1. SistaCafe
  2. จิมิเหม็นเหมือนปลาเค็ม อันตรายไหม ? วิธีดูแลน้องสาวยังไง ไม่ให้ส่งกลิ่น

ปัญหาของผู้หญิงอย่างเราๆ ที่คุณผู้ชายไม่มีวันเข้าใจ ก็ต้องยกให้เรื่องปัญหาใต้กระโปรงนี้แหล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็น วันแดงเดือด , การดูแลความสะอาด หรือแม้แต่เรื่อง " กลิ่นของจุดซ่อนเร้น " ก็ล้วนเป็นเรื่องที่สาวๆ ต้องใส่ใจ ดูแล และให้ความสำคัญมากๆ เพราะคงไม่มีใครอยากให้ตรงนั้นของเราส่งกลิ่นเหมือนปลาเค็ม อย่างที่เคยได้ยินคนพูดถึงกันหรอกจริงไหมคะ ? ว่าแต่ จิมิเหม็นเหมือนปลาเค็ม มันมีกลิ่นแบบนั้นอยู่จริงๆ เหรอ แค่การเปรียบเปรยกันนะ รวมถึงปัญหากลิ่นในจิมิของเรา เกิดจากอะไรไ? กลิ่นแบบไหนอันตราย? และจะมีวิธีป้องกันการเกิดกลิ่นชวนปวดหัวยังไงได้บ้าง ? บทความนี้รวมสาระมาให้สาวๆ ทั้งหมดแล้วค่ะ เอาเป็นว่าใครที่ประสบปัญหานี้อยู่ หรือแม้แต่คนที่น้องสาวยังกลิ่นดีอยู่ก็ตามแต่ ลองไปศึกษาสุขอนามัยจิมิของเราไปพร้อมๆ กันดีกว่าค่ะ ยังไงกันไว้ก่อนก็ดีกว่ามานั่งแก้อยู่แล้วเนอะ ><


✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿

จิมิเหม็นเหมือนปลาเค็ม จริงไหม หรือ แค่เปรียบเปรย ?

ก่อนที่เราจะไปรู้จักปัญหาเรื่องกลิ่นของจิมิ เรามาไขข้อข้องใจกันก่อนดีกว่าว่า จิมิกลิ่นเหมือนปลาเค็ม ที่เคยได้ยินเขาพูดกัน มันมีกลิ่นแบบนั้นได้จริงๆ หรือไม่​ ? หรือเป็นแค่คำที่ผู้ใหญ่เขาใช้เปรียบเปรยเพื่อให้เราตระหนักเรื่องการดูความสะอาดน้องสาวกันแน่

ต้องบอกก่อนว่า จิมิและช่องคลอดของเราประกอบไปด้วยสารคัดหลั่งและแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถปล่อยกลิ่นบ้างได้เป็นเรื่องธรรมชาติ โดยจะถือว่าปกติถ้าอยู่ห่างจากช่องคลอดประมาณ 1 ฟุตแล้วไม่ได้กลิ่นออกมา แต่หากว่ากลิ่นจากช่องคลอดนั้นฉุนหรือเหม็นมาก รวมถึงมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ช่องคลอดเจ็บ แสบร้อน หรืออาการคัน แบบนั้นแสดงว่ามีปัญหาแล้วค่ะ

ฉะนั้น คำที่บอกกันว่า จิมิมีกลิ่นเหมือนปลาเค็ม ต้องบอกว่ามีกลิ่นแบบนั้นอยู่จริงๆ ไม่ใช่การเปรียบเปรยอย่างเดียว แต่เป็นสาเหตุที่บอกว่าจิมิของเราติดเชื้อบางอย่างค่ะ หากใครที่เริ่มรู้สึกว่าจิมิของเรามีกลิ่นฉุนมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นลักษณะใดก็ตาม อย่านิ่งนอนใจต้องรีบไปพบแพทย์ด่วนๆ นะคะ


จิมิมีกลิ่นปลาเค็ม เกิดจากอะไร ?

เรามาดูกันว่ากลิ่นจิมิของเรา แบบไหนที่อันตราย และมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง ? แต่ละกลิ่นล้วนบอกโรคที่แตกต่างกันสาวๆ จะได้ลองสังเกตกลิ่นที่ผิดปกติในจิมิของเรากันดูนะคะ

  • จิมิมีกลิ่นเหม็นคาว คล้ายกลิ่นปลาเค็ม รวมถึงมีตกขาวสีเทาบาง ๆ ปริมาณมาก คือ อาการของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด โดยกลิ่นนั้นจะเหม็นมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับน้ำอสุจิของผู้ชาย หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นหากสังเกตเห็นว่ามีกลิ่นเหม็นหลังจากมีเพศสัมพันธ์ก็ควรจะสงสัยโรคนี้ไว้
  • จิมิมีกลิ่นเหม็นอับ และมีตกขาวสีเหลืองแกมเขียว คือ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากปรสิตที่ชื่อว่า Trichomonas หรือ ปรสิตในช่องคลอด
  • จิมิมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ มีตกขาวปริมาณมาก และมีอาการปวดท้องร่วมด้วย อาจเป็นอาการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม
  • ตกขาวมีกลิ่นเหม็นรุนแรน และ มีเลือดออกช่องคลอดร่วมด้วย อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งในช่องคลอด และมะเร็งปากมดลูก
  • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿

นอกจากการดูแลรักษาความสะอาดจิมิแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้จิมิของเรามีกลิ่นเหม็นได้เช่นกัน นั่นก็คือ การกินอาหารบางชนิด กินเข้าไปแล้วส่งผลให้จิมิเหม็นโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว วันนี้เราจะพาไปดู 7 อาหารที่กินแล้วทำให้จิมิเหม็น ให้เพื่อนๆ จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

7 อาหารที่กินแล้วจิมิมีกลิ่นปลาเค็ม


1. ของหมักดอง

เห็นของหมักดองทีไร มันเปรี้ยวปากอยากกินทุกที แต่พอรู้แบบนี้ จะมีใครกล้ากินบ่อยๆ อีกไหม! เปิดมาที่อาหารชนิดแรกที่ไม่ควรกินเยอะ เพราะจะทำให้จิมิเหม็น ก็คือ ของหมักดอง ต้องระวังกันหน่อยนะ ด้วยของพวกนี้มีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง กลิ่นดองๆ เปรี้ยวๆ นี่แหละตัวดีเลย นอกจากนั้นของหมักดองตัวการเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการตกขาวมากกว่าปกติ จนทำให้เกิดอาการอับชื้น และตามมาด้วยกลิ่นที่จิมิได้ สาวๆ คนไหนที่ชอบกินของหมักของดองอาจจะต้องเพลาๆ ลงบ้างนะจ๊ะ



2. อาหารที่มีรสจัดและมีกลิ่นฉุน

อาหารที่มีรสจัดและอาหารที่มีกลิ่นฉุน กินมากๆ เค้าว่าจิมิจะเหม็น!! อาหารจำพวกนี้ก็ได้แก่ พืชผักที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม , หัวหอม , ต้นหอม รวมไปถึง อาหารกลิ่นแรงๆ เช่น แกงกะหรี่ ปลาร้า หรือ อาหารที่ใช้เครื่องเทศน์หนักๆ

อาหารเหล่านี้หากกินในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้กลิ่นกระจายไปตามรูขุมขนทุกส่วนของร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่จุดซ่อนเร้นก็เช่นกัน นอกจากนั้นว่ากันว่าอาหารประเภทนี้มีตัวกระตุ้นที่จะทำให้ช่องคลอดอักเสบและติดเชื้อจากแบคทีเรียได้ ไม่ใช่แค่มีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์เพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลให้สาวๆ มีอาการตกขาวได้อีกด้วยนะ เพราะงั้นใครที่ชอบทานของเผ็ดหรือพวกอาหารฉุนๆ เครื่องเทศน์แรงๆ เลี่ยงได้หรือลดได้บ้างก็จะดีกับสุขภาพจิมิของเรา



3. เนื้อแดง

โอ้โห!! เนื้อนี่มันของโปรดของทุกๆ คนเลยนะ มันคืออาหารมื้อหลักที่เราขาดไม่ได้ แต่อย่าเพิ่งสติแตกค่ะ ที่บอกว่าเนื้อแดงทานแล้วจิมิเหม็น มันเป็นแบบนี้ อาหารจำพวกเนื้อแดงส่วนใหญ่จะทำให้ค่า pH ไม่สมดุลย์ เพราะในเนื้อแดงมีอัลคาไลน์ในปริมาณที่สูง เลยจะทำให้จิมิของเรามีกลิ่นได้

ปกติแล้วถ้าเรากินเนื้อสัตว์บ่อยๆ และมากๆ ก็มักจะส่งผลให้มีกลิ่นตัวแรงอยู่แล้ว ยิ่งตรงนั้นนะ อือหือ! ไม่ต้องพูดถึงเลย กินได้นะคะ แต่ต้องทางในปริมาณที่พอดีต่อร่างกาย อย่าทานเยอะจนเกินไป น้องสาวจะได้สดชื่น ไร้กลิ่นไม่พึ่งประสงค์ไงคะ



4. อาหารทะเล

ว่ากันว่า อาหารทะเล ปลาเค็ม ปลาหมึก ก็อย่างที่รู้ๆ กัน ว่ากลิ่นมันค่อนข้างจะรุนแรงม้ากมาก! ซึ่งอาหารพวกนี้จะทำให้ร่างกายเสียสมดุลย์ความเป็นกรด - ด่างในช่องคลอด มักจะทำปฏิกิริยากับสารเคมีในร่างกาย ส่งผลให้น้องสาวของเรามีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียได้ ไม่ใช่แค่ทำให้จิมิมีกลิ่นเค็มๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดภาวะตกขาวและอาจทำให้เกิดอาการคันในช่องคลอดได้ อีกด้วย ฉะนั้นสาวๆ คนไหนที่ชอบอาหารทะเลเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้ลดลงบ้างก็ดีนะ ไม่งั้นกลิ่นเค็มได้แวะเข้ามาทักทายแน่นอนค่ะ



5. อาหารทอดๆ มันๆ

ของทอดๆ มันๆ ไม่ใช่แค่กินแล้วอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลให้น้องสาวของเรามีกลิ่นได้อีกด้วย! ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่า อาหารประเภทนี้มีไขมันสูง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย อย่างแรกคืออาจจะทำให้ช่องคลอดของเราเกิดการอักเสบเนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้จิมิของเรามีกลิ่นเหม็นตามมาได้

และถ้าทานของทอดๆ มากไป ก็มีโอกาสที่น้ำหนักตัวเราจะเพิ่มขึ้น เมื่อร่างกายอ้วนขึ้นความอับชื้นต่างๆ ก็มีมากขึ้น จึงทำให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดตกขาวและกลิ่นอับได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่ต้องรอให้อ้วนก่อนแล้วถึงจะค่อยหยุดกิน ถ้าลดของทอดของมันได้มันก็เป็นผลดีต่อทั้งสุขภาพด้วยและจิมิด้วยนะ


6. อาหารที่มีน้ำตาลเยอะ

อาหารที่มีน้ำตาลเยอะ กินมากไป ก็เสี่ยงที่น้องจิมิจะมีกลิ่นได้เหมือนกันนะ น้ำตาลจะเข้าไปทำลายแบคทีเรียดีที่อยู่ในน้องสาวได้โดยไม่รู้ตัว การที่เรากินน้ำตาลเยอะๆ จะยิ่งไปเพิ่มโอกาสการติดเชื้อราได้ง่าย เพราะมันจะเข้าไปทำลายแบคทีเรียดีในช่องคลอด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้จิมิของเรามีกลิ่นไม่พึงประสงค์นั่นเอง โดยเฉพาะคนที่ชอบกินหวานเป็นชีวิตจิตใจ จนมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวานยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ

ส่วนอาหารที่มีนมเนยเยอะๆ จะทำให้กรด - ด่างในช่องคลอดเสียสมดุล ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ง่ายด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นสาวๆ ควรทานหวานให้พอดีๆ อย่าให้มากจนเกินไปนัก ในแต่ละวันรับประทานประมาณ 6 ช้อนชาก็ถือว่าเพียงพอแล้วค่ะ


7. ผักบางชนิด

แม้กระทั่ง ผักสีเขียวบางชนิด ก็ทำให้จิมิของเราเหม็นได้หรอเนี่ย! นอกจากกระเทียมที่เราพูดไปข้างต้น ยังมีหัวหอม หน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี ผักเหล่านี้จะทำให้ความเป็นกรด - ด่างเสียความสมดุล อย่างบร็อคโคลี แม้จะเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ก็ดันเป็นผักที่ทำให้จิมิมีกลิ่นได้ด้วยเหมือนกัน ทำให้จิมิของเราเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อโรค และสิ่งสกปรกต่างๆ ได้ง่ายขึ้นจึง ส่งผลให้จิมิของเรามีกลิ่นเหม็นเกิดขึ้นนั่นเอง เพราะงั้นทานได้นะมีประโชยน์ค่ะ แต่ก็ต้องระวังอย่าทานมากจนเกินไป


✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿

จิมิมีกลิ่นปลาเค็มรักษายังไง ?

การดูแลรักษาไม่ให้จิมิของเราส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ สิ่งที่ต้องทำคือการ ปรับพฤติกรรม ดังนี้ค่ะ

  • ทำความสะอาดเป็นประจำ ภายในจิมิทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว เพราะการใช้สบู่บางชนิดที่มีความเป็นด่างสูง อาจทำให้ความเป็นกรดในช่องคลอดลดลง ซึ่งนำไปสู่การเจริญเติบโตของแบคทีเรียไม่ดีได้ หลีกเลี่ยงสบู่ที่มีกลิ่นหอม แนะนำให้ใช้สบู่ที่อ่อนโยนหรือสบู่เด็กในการล้างส่วนภายนอกของจิมิเรา
  • สวมกางเกงชั้นในให้พอดี ไม่หลวมหรือคับเกินไป หากเข้านอนไม่จำเป็นต้องสวมชุดชั้นในเลย หรือเลือกใส่ชุดชั้นในผ้าฝ้ายธรรมดา ไม่ควรใส่ชุดชั้นใน ถุงน่อง และผ้าคาดเอวที่รัดแน่นจนเกินไป
  • อย่าปล่อยให้อ้วน บ่อยครั้งที่ “กลิ่นในจิมิ” ไม่ได้มาจากช่องคลอดเลย แต่การมีเนื้อมากเกินไปบริเวณรอบพับและต้นขาด้านในเนื่องจากการมีน้ำหนักเกินสามารถเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้
  • เปลี่ยนไปใช้ผ้าอนามัยแบบสอดหรือถ้วยประจำเดือน หรือเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ในช่วงที่มีประจำเดือน การใช้ผ้าอนามัยแบบปกติ (ติดกับกางเกงใน) มักมีกลิ่นที่เด่นชัดกว่า อาจลองเปลี่ยนมาใช้ถ้วยอนามัย หรือผ้าอนามัยแบบสอด ในช่วงที่มีประจำเดือน หรือหากไม่สะดวก ก็ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ
  • ใช้ถุงยางอนามัยและปัสสาวะออกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ น้ำอสุจิสามารถทำให้ช่องคลอดระคายเคือง และทำให้เกิดกลิ่นหรือตกขาวได้ ดังนั้นการใส่ถุงยางอนามัยจะช่วยป้องกันได้ นอกจากนี้ให้หลีกเลี่ยงการสวนล้างหลังมีเพศสัมพันธ์ แค่ปัสสาวะออก และล้างทำความสะอาดปกติก็เพียงพอแล้ว
  • เลือกรับประทานอาหาร อาหารบางชนิดทำให้มีกลิ่นตัว หรือมีกลิ่นจากช่องคลอดได้ ให้ลองสังเกตุดูว่าถ้ารับประทานอาหารชนิดใดแล้วทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น ก็ควรจะหลีกเลี่ยงอาหารนั้นๆ โดยอาหารที่พบบ่อยที่ทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น เช่น อาหารหมักดอง (ปลาร้า ผลไม้ดอง) อาหารทะเล อาหารที่หวานๆ อาหารที่มีกลิ่นฉุน (กระเทียม หัวหอม เครื่องเทศบางชนิด แกงกะหรี่ เป็นต้น)


✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿ • ✿

อ่านมาถึงตรงนี้ก็รู้กันแล้วนะคะว่า จิมิเหม็นเหมือนปลาเค็ม ได้จริงๆ พอได้รู้สึกสาเหตุ , การป้องกัน หรือแม้แต่การหลีกเลี่ยงทานอาหารบางประเภทที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นได้แล้ว ก็หวังว่าสาวๆ จะนำมาปรับใช้ และหมั่นสังเกตสุขอนามัยและกลิ่นของน้องสาวเราบ่อยๆ นะคะ กลิ่นเหม็นไม่ใช่เรื่องล่อเล่น นอกจากจะสร้างความไม่มั่นใจแล้ว ยังเป็นสัญญาณบอกโรคอีกด้วย ใส่ใจตัวเองเข้าไว้นะ วันนี้ลาไปก่อนแล้ว ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนสุขภาพแข็งแรงค่า ^^


ขอบคุณภาพประกอบ : freepik

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง : healthsmile , pptvhd36


บทความที่แนะนำ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1