไวแน่นอน!


เลือกอ่านตามหัวข้อ

Profile picture of parae

parae

บรรณาธิการ/Supervisor

Content Manager

นักคิดนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านเนื้อหาบิวตี้ ไลฟ์สไตล์ และสุขภาพในออนไลน์กว่า 10 ปี


ทำไมการเจาะหูถึงเป็นที่นิยม ?


อย่างที่บอกไปว่าไม่ว่าจะยุคไหน คนก็ยังนิยมเจาะหูเพื่อเพิ่มเสน่ห์ หรือแสดงความเป็นตัวเอง บางคนเจาะเพราะชอบความสวยงาม แต่บางคนเจาะเพราะรู้สึกว่ามัน “ สื่อถึงความมั่นใจ ” หรือมีความหมายส่วนตัวบางอย่างซ่อนอยู่ จากงานวิจัยทางด้านจิตวิทยาและสังคม พบว่า การเจาะร่างกาย (รวมถึงการเจาะหู) มักมีแรงขับเคลื่อนที่ลึกกว่าการ “แค่สวย” เช่น งานวิจัยหนึ่งจาก BMC Psychology, BioMed Central (2022) พบว่า “ การมีรอยสักหรือการเจาะร่างกาย (รวมถึงการเจาะหู) พบได้บ่อยในกลุ่มคนที่รายงานว่าตนเองเคยถูกละเมิดหรือถูกทอดทิ้งในวัยเด็ก ” ( แหล่งที่มา : bmcpsychology.biomedcentral.com )

ความหมายเชิงลึกตีความจากผลวิจัย คนที่มีประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ยากลำบากในวัยเด็ก อาจเลือกการเจาะร่างกายเพื่อ “ ฟื้นฟูความรู้สึกควบคุมร่างกายของตัวเอง ” ใช้เป็น “ การแสดงออกเชิงอัตลักษณ์ ” หรือ “ เครื่องหมายของความเข้มแข็ง ” และบางคนรู้สึกว่าการเจาะเป็นวิธี “ เปลี่ยนความเจ็บปวดทางใจให้เป็นสิ่งที่มองเห็นได้ ” ดังนั้น ข้อความจากงานวิจัยนี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่ถูกทำร้ายต้องเจาะร่างกาย แต่สะท้อนว่า การเจาะหรือสักอาจเป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาและการแสดงออกทางจิตใจของบางคน

และยังมีอีกงานวิจัยจาก MDPI (2023) Multidisciplinary Digital Publishing Institute เป็นสำนักพิมพ์วิชาการจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า “ มากกว่า 80% ของคนที่มีการเจาะร่างกายรวมถึงหู ทำเพื่อความสวยงาม และกว่าครึ่งบอกว่า " ช่วยเพิ่มความมั่นใจและแสดงความเป็นตัวเอง ” ( แหล่งที่มา: mdpi.com )

จะเห็นได้ว่า “ การเจาะหู ” ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่น แต่มีทั้งการแสดงออกทางสังคม, บุคลิกภาพ, ความเชื่อ หรือแม้แต่การใช้ร่างกายเป็นพื้นที่ของการแสดงตัวตนอีกด้วย



สรุปสั้น ๆ เหตุผลที่การเจาะหูได้รับความนิยม เพราะ

  • เป็นการเสริมบุคลิกภาพให้โดดเด่น หรือแสดงความเป็นตัวของตัวเอง
  • เป็นเครื่องประดับที่แสดงสไตล์และแฟชั่น
  • ในบางวัฒนธรรมมีความหมายเฉพาะ (เช่น เครื่องหมายสถานะ, สัญลักษณ์ความงาม)
  • กระบวนการค่อนข้างรวดเร็วและเข้าถึงได้ง่ายเมื่อเทียบกับการปรับแต่งร่างกายอื่น ๆ

โดยทั่วไป “ การเจาะหู ” สามารถแบ่งตามตำแหน่งที่เจาะได้หลายแบบ เช่น

  • Earlobe ( ติ่งหู )
  • Helix / Forward Helix ( ขอบบนของหู )
  • Tragus / Daith / Rook ( กระดูกอ่อนบริเวณรูหู )
  • Conch ( กลางหูด้านใน )
  • Industrial ( เจาะสองจุดเชื่อมด้วยแท่งโลหะ )

แต่ละตำแหน่งมีทั้ง ข้อดี ข้อเสีย ความเจ็บ และระยะเวลาการหายต่างกัน มาดูกันเลยค่ะว่ามีแบบไหนบ้าง

ประเภทและตำแหน่งของการเจาะหู


ตำแหน่งของการเจาะหูมีหลายที่มาก คนที่ใจถึงอาจจะชอบเจาะทุกจุดและไม่หวั่นเกรงต่อความเจ็บ แต่สำหรับใครที่กลัวเจ็บหรือไม่อยากรอให้แผลหายช้ามาลองเลือกตำแหน่งที่เจาะแล้วเจ็บน้อยถึงปานกลาง หรือระยะเวลาการสมานตัวของแผลไม่นานกันดูค่ะ



1. เจาะติ่งหู ( Earlobe หรือ Standart lobe )

