1. SistaCafe
  2. สูตรเครื่องดื่มเจ 2024 เติมความสดชื่นให้ช่วงถือศีล กินเจดื่มอะไรได้บ้าง?

สวัสดีค่ะชาวซิส! ในช่วงนี้ก็เริ่มเข้าใกล้เทศกาลกินเจกันอีกแล้วน้า ทางเราเลยขอมาให้ความรู้และสูตรเมนูเด็ด ๆ ให้เพื่อน ๆ กันค่ะ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าสูตรที่เราจะมาแจกเพื่อน ๆ ในวันนี้จะเป็น สูตรเครื่องดื่มเจ แสนอร่อย และแน่นอนว่านอกจากสูตรการปรุงแล้ว วันนี้เราก็ไม่ลืมที่จะรวบรวมเครื่องดื่มที่สามารถดื่มได้และห้ามดื่นในช่วงกินเจมาฝากกันด้วยค่ะ


ไขข้อสงสัย ? กินเจ ดื่มอะไรได้บ้าง พร้อมแจก 15 สูตรเครื่องดื่มเจ

เครื่องดื่มที่สามารถดื่มได้ในช่วงกินเจ

น้ำเปล่า: เป็นเครื่องดื่มหลักที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับการกินเจ

น้ำผลไม้สด: น้ำผลไม้สดที่ไม่ใส่น้ำตาลหรือน้ำเชื่อมเพิ่มเติม เช่น น้ำส้ม น้ำแครอท หรือน้ำแตงโม

น้ำสมุนไพร: เช่น น้ำเก๊กฮวย น้ำมะตูม น้ำอัญชัน น้ำขิง ที่ไม่ใส่น้ำผึ้งหรือนม

ชาและกาแฟ (ไม่มีนม): ชาดำ ชาเขียว หรือกาแฟดำ ที่ไม่ใส่นม ครีมเทียม หรือส่วนผสมจากสัตว์

นมถั่วเหลืองหรือนมพืช: เช่น นมอัลมอนด์ นมข้าวโอ๊ต หรือนมจากธัญพืชอื่น ๆ ที่ไม่มีส่วนผสมของนมวัว

เครื่องดื่มจากธัญพืช: เช่น น้ำเต้าหู้หรือน้ำข้าวกล้อง เครื่องดื่มจากธัญพืชชนิดอื่นๆ ที่ไม่มีการเติมผลิตภัณฑ์จากสัตว์


เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงกินเจ

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงกินเจถือว่าไม่เหมาะสม

นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนม: เช่น นมสด โยเกิร์ต และครีม

น้ำผึ้ง: เนื่องจากน้ำผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (ผึ้ง)

ดื่มอะไรได้บ้าง? รวม 15 สูตรเครื่องดื่มเจ ถึงจะอยู่ในช่วงถือศีลกินเจก็ฟินได้


สูตรเครื่องดื่มเจ ที่ 1 อิตาเลี่ยนโซดา

มาเริ่มกันที่เมนูแรกกันเลยกับเมนู " อิตาเลี่ยนโซดา "เมนูเครื่องดื่มซู่ซ่ารสเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดี แถมยังใช้ส่วนผสมน้อยมาก แค่เพียง 3 อย่าง และคนทานเจสามารถกินได้ชัวร์ ๆ แค่มีน้ำเชื่อมผลไม้ โซดา และน้ำแข็ง ก็ได้เมนูอิตาเลี่ยนโซดาซู่ซ่าสีสวย รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ทำง่ายใช้เวลาไม่นาน ดื่มฟิน ๆ ในช่วงกินเจแล้ว

ส่วนผสม

  • น้ำผลไม้เข้มข้น 30 มล.
  • โซดา
  • น้ำแข็ง

วิธีทำ: ใส่น้ำเชื่อมผลไม้เข้มข้นไว้ด้านล่าง เติมน้ำแข็งจนเต็มแก้ว ใส่โซดาลงไป ก็ได้เครื่องดื่มซู่ซ่าสดชื่น ดื่มได้เพลิน ๆ ในช่วงทานเจ


เมนูที่ 2 : สตรอว์เบอร์รีม็อคเทล

มาต่อกันที่อีกหนึ่งน้ำผลไม้ดื่มฟิน ๆ ที่คนทานเจก็ดื่มได้ อย่าง " สตรอว์เบอร์รีม็อคเทล " สำหรับส่วนผสมของสตรอว์เบอร์รีม็อคเทล ก็ไม่ต้องเตรียมอะไรยุ่งยากคล้าย ๆ กับอิตาเลี่ยนโซดา แต่เพิ่มสตรอว์เบอร์รีสด ใบสะระแหน่ และน้ำมะนาวลงไป และสูตรนี้ยังสามารถเปลี่ยนจากสตรอว์เบอร์รี เป็นผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานชนิดอื่น ๆ ได้ด้วย นอกจากจะเหมาะกับคนกินเจ ยังเหมาะกับสาย Healthy เพราะดีต่อสุขภาพ จากสารอาหารในผลไม้สด และสมุนไพรใบสะระแหน่อีกด้วย

ส่วนผสม

  • สตรอว์เบอร์รี่สด 6 - 7 ลูก
  • น้ำเชื่อม 30 มล.
  • น้ำมะนาว 30 มล.
  • โซดา 2 - 3 ออนซ์
  • ใบสะระแหน่

วิธีทำ: บดสตรอว์เบอร์รี่ เข้ากับใบสะระแหน่ ใส่น้ำเชื่อมและน้ำมะนาว ลงไปผสมกับโซดา ดื่มกับน้ำแข็งเย็น ๆ ก็ได้ม็อคเทลผลไม้ชื่นใจ ดีต่อสุขภาพ เอาไว้ดื่มในช่วงทานเจแล้ว


เมนูที่ 3 : น้ำเต้าหู้น้ำตาลทรายแดง

สำหรับเพื่อน ๆ สายชานมที่ชอบทานชารสนัวกับบราวน์ชูการ์เย้ม ๆ ไม่ต้องอดใจรอทานตอนออกเจแต่อย่างใด เพราะเราเอาสูตร " น้ำเต้าหู้น้ำตาลทรายแดง " มาฝากเพื่อน ๆ แล้ว หรือจะ ลองเปลี่ยนจากน้ำเต้าหู้ เป็นนมถั่วเหลือง หรือนมธัญพืช ก็น่าจะช่วยเพิ่มความมันนัวประหนึ่งชานมร้านโปรดของเพื่อน ๆ ได้บ้างเหมือนกัน ส่วนวิธีทำจะเป็นยังไง ลองตามไปเก็บสูตรกันเลยดีกว่า

ส่วนผสม

  • น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล 220 มล.
  • ไซรัปบราวน์ชูการ์ 45 มล.
  • น้ำแข็ง

วิธีทำ: หยดไซรัปน้ำตาลทรายแดงลงไปรอบ ๆ แก้ว เสร็จแล้วใส่น้ำแข็ง เติมน้ำเต้าหู้ลงไป หรือจะทำเป็นน้ำเต้าหู้น้ำตาลทรายแดงปั่น แค่ใส่น้ำตาลเต้าหู้ในสัดส่วนเดิม ปั่นน้ำโอวทึ้ง 5 ช้อนชากับน้ำแข็งเต็มแก้ว ก็ได้เครื่องดื่มฟีลชานมพ่นไฟแบบอิ่มบุญมาทานแล้ว


เมนูที่ 4 : โกโก้นมชมพูสูตรเจ

อีกหนึ่งเมนูเครื่องดื่มยอดฮิต และคาดว่าน่าจะเป็นเมนูโปรดของเพื่อน ๆ หลายคน นั่นก็คือเมนูโกโก้นั่นเอง แต่สำหรับเมนูโกโก้ปกติ อาจจะไม่ถูกหลักของการกินเจเท่าไร เพราะมีทั้งนมวัว นมข้นต่าง ๆ เราเลยเอาสูตร " โกโก้นมชมพู " โกโก้สูตรเจที่เพิ่มความหวานกรุบของนมชมพูที่ทำมาจากนมธัญพืชเข้าไปด้วย ส่วนวิธีทำขอบอกว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด จะเป็นยังไง ลองตามไปเก็บสูตรกันเลย

ส่วนผสม

  • นมธัญพืชเจ 4 ออนซ์
  • น้ำแดงเฮลซ์บูลบอย 15 มล.
  • ผงโกโก้ 100% 1 ช้อนตวง
  • น้ำร้อน 2 ออนซ์
  • วิธีทำ: ละลายผงโกโก้เข้ากับน้ำร้อน ผสมน้ำแดงเฮลซ์บูลบอยเข้ากับนมธัญพืช ใส่น้ำแข็งลงในนมชมพูที่เตรียมไว้ เทโกโก้ลงไปตาม ก็ได้เมนูโกโก้เจ อร่อยสีสวยดื่มเย็น ๆ แล้ว
  • ขอบคุณภาพจาก Bebeans.bkk

เมนูที่ 5 : กาแฟลาเต้นมอัลมอนด์

สำหรับเพื่อน ๆ สายกาแฟที่อยากเปลี่ยน Mood จากกาแฟดำธรรมดา มาเป็นกาแฟนมรสนัวบ้าง ลองตามมาส่องสูตรนี้กันเลย เพราะเราขนสูตร " กาแฟลาเต้สูตรเจ " มาฝากเพื่อน ๆ กันแล้ว ขอบอกเลยว่าขั้นตอนการชงก็ง่ายมาก คล้ายกับการชงกาแฟลาเต้ทั่วไป แต่เปลี่ยนจากนมวัวมาเป็นนมถั่วเหลืองหรือนมธัญพืชแทน ส่วนวิธีทำจะเป็นยังไง ลองตามไปเก็บสูตรกันเลย

ส่วนผสม

  • กาแฟ 2 ออนซ์
  • นมอัลมอนด์ 4 ออนซ์
  • น้ำเชื่อม 15 มล.

วิธีทำ: ผสมน้ำเชื่อมเข้ากับนมอัลมอนด์ เติมน้ำแข็งแล้วเทกาแฟลงไป ก็ได้ลาเต้นมอัลมอนด์สูตรเจ นอกจากจะเหมาะกับคนทานเจแล้ว ยังเหมาะกับคนที่แพ้แลคโตสอีกด้วย


เมนูที่ 6 : สตอรว์เบอร์รีลาเต้สูตรเจ

ตามมาติด ๆ กับอีกหนึ่งเมนูกาแฟลาเต้สำหรับคนทานเจ อย่างเมนู " สตรอว์เบอร์รีลาเต้ " เมนูกาแฟลาเต้ที่เพิ่มความหวานละมุนด้วยซอสสตรอว์เบอร์รี่รสหวานอมเปรี้ยว ถึงเมนูนี้จะมีส่วนผสมหลากหลาย แต่ขั้นตอนไม่ได้ยากเลย แถมยังใช้ส่วนผสมน้อยมาก เพียงแค่ 3 อย่าง นั่นก็คือกาแฟ น้ำเชื่อมสตรอว์เบอร์รี่ และนมธัญพืช วิธีทำจะเป็นยังไง ว่าแล้วก็ตามไปจดสูตรได้เลย

ส่วนผสม

  • กาแฟ 2 ออนซ์
  • น้ำเชื่อมสตรอว์เบอร์รี 1 ออนซ์
  • นมธัญพืช 100 มล.

วิธีทำ: ใส่น้ำเชื่อมสตรอว์เบอร์รีลงไปตรงก้นแล้ว เติมน้ำแข็งลงไป แล้วเทนมธัญพืชและกาแฟตาม ก็ได้เครื่องดื่มสูตรเจสีสวย รสชาติโดนใจมาดื่มเพลิน ๆ แล้ว


เมนูที่ 8 : ชาไทยปั่นสูตรเจ

มาต่อด้วยเมนