ช่วงนี้เห็นกระแสของการใช้น้ำกับเส้นผมเพื่อทดสอบสภาพเส้นผมเต็มโลกโซเชียลไปหมด หรือที่เขาเรียกกันว่า " Hair Porosity Test " นั่นเองนะคะ เห็นแบบนี้แล้วหลาย ๆ คนก็คงอยากจะทดสอบกันดูใช่ไหมล่า แต่ก่อนจะไปทดสอบ เรามารู้จักการทดสอบสภาพเส้นผมกันก่อนดีกว่าว่ามันคืออะไร ทดสอบแล้วได้อะไร ทดสอบยังไง รู้แล้วแก้ไขยังไงได้บ้าง แล้วมีวิธีในการบำรุงให้เส้นผมไม่เกิดรูพรุนไหม ถ้าอยากรู้ก็ไถจอมาอ่านกันโลดค่า


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


Hair Porosity Testคืออะไร?

ก็คือการทดสอบสภาพเส้นผมของเรานั่นเองค่ะ ถามว่าเช็กไปแล้วได้อะไร? เช็กไปแล้วก็จะได้รู้สภาพเส้นผมของเราว่าเป็นยังไงบ้าง แล้วสภาพเส้นผมแบบนี้มีวิธีการดูแลผมแบบไหน ควรใช้่อะไรเพิ่มเติมเพื่อทำให้เส้นผมของเรามีสุขภาพดีขึ้นหรือคงความสุขภาพดีแบบนี้ไปได้เรื่อย ๆ นั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจมาก ๆ แล้วก็ช่วยทำให้เราสามารถบำรุงผมได้แบบตรงจุดมากขึ้นด้วย ว่าแล้วก็มาดูวิธีการทดสอบกันเลยดีกว่า!


วิธีทดสอบ Hair Porosity Test

วิธีทดสอบง่ายมาก ๆ แค่ใช้เส้นผม แก้วน้ำและน้ำเท่านั้นค่ะ ส่วนขั้นตอนก็ทำตามนี้ได้เลย!

  1. หยิบเส้นผม 1 เส้นจากหวีที่เราใช้
  2. เอาแก้วใส่น้ำประมาณครึ่งแก้ว
  3. หลังจากนั้นนำเส้นผมหย่อนลงไปในน้ำ
  4. รอสักพักนึงแล้วดูว่าเส้นผมของเราอยู่ในระดับไหน

เมื่อเรารู้ระดับแล้วว่าเส้นผมของเราอยู่ในระดับไหนก็มาดูกันเลยค่ะว่าแต่ละระดับบ่งบอกสภาพเส้นผมได้ว่าอะไรบ้าง


ระดับที่เส้นผมจมหมายความว่าอะไร?

รูปภาพ:
credits รูปภาพ: https://www.afamconcept.com/cdn/shop/articles/hair-porosity_750x.jpg?v=1692743518

ระดับเส้นผมที่จม - ลอยจะแบ่งได้ 3 ระดับ โดยแต่ละระดับจะมีความหมายแบบนี้ค่า

1. ลอย (Low) : เป็นเส้นผมที่มีรูพรุนน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย พูดง่าย ๆ ก็คือเกล็ดผมมีความแน่นมาก ๆ ทำให้เส้นผมไม่อมน้ำและไม่ดูดซับความชื้นเลย แล้วสภาพเส้นผมแบบนี้ผมมักจะแห้งช้ามาก ๆ วิธีแก้ไขคือให้เติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมค่ะ เน้นไปที่แชมพูที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมแบบง่าย ๆ ได้เลย

2. อยู่กลางแก้ว (Medium) : เป็นเส้นผมที่มีรูพรุนเล็กน้อย เกล็ดผมเปิดเบา ๆ ทำให้รับความชุ่มชื้นได้นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้รับมากจนจม เรียกได้ว่าใครที่มีสภาพเส้นผมแบบนี้แปลว่าผมของคุณสุขภาพดี มีความชุ่มชื้นที่โอเค วิธีแก้ไขไม่มีแต่ให้ใช้แชมพู คอนดิชันเนอร์ที่เนื้อกลาง ๆ ไม่เข้มข้นจ๋าหรือไม่บางเบาจนเกินไป

3. จม (High) : เป็นเส้นผมที่มีรูพรุนมากที่สุดหรือก็คือเกล็ดผมเปิดออกมาก ทำให้เส้นผมสามารถดูดความชุ่มชื้นเข้าไปได้จำนวนมากจนจมลงก้นแก้ว แปลง่าย ๆ ก็คือผมเสียหนักมากนั่นเองนะคะ วิธีแก้ไขก็คือให้ใช้แชมพู ทรีตเมนต์แบบเข้มข้นเพื่อจะให้มันไปเสริมโปรตีนในเส้นผมจนเส้นผมมีความชุ่มชื้นมากขึ้น


วิธีดูแลเส้นผมไม่ให้เกิดรูพรุนมากจนเกินไป (Hair Porosity)


1. ไม่ทำสีและเคมีกับเส้นผม

รูปภาพ:

เพื่อไม่ให้เส้นผมโดนทำร้ายก็ไม่ควรที่จะทำสีผมและเคมีกับเส้นผมเลย รวมไปถึงการกัดสีผมที่ทำร้ายเส้นผมหนักที่สุดด้วยนะคะ ที่บอกแบบนี้ก็เพราะว่าการทำสีผมคือการทำให้เส้นผมมีการเปิดเกล็ดผมออก และอาจจะทำให้เกล็ดผมที่เปิดออกเปิดมากเกินไปจนเป็นสภาพเส้นผมแบบ High ได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ผมเสียก็ไม่ควรทำสีผมและทำเคมีกันเส้นผมนะคะ แต่ถ้าอยากจะทำจริง ๆ ก็ให้ทำสีที่ไม่ต้องสว่างมาก เส้นผมก็จะได้ไม่เสียหายหนักมากนั่นเองค่ะ


2. เลี่ยงใช้ความร้อนกับเส้นผม

รูปภาพ:

การใช้ความร้อนกับเส้นผมมันเลี่ยงได้ยากมาก ๆ นะคะ เพราะส่วนใหญ่ทุกคนก็มักจะใช้ไดร์เป่าผม เป่าให้ผมแห้งหลังสระเสมอ ดังนั้นเนี่ยให้เลี่ยงเท่าที่จำเป็นแทนค่ะ คือถ้าไม่ได้ออกไปไหนก็ไม่ต้องหนีบผม ไม่ต้องม้วนผม แต่ถ้าจะออกไปข้างนอกต้องทำผมก็ใช้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ประมาณ 160 - 180 องศา ก็จะทำให้เส้นผมของเราไม่โดนทำร้ายมากจนเกินไปนั่นเองนะคะ


3. ใช้แชมพูที่เหมาะกับสภาพเส้นผม

รูปภาพ:

รู้สภาพเส้นผมแล้วก็ใช้แชมพูที่เหมาะกับเรานะคะ อย่างคนที่มีสภาพเส้นผมแบบ Low ก็ควรใช้แชมพูที่เติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม แบบ Medium ก็ใช้สูตรทั่วไปไม่ต้องพิเศษอะไรมากมาย ส่วนแบบ High ควรใช้สูตรที่เติมโปรตีนให้เส้นผมเยอะ ๆ จะทำให้เส้นผมชุ่มชื้นมากขึ้น เรียงตัวสวยมากขึ้นและไม่พันกันจนขาดหลุดร่วงง่ายด้วย


4. บำรุงเส้นผมเพิ่มเติม

รูปภาพ:

แน่นอนว่านอกจากใช้แชมพู เราก็ควรมีคอนดิชันเนอร์ ทรีตเมนต์ ลีฟอิน มาสก์ผมต่าง ๆ ไว้ใช้กับแต่ละสภาพเส้นผมด้วย โดยแบบ Low เน้นไปที่เติมความชุ่มชื้นทั่วไปก็พอ ไม่ต้องใช้ตัวที่เนื้อหนักแบบทรีตเมนต์และมาสก์ผม ต่อมาแบบ Medium ก็คล้าย ๆ กันค่ะแต่อาจจะสลับใช้แบบเติมความชุ่มชื้นหนัก ๆ กับเบา ๆ สลับกันไปได้ ส่วนแบบ High ให้ใช้แบบหนัก ๆ อย่างทรีตเมนต์ ลีฟอิน มาสก์ผมต่าง ๆ ได้เลย รวมไปถึงพวกทรีตเมนต์เชื่อมพันธะ/เชื่อมแกนผมก็ใช้ได้นะคะ


5. ไม่สระผมด้วยน้ำร้อน

รูปภาพ:

นอกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนกับเส้นผมได้ ก็ยังมีน้ำร้อนจากเครื่องทำน้ำอุ่นอีกอย่างที่ต้องระมัดระวังเลยนะคะ ถึงแม้ว่าเราจะใช้น้ำร้อนแค่แป๊บเดียว แต่เส้นผมได้รับมันบ่อย ๆ ทุกวันก็ทำให้เส้นผมที่ชุ่มชื้นกลับกลายเป็นแห้งเสียได้ เพื่อไม่ทำให้เส้นผมขาดความชุ่มชื้นเราก็ควรใช้น้ำอุณหภูมิห้องหรืออุ่นนิดหน่อยเท่านั้นเพื่อการสระผมนะคะ


6. ใส่ออยล์บำรุงเส้นผม

รูปภาพ:

สภาพเส้นผมไม่เหมือนกัน ดังนั้นก็จะใช้ออยล์ไม่เหมือนกันด้วย โดยถ้าจะให้แนะนำก็จะขอแนะนำตามนี้เลยค่ะ


    7. ใส่หมวกหรือใช้ร่มเวลาออกแดด

    รูปภาพ:

    วิธีการสุดท้ายนี้อาจจะดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเส้นผมแต่มันเกี่ยวข้องนะเออ อย่าลืมว่าแสงแดดและมลภาวะในอากาศมีส่วนทำให้ผมเสีย ขาดความชุ่มชื้นได้ด้วย เพื่อป้องกันให้เส้นผมและหนังศีรษะยังแข็งแรงต่อไป ก็ควรหาอะไรมาปิดช่วงหนังศีรษะและเส้นผม โดยจะใช้ร่ม ใช้หมวกหรือวิธีการที่ง่ายกว่านั้นคือรวบผม ก็จะช่วยทำให้เส้นผมโดนแสงแดดและมลภาวะน้อยลงแล้ว คราวนี้เส้นผมที่เสียก็จะมีน้อยลงแล้วนั่นเองค่ะ


    ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


    เป็นยังไงกันบ้างคะ ได้รู้จัก Hair Porosity Test วิธีทดสอบสภาพเส้นผมแล้ว แถมยังได้รู้วิธีการดูแลเส้นผมพร้อมกับไอเทมบำรุงเส้นผมแบบตรงกับสภาพเส้นผมของเราด้วย ยังไงก็อย่าลืมไปลองทดสอบกันนะคะ วิธีการง่ายสุด ๆ ไปเลย และถ้าใครรู้สึกว่าบทความนี้เป็นประโยชน์มาก ๆ ก็ฝากกดแชร์บอกต่อเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ กันด้วยนะคะ ไปทดสอบและเริ่มบำรุงผมให้สุขภาพดีกันเถอะ! ว่าแล้วทางเราก็ขอไปทดสอบบ้างดีกว่า แล้วกลับมาพบกันใหม่นะคะ บ๊ายบาย


    ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ afamconcept.com


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ


    เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

    SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้