  • ตำแหน่ง : ส่วนล่างของใบหูที่เป็นเนื้ออ่อน จุดนี้คือจุด “ คลาสสิก ” ที่คนนิยมเจาะมากที่สุด
  • ทำไมคนถึงเลือกเจาะ : เพราะเจ็บน้อยที่สุด ดูแลง่าย และสามารถใส่ต่างหูได้หลากหลายสไตล์
  • ข้อดี : หายเร็วที่สุดในบรรดาการเจาะทั้งหมด , ใส่เครื่องประดับได้ทุกแนว
  • ข้อเสีย : ถ้าใส่ต่างหูที่หนักเกินไป อาจทำให้รูยืดหรือฉีกได้
  • ระดับความเจ็บ : เบามาก เจ็บแค่ช่วงวินาทีตอนเจาะ
  • จุดนี้เจาะหูกี่วันหาย : โดยทั่วไปประมาณ 6–8 สัปดาห์ ก็เริ่มหายดีแล้ว แต่ถ้าอยากให้หายสมบูรณ์ อาจใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
  • การดูแล : ล้างมือก่อนจับต่างหูทุกครั้ง , เช็ดแผลด้วยน้ำเกลืออ่อน ๆ วันละ 2 ครั้ง และหลีกเลี่ยงการหมุนต่างหูบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้แผลหายช้า


2. เจาะหูส่วนบน ( High Lobe / Upper Lobe )

  • ตำแหน่ง : ารเจาะที่อยู่เหนือจากติ่งหูขึ้นไปเล็กน้อย เป็นบริเวณที่ต่อเนื่องระหว่างเนื้ออ่อนของติ่งหู (earlobe) กับ กระดูกอ่อนส่วนล่างของใบหู
  • ข้อดี : เจ็บน้อย ดูแลไม่ยาก หายเร็ว และเพิ่มความแฟชั่นได้ง่ายโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการเจาะกระดูกอ่อน
  • ข้อเสีย : ต้องระวังเรื่องตำแหน่ง เพราะถ้าชิดกระดูกอ่อนมากไปจะทำให้เจ็บและหายช้าและอาจทำให้ใส่ต่างหูบางแบบไม่ได้
  • ระดับความเจ็บ : น้อยถึงปานกลาง
  • จุดนี้เจาะหูกี่วันหาย : โดยทั่วไป แผลเจาะหูส่วนบนจะใช้เวลาหายประมาณ 6–8 สัปดาห์
  • การดูแล : ดูแลลักษณะเดียวกับการเจาะที่ติ่งหู ล้างมือก่อนจับต่างหูทุกครั้ง , เช็ดแผลด้วยน้ำเกลืออ่อน ๆ วันละ 2 ครั้ง และหลีกเลี่ยงการหมุนต่างหูบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้แผลหายช้า


3. เจาะขอบหูด้านบน ( Helix )

  • ตำแหน่ง : การเจาะบริเวณกระดูกอ่อนรอบขอบบนของใบหู ถือเป็นหนึ่งในตำแหน่งยอดนิยมของการเจาะหูแฟชั่นโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่
  • ข้อดี : ดูเท่ แฟชั่นจ๋าและใส่ต่างหูได้หลายแบบ เช่น ห่วงเงิน ทอง หรือแท่งบาร์เล็ก ๆ อีกทั้งรูไม่ขยายง่ายเหมือนติ่งหู
  • ข้อเสีย : เนื่องจากเป็นส่วนกระดูกอ่อนจึงมีเลือดไหลน้อย ทำให้แผลหายช้ากว่า , ถ้าดูแลไม่สะอาด อาจเกิดการติดเชื้อหรือบวมแดงได้ง่าย และอาจเกิด keloid (แผลนูน) หรือ bump รอบรูเจาะในบางคน
  • ระดับความเจ็บ : ปานกลางถึงค่อนข้างเจ็บ
  • จุดนี้เจาะหูกี่วันหาย : ประมาณ 4–9 เดือน แล้วแต่การดูแล แต่ถ้าเป็นกระดูกอ่อนส่วนบนสุดหรือเจาะหลายรู อาจนานถึง 12 เดือน
  • การดูแล : ทำความสะอาดวันละ 2–3 ครั้ง , หลีกเลี่ยงการหมุนหรือดึงต่างหูบ่อย ๆ , ห้ามเปลี่ยนต่างหูก่อนแผลหายสนิท และหลีกเลี่ยงการนอนทับหูข้างที่เจาะ ที่สำคัญต้องใช้วัสดุเครื่องประดับที่ปลอดภัย เช่น ไทเทเนียม , ทองคำแท้ , หรือ เหล็กเกรดแพทย์ วัสดุเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงของการแพ้โลหะหรือการอักเสบ


4. เจาะกระดูกอ่อนข้างรูหู ( Tragus )

  • ตำแหน่ง : Tragus คือกระดูกอ่อนชิ้นเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาบังรูหู
  • ข้อดี : ดูสวยและไม่ซ้ำใคร ไม่เห็นรูเจาะชัดเจนเมื่อไม่ใส่ต่างหู เหมาะกับคนที่ต้องการความเรียบหรู
  • ข้อเสีย : เนื่องจากอยู่ใกล้ช่องหู จึงเสี่ยงต่อการสะสมของแบคทีเรีย , ต้องระวังเรื่องการฟังเพลงด้วยหูฟัง เพราะอาจไปกระแทกบริเวณแผล และหากเจาะลึกเกินไป อาจทำให้เกิดการอักเสบในกระดูกอ่อน
  • ระดับความเจ็บ : ปานกลางถึงค่อนข้างเจ็บ
  • จุดนี้เจาะหูกี่วันหาย : โดยทั่วไป แผลเจาะ Tragus จะใช้เวลาหายประมาณ 3–6 เดือน
  • การดูแล : ทำความสะอาดวันละ 2–3 ครั้ง , หลีกเลี่ยงหูฟังและโทรศัพท์แนบหู , หลีกเลี่ยงการหมุนหรือดึงต่างหูบ่อย ๆ , ห้ามเปลี่ยนต่างหูก่อนแผลหายสนิท และไม่นอนทับหูข้างที่เจาะ


5. เจาะกลางหู ( Conch )

  • ตำแหน่ง : บริเวณกระดูกอ่อนตรงกลางของใบหูด้านใน อยู่ระหว่างติ่งหูและขอบหูรอบนอก สามารถแบ่งการเจาะ Conch ได้ 2 แบบหลัก ๆ คือ
  • ข้อดี : ตำแหน่งโดดเด่น เห็นชัดแม้ไว้ผมยาว , สามารถใส่ต่างหูได้หลากหลายแบบ ทั้งห่วงและเม็ดเล็ก และไม่ค่อยขยายหรือฉีกเหมือนติ่งหู
  • ข้อเสีย : บริเวณนี้เป็นกระดูกอ่อนหนา ทำให้เจ็บกว่าการเจาะจุดอื่น และหายช้ากว่าปกติ , เสี่ยงต่อการกระแทกจากหมอน โทรศัพท์ หรือหูฟัง รวมถึงถ้าดูแลไม่ดีอาจเกิดการอักเสบเป็นตุ่ม (bump) หรือหนองได้
  • ระดับความเจ็บ : ค่อนข้างเจ็บ เพราะเป็นกระดูกอ่อนหนา ต้องใช้แรงเจาะมากกว่าปกติ
  • จุดนี้เจาะหูกี่วันหาย : โดยเฉลี่ยแล้วแผลเจาะ Conch จะใช้เวลาหาย 6–12 เดือน
  • การดูแล : ทำความสะอาดวันละ 2–3 ครั้ง , ห้ามถอดหรือเปลี่ยนต่างหูก่อนครบ 9 เดือน , หลีกเลี่ยงการหมุนหรือดึงต่างหูบ่อย ๆ , หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำหรือแช่น้ำอาจติดเชื้อได้ง่าย และบีบหรือกดถ้ามีหนองควรรีบไปพบแพทย์




6. การเจาะหูแบบเชื่อมต่อ ( Industrial )

  • ตำแหน่ง : เป็นการเจาะหู สองรูที่เชื่อมต่อกันด้วยแท่งเหล็กยาว (Barbell) โดยทั่วไปจะอยู่ บริเวณกระดูกอ่อนส่วนบนของใบหู (Helix)
  • ข้อดี : ดีไซน์โดดเด่น เหมาะกับคนที่ต้องการรูเจาะแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร และสามารถปรับเปลี่ยนแท่งโลหะได้หลายสไตล์เมื่อแผลหายดี
  • ข้อเสีย : เจ็บมากกว่าการเจาะทั่วไป เพราะต้องเจาะสองรูในคราวเดียว , หากรูทั้งสองไม่อยู่ในแนวเดียวกัน แท่งบาร์จะบิดหรือกดทับ ทำให้แผลหายช้า และเสี่ยงติดเชื้อง่าย เนื่องจากบริเวณกระดูกอ่อนมีเลือดมาเลี้ยงน้อย
  • ระดับความเจ็บ : ค่อนข้างเจ็บ
  • จุดนี้เจาะหูกี่วันหาย : ระยะเวลาการหายของการเจาะ Industrial ค่อนข้างนานกว่าจุดอื่น โดยเฉลี่ยประมาณ 6–12 เดือน
  • การดูแล : ทำความสะอาดวันละ 2–3 ครั้ง , งดเปลี่ยนแท่งบาร์ก่อนครบ 6 เดือน , ห้ามหมุนหรือขยับแท่งบาร์ , หลีกเลี่ยงการนอนทับหูข้างที่เจาะ หากมีอาการปวด บวม แดง หรือมีหนอง ควรรีบพบแพทย์ทันที อย่าพยายามบีบหรือถอดบาร์ออกเอง เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อหนักขึ้น


เพิ่มความลักชูให้ใบหูด้วยต่างหูแบรนด์เนมสวยๆ ดูต่อที่นี่


วิธีดูแลหลังเจาะหู ช่วยให้แผลหายเร็ว


การเจาะหูแม้จะเป็นแฟชั่นยอดฮิตที่ใคร ๆ ก็ทำกัน แต่อาจมีปัญหาที่ตามมาอย่าง “ ความเจ็บ บวม แดง หรือหูมีหนอง ” โดยเฉพาะหากดูแลไม่ถูกวิธี บางรายรูเจาะอาจปิดเร็วหรือเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้แผลหายช้ากว่าปกติ จากที่ควรหายภายในไม่กี่สัปดาห์ อาจยืดไปหลายเดือนเลยทีเดียว ดังนั้นหากอยากให้แผลเจาะหูหายไวและสวยสมบูรณ์จำเป็นต้องดูแลอย่างถูกวิธีตั้งแต่วันแรกหลังเจาะเลยนะคะ จะมีวิธีดูแลยังไงบ้างไปลองดูกันเลยค่ะ


10 วิธีดูแลหลังเจาะหูให้แผลหายเร็ว



1. ทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้ง

ใช้น้ำเกลือปลอดเชื้อ (Sterile Saline Solution) เช็ดรอบรูเจาะเบา ๆ เช้า-เย็น ห้ามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแรง ๆ อย่างแอลกอฮอล์หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เพราะอาจทำให้ผิวรอบแผลแห้งและแสบ หรือใช้สบู่สูตรฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่หาได้ในร้านขายยาและซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปล้างทำความสะอาดก็ได้ ที่สำคัญอย่าลืมล้างมือให้สะอาดก่อนเดี๋ยวจะยิ่งติดเชื้อซ้ำซ้อนไปใหญ่นะคะ

2. ห้ามจับหูบ่อย ๆ และห้ามหมุนต่างหู

มือเรามีเชื้อโรคมาก หากจำเป็นต้องสัมผัสหูที่เจาะ ควรล้างมือให้สะอาดก่อนเสมอ ที่สำคัญแม้หลายร้านจะบอกให้หมุนต่างหูเพื่อไม่ให้ติด แต่ในความเป็นจริงการหมุนจะทำให้เนื้อในแผลฉีกและติดเชื้อได้ง่าย ควรปล่อยให้นิ่งจนกว่าแผลจะแห้งสนิท หากกังวลกลัวแผลติดแนะนำให้รอแผลหายสัก 2 อาทิตย์แล้วค่อยหมุนเบา ๆ ช่วงทำความสะอาดจะดีที่สุดค่ะ

3. หลีกเลี่ยงการนอนทับหูข้างที่เจาะ

ในช่วง 2–3 สัปดาห์แรกควรนอนหงายหรือนอนอีกข้าง เพื่อป้องกันแรงกดที่ทำให้รูเจาะเอียงหรือบวม

4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำสกปรก

งดว่ายน้ำในสระ ทะเล หรือแช่ในอ่างน้ำร้อน เพราะน้ำเหล่านี้อาจมีแบคทีเรียอาจทำให้แผลติดเชื้อได้

5. หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ระคายเคือง

หลีกเลี่ยงสเปรย์ฉีดผม, น้ำหอม, หูฟังแบบครอบหู เพราะทั้งหมดเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียชั้นยอด! รวมถึงระวังเวลายกโทรศัพท์มือถือขึ้นแนบหูหรือต้องใช้หูฟังอาจทำให้เกิดการอักเสบ บวม ระคายเคืองได้ ช่วงแรก ๆ ต้องอดทนหน่อยเพื่อให้แผลหายไวๆ นะคะ

6. ใช้เครื่องประดับวัสดุปลอดภัย

ดูให้แน่ใจว่า ต่างหูที่ใช้ทำจากวัสดุมีคุณภาพทำให้แผลหายไวขึ้น เลือกต่างหูที่ทำจากวัสดุเกรดแพทย์ เช่น Titanium, Surgical Steel, หรือ ทองคำแท้ 14K/18K เพื่อป้องกันอาการแพ้และการอักเสบ หลีกเลี่ยงต่างหูพลาสติกราคาถูก หรือที่มีส่วนผสมของตะกั่วเพราะทำให้แผลไม่หายสักที

7. ให้แผลได้หายใจ

พยายามอย่าปิดหูด้วยพลาสเตอร์หรือผมเพราะความชื้นจากเหงื่อจะทำให้เชื้อโรคสะสมและเกิดการอับเสบได้ หากเหงื่อไหลควรเช็ดทำความสะอาดไม่ให้เกิดเชื้อโรคหมักหมมทุกครั้งนะคะ

8. รักษาสุขภาพโดยรวมให้ดี

สุขภาพโดยรวมของเราเป็นสิ่งสำคัญ อย่าลืมดื่มน้ำสะอาดเยอะ พักผ่อนเพียงพอ และกินอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ ถั่ว หรือปลา จะช่วยให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อซ่อมแซมแผลได้เร็วขึ้น

9. ประคบเย็นเมื่อมีอาการบวม

หากหูบวมแดงในช่วง 2–3 วันแรก สามารถใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบเพื่อลดอาการได้แต่ห้ามใช้ความเย็นจัดอย่างการเอาน้ำแข็งมาแปะโดยตรงนะคะ

10. พบแพทย์หากมีอาการอักเสบรุนแรง

ถ้าเจาะบริเวณกระดูกอ่อน แผลจะรุนแรงกว่าบริเวณติ่งหูมากค่ะ หากหูบวมมาก มีหนอง หรือปวดจนรบกวนการนอนควรรีบพบแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์เฉพาะทางเพื่อป้องกันการติดเชื้อเรื้อรัง

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ :“ อย่าพยายามเปลี่ยนต่างหูเร็วเกินไป เพราะถึงแม้แผลดูหายภายนอกแต่เนื้อเยื่อภายในยังไม่สมบูรณ์ การเปลี่ยนเร็วเกินไปอาจทำให้รูฉีกและติดเชื้อได้ ” — Dr. Rachel Nazarian, MD (Dermatologist, Mount Sinai Hospital)( ที่มา : allure.com/beauty/ear-piercing-aftercare )



การดูแลแผลหลังเจาะหูแม้จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร แต่เพื่อน ๆ ก็ต้องใส่ใจในรายละเอียด เช่น ทำความสะอาดให้ถูกวิธี หลีกเลี่ยงแรงกด และใช้ต่างหูวัสดุปลอดภัย หากดูแลอย่างถูกต้องแล้ว ก็หมดคำถามไปเลยว่าเจาะหูกี่วันหาย ? เพราะแผลจะหายภายใน 6–8 สัปดาห์ สำหรับติ่งหู และ 3–12 เดือน สำหรับกระดูกอ่อน ไม่ต้องกลัวหูตัน หูบวม และอาการติดเชื้อตามมาเลยค่ะ

ข้อควรระวังหลังเจาะหูที่ต้องรู้


การเจาะหูดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่อย่างที่บอกไปถ้าดูแลไม่ดีอาจเกิดอาการบวม แดง เจ็บ หรือแม้แต่แผลติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วง 1–2 เดือนแรกที่แผลยังบอบบาง ลองไปดูกันต่อว่า “ข้อควรระวังหลังเจาะหู” ที่ต้องรู้มีอะไรบ้าง ที่จะช่วยให้แผลหายไว ปลอดภัย และรูเจาะอยู่ทรงสวย ไม่เอียงหรือปิดก่อนเวลา


10 ข้อควรระวังหลังเจาะหู ที่ควรรู้ก่อนแผลติดเชื้อ



1. ระยะเวลาการเปลี่ยนต่างหูหลังเจาะ

โดยทั่วไป ไม่ควรเปลี่ยนต่างหูภายใน 6–8 สัปดาห์แรก สำหรับตำแหน่งติ่งหู (Earlobe) ส่วนตำแหน่งกระดูกอ่อน (Helix, Tragus, Industrial) ควรรออย่างน้อย 3–6 เดือน หรือจนกว่าแผลจะแห้งสนิท

2. การหมุนต่างหูหลังเจาะ

ไม่ควรหมุนต่างหูในช่วงแรก เพราะการหมุนจะทำให้แผลภายในฉีกและหายช้าลง โดยทั่วไปสามารถ “ขยับเบา ๆ” ได้หลังจาก ผ่านไป 6–8 สัปดาห์ (ติ่งหู) แต่สำหรับหูส่วนกระดูกอ่อนควรรอ อย่างน้อย 3 เดือน

3. ความรู้สึกเจ็บ (ทั้งเด็ก / ผู้ใหญ่)

  • เด็ก : ปกติจะเจ็บ 3–5 วันแรก และอาจรู้สึกตึง ๆ ประมาณ 1–2 สัปดาห์
  • ผู้ใหญ่ : เจ็บนานกว่านิดหน่อย 5–7 วัน โดยเฉพาะถ้าเจาะส่วนกระดูกอ่อน หลังจากนั้นจะเหลือเพียงอาการตึงเล็กน้อยจนกว่าแผลจะหายดีใน 1–3 เดือน

4. วิธีการดูแผลเจาะหูที่แห้งแล้ว

สังเกตุต้องว่าไม่มีอาการเจ็บหรือแสบเวลาโดน รวมถึงไม่มีของเหลวหรือคราบเหลืองไหลออกมาจากแผล เช่นเกียวกับผิวรอบรูเจาะกลับมามีสีเนื้อปกติ และสามารถขยับต่างหูเบา ๆ ได้โดยไม่เจ็บ หากยังรู้สึก “ ตึง แดง หรือมีสะเก็ดชื้น ” แปลว่ายังไม่หายสนิท ห้ามเปลี่ยนต่างหูเด็ดขาด

5. สระผมหลังเจาะ

สามารถสระผมได้หลังเจาะ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้แชมพูหรือครีมนวดโดนแผลโดยตรง หลังสระเสร็จให้ล้างด้วยน้ำเกลือ และซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด

6. อาหารต้องห้าม

ของกินที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วง 2 สัปดาห์แรก ได้แก่ อาหารทะเล (กุ้ง ปู ปลาหมึก) , ไก่ ไข่ และของหมักดอง รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้แผลคันหรืออักเสบง่ายขึ้น โดยเฉพาะในคนที่แพ้ง่าย

7. การนอนตะแคงข้างทับหู

หลีกเลี่ยงการนอนทับข้างที่เจาะอย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ หากเป็นการเจาะกระดูกอ่อนควรรอ 3 เดือนขึ้นไป เพื่อให้รูไม่เบี้ยวและลดแรงกดบนแผล

8. ระยะเวลาอาการเจ็บของแผลเจาะหูกระดูกอ่อน (Helix)

แผลเจาะ Helix ( กระดูกอ่อนขอบหู ) จะใช้เวลาหายนานกว่าเจาะติ่งหูทั่วไป โดยเฉลี่ยประมาณ 6–12 เดือน ในช่วง 3 เดือนแรกควรระวังการกระแทกและหลีกเลี่ยงหูฟังแบบครอบ ตามคำแนะนำจาก Association of Professional Piercers (APP)“ การเจาะกระดูกอ่อนใช้เวลาหายยาวนานกว่าติ่งหู 2–3 เท่า เพราะเลือดมาเลี้ยงน้อยกว่า ต้องดูแลความสะอาดต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ” ( ที่มา: safepiercing.org )

9. อาการปวดแผล

โดยทั่วไปจะปวดและบวมเล็กน้อยในช่วง 2–5 วันแรก ถ้าเจาะกระดูกอ่อนอาจปวดนานถึง 1 สัปดาห์ แต่ไม่ควรเกิน 10 วัน หากยังมีอาการปวด บวม แดง หรือมีหนองหลังจากนั้น ควรรีบพบแพทย์

10. ระยะเวลาการเปลี่ยนจิว

  • ติ่งหู ( Earlobe ) : ประมาณ 6–8 สัปดาห์
  • กระดูกอ่อน ( Helix, Tragus, Daith ) : 6–12 เดือน
  • Industrial : 9–12 เดือน

แนะนำให้เปลี่ยนโดยช่างมืออาชีพเท่านั้นเพื่อป้องกันการฉีกขาดหรือแผลติดเชื้อ เพราะการจะหายเร็วหรือช้าของแผลมักขึ้นอยู่กับ การดูแลหลังเจาะอย่างต่อเนื่อง หากปฏิบัติตามข้อควรระวังข้างต้นอย่างเคร่งครัด รับรองว่า แผลจะหายไว ปลอดการติดเชื้อ และสามารถเปลี่ยนจิวใหม่ได้อย่างมั่นใจภายในระยะเวลาที่เหมาะสม

พิกัดร้านเจาะหูที่เชื่อถือได้


นอกจากการดูแลแล้วก็ควรที่จะเลือกร้านเจาะหูที่สะอาด ได้มาตรฐาน และเป็นมืออาชีพด้วยถึงจะดีที่สุด เพราะการเจาะหูที่ปลอดภัยต้องอาศัยความสะอาดและช่างผู้มีประสบการณ์ หากทำในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ บวมแดง หรือรูเจาะเอียงได้เลยทีเดียว ดังนั้นการเลือกร้านเจาะหูจึงสำคัญไม่แพ้การเลือกต่างหูเลยนะคะ

ปัจจุบันในกรุงเทพฯ มีร้านเจาะหูหลายแห่งที่ได้รับการยอมรับทั้งด้านความสะอาด วัสดุคุณภาพ และเทคนิคที่แม่นยำอย่างเช่น 5 พิกัดร้านเจาะหูที่เชื่อถือได้ พร้อมข้อมูลจุดเด่น วิธีเดินทาง และช่วงราคาโดยประมาณ มาฝากกัน เพื่อช่วยให้เพื่อน ๆ เลือกร้านได้ตรงใจมากที่สุด จะมีร้านไหนบ้างไปดูกันเลย!

1. PA&O Official



จุดเด่นของร้าน

  • ร้าน PA&O Official ตั้งอยู่ใจกลางย่านแฟชั่นในสยาม (แถว สยามสแควร์) ซึ่งเดินทางสะดวกทั้งรถไฟฟ้า BTS และรถสาธารณะ
  • ใช้เข็มเจาะแบบมาตรฐาน และให้บริการเจาะหูโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเครื่องประดับคุณภาพสูง เช่น เงินสเตอร์ลิง 925 และโลหะเกรดแพทย์ จากรีวิวของผู้ใช้หลายราย
  • บริการเหมาะทั้งผู้ที่เจาะครั้งแรกและผู้ที่อยากปรับลุคด้วยจิวเวลรี่ชั้นเลิศ เน้นมาตรฐาน hygiene และความปลอดภัย

พิกัด & การเดินทาง พิกัดร้านอยู่ที่ Siam Square Soi 3 เดินทางได้โดย รถไฟฟ้า BTS ลงสถานี “สยาม” แล้วเดินเข้าซอย Soi 3 สยามสแควร์ แนะนำให้จองคิวล่วงหน้า หรือสอบถามผ่าน Instagram/Line เพราะช่วงเย็นและวันหยุดคนมักเยอะ

ราคาโดยประมาณ ราคาจิวรวมการเจาะ ที่ PA&O อยู่ในช่วง หลักร้อยถึงหลักพันบาท สำหรับเจาะหูทั่วไป ติ้งหู (ear lobe) สำหรับตำแหน่งพิเศษ เช่น เจาะกระดูกอ่อน (cartilage) หรือตำแหน่งหลายจุด อาจอยู่ในช่วง 1,000 – 3,000 บาท ขึ้นไป ขึ้นกับวัสดุจิวเวลรี่และความซับซ้อนของตำแหน่ง


2. Nooyoo piercing, perfected



จุดเด่นของร้าน

  • เป็นร้านเจาะหูและจิวเวลรี่ที่เน้น วัสดุปลอดสารระคายเคือง (hypo-allergenic jewelry) เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงหลังการเจาะหูได้ดี
  • มีหลายสาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทำให้เดินทางสะดวกและมีมาตรฐานบริการค่อนข้างเป็นมืออาชีพ
  • เหมาะกับผู้ที่อยากได้บริการเจาะหูที่รวดเร็ว มีตัวเลือกต่างหูดี ๆ ให้เลือก อีกทั้งยังมีโปรโมชันเป็นระยะ เช่น ราคาเจาะพร้อมต่างหู รวมบริการที่น่าสนใจ

พิกัด & การเดินทาง มีหลายสาขา เช่น BTS Siam , Siam Paragon , central world , Central Bangna , Central Chidlom , Future Park Rangsit , Central Eastville , ICONSIAM , Central Lardprao , Megabangna , Central Pinklao , Central Westgate ฯลฯ หากเลือกสาขาในห้าง ก็สะดวกด้วยรถสาธารณะ รถไฟฟ้า หรือรถยนต์ส่วนตัว โดยร้านตั้งอยู่ในห้างใหญ่จึงมีที่จอดรถและระบบเดินทางสาธารณะครอบคลุม ดูสาขาเพิ่มเติมที่ nooyoo location

ราคาโดยประมาณ เจาะติ่งหูธรรมดาที่ NooYoo เริ่มที่ ประมาณ 400 – 900 บาท ขึ้นอยู่กับชุดต่างหูและโปรโมชั่น สำหรับการเจาะจุดพิเศษหรือใช้วัสดุคุณภาพสูง (เช่น ไทเทเนียม, ทอง 14K เป็นต้น) ราคาอาจอยู่ในช่วง หลักพันบาทขึ้นไป


3. mottashop


จุดเด่นของร้าน

  • Mottashop เป็นร้านเครื่องประดับเงินแท้ 92.5% ที่มีบริการ “เจาะหู” ควบคู่ไปด้วย จุดเด่นคือ เจาะหูไม่เจ็บ ใช้เครื่องมือเกรดแพทย์
  • มีหลายสาขาทั่วประเทศ ทั้งในห้างใหญ่ ทำให้เดินทางสะดวก และสามารถเลือกต่างหูหรือจิวเวลรี่ทันทีหลังเจาะ

พิกัด & การเดินทาง มีหลากหลายพื้นที่ให้เลือกใช้บริการตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศไทย



ราคาโดยประมาณ จาะหูที่ Mottashop มีราคา ประมาณ 300 – 400 บาท สำหรับการเจาะหูทั่วไป สำหรับวัสดุพรีเมียมหรือจุดเจาะพิเศษ ราคาประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป


4. copper9 jewelry



จุดเด่นของร้าน

  • ร้าน Copper9 Jewelry เป็นร้านเครื่องประดับที่โดดเด่นด้านดีไซน์เกาหลี มีต่างหูน่ารักๆ เยอะมาก และใช้วัสดุคุณภาพ เช่น เงินสเตอร์ลิงหรือวัสดุปลอดสารระคายเคือง
  • มีบริการ เจาะหูฟรี พร้อมเลือกเครื่องประดับได้ทันที

พิกัด & การเดินทาง ร้านอยู่ที่โซน ชั้น G ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว (Central Ladprao) การเดินทางนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานี ลาดพร้าว ได้เลย

ราคาโดยประมาณ สำหรับบริการเจาะหูพร้อมเครื่องประดับทั่วไป: ประมาณ 300 – 600 บาท ถ้าเป็นวัสดุพิเศษ หรือเจาะตำแหน่งกระดูกอ่อน/หลายจุด อาจมีราคาสูงขึ้น เช่น 800 – 1,500+ บาท


5. Piercing Room by Jay



จุดเด่นของร้าน

  • ร้านนี้เป็นสตูดิโอเจาะหูโดยเฉพาะ พร้อมงานจิวเวลรี่คุณภาพ และช่างเจาะที่ผ่านการรับรองผู้เชี่ยวชาญ
  • มีบริการให้คำปรึกษาเลือกตำแหน่งเจาะที่เหมาะกับรูปใบหูของแต่ละคน

พิกัด & การเดินทาง ชั้น 3 อาคาร Siam Square One การเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานี สยาม แล้วเดินเข้าซอยหรือทางเชื่อมของ Siam Square One

ราคาโดยประมาณ อยู่ในช่วงประมาณ 500–1,500 บาท สำหรับการเจาะหูทั่วไป (ติ่งหู) ขึ้นอยู่กับจิวเวลรี่และวัสดุ สำหรับตำแหน่งพิเศษหรือใช้วัสดุพรีเมียม ราคาอาจสูงกว่านี้


แนะทริคเลือกต่างหูให้เหมาะกับใบหน้า ดูต่อที่นี่



คำถามที่พบบ่อย

เจาะหูกี่วันถึงจะใส่ก้านได้

ประมาณ 6–8 สัปดาห์ สำหรับติ่งหู (ถ้าเป็นกระดูกอ่อนอาจใช้เวลา 3–6 เดือน)

เจาะหูกี่วันถึงจะไม่ตัน

หลังจากแผลหายสนิทประมาณ 2–3 เดือน ขึ้นไป แต่ควรใส่ต่างหูไว้ตลอดช่วงนี้เพื่อป้องกันรูปิด

เจาะหูห้ามกินอะไร

ควร งดอาหารทะเล ไก่ ไข่ ของหมักดอง และของเผ็ดจัด เพราะอาจกระตุ้นให้แผลอักเสบหรือหายช้าได้

เจาะหูครั้งแรกควรรักษายังไง
  • หลังเจาะควรเช็ดด้วยสำลีชุดน้ำเกลือรอบๆ แผล วันละ 2-3 ครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการโดนน้ำ 2-3 วันแรก และไม่ใช้มือสัมผัสแผลหรือหมุนต่างหูเพราะจะทำให้แผลที่ใกล้แห้งกลับมาสดใหม่
  • หลังอาบน้ำสระผมให้ซับบริเวณใบหูเบาๆ ให้แห้งโดยไม่จำเป็นต้องถอดต่างหู
  • งดอาหารหมักดอง แอลกอฮอล์ช่วง 2-3 เดือนแรก
  • หมั่นสังเกตอาการบวม แดง มีหนอง หากพบควรปรึกษาแพทย์
เจาะหูแบบเข็มหรือปืนดี

แนะนำให้เลือกจากบริเวณตำแหน่งที่เจาะและการแนะนำของช่างมืออาชีพ โดย

  • เจาะแบบปืนจะทำได้รวดเร็วกว่า เกิดขึ้นแบบฉับพลันและเจ็บน้อยกว่า แต่ก็ฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องได้น้อยกว่าแบบเข็ม และมีโอกาสเบี้ยวได้หากช่างมือไม่แม่นพอ จึงเหมาะกับการเจาะติ่งหูธรรมดา
  • เจาะด้วยการใช้เข็มกลวงจะรู้สึกถึงความถูกบีบมากกว่า แต่ใช้เข็มเพียงครั้งเดียวจึงค่อนข้างปลอดเชื้อ และยังแผลหายเร็วกว่าเนื่องจากการฉีกขาดของเนื้อเยื่อน้อยกว่าและได้รูที่แม่นยำกว่า จึงเหมาะกับการเจาะในบริเวณกระดูกอ่อนของหู

สรุป เจาะหูให้หายเร็วไม่ใช่แค่เรื่องเวลา แต่คือเรื่องของการดูแลที่ถูกวิธี


การเจาะหูไม่ใช่แค่แฟชั่นที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เรา แต่ยังเป็น “ สัญลักษณ์ของความมั่นใจ ” และการแสดงตัวตนในแบบของแต่ละคน บอกเลยไม่ว่าจะยุคไหนแฟชั่นการเจาะหูก็ยังไม่มีวันตกเทรนด์ ฉะนั้นคำถามที่หลายคนคาใจเรื่องความเจ็บ สรุปได้ว่าแผลเจาะหูจะใช้เวลาหายประมาณ 6–8 สัปดาห์ สำหรับติ่งหู และ 3–6 เดือน สำหรับกระดูกอ่อน แต่อย่างที่บอกไปว่าขึ้นอยู่กับต้นทางถึงปลายทางอย่างการเลือกช่างเจาะมืออาชีพและอุปกรณ์ปลอดเชื้อที่เป็นก้าวแรกสำคัญที่ทำให้เราสวยได้อย่างปลอดภัย ตลอดจนการดูแลล้างแผลด้วยน้ำเกลือวันละ 2 ครั้งหลังจากนั้นด้วย และทริคอีกเล็กน้อยที่ช่วยได้อย่างการหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนต่างหูเร็วเกินไป งดอาหารแสลง และอย่านอนทับข้างที่เจาะ เพื่อให้รูเจาะสวย หายไว ไม่อักเสบ ดังเช่นเคล็ดลับจาก Association of Professional Piercers : APP ( สมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านการเจาะร่างกายระดับสากล ) แนะนำไว้ว่า " การรักษาความสะอาดและไม่จับแผลบ่อย ๆ คือหัวใจหลักของการฟื้นตัวที่เร็วและปลอดภัยที่สุด " ( แหล่งที่มา : safepiercing.org )


สุดท้ายนี้ เจาะหูให้หายเร็ว ไม่ใช่แค่เรื่องเวลา แต่คือเรื่องของการดูแลที่ถูกวิธี อย่าลืมว่าความสวยต้องมาพร้อมความปออดภัยนะคะ Take care ><


บทความแนะนำที่คล้ายกัน


🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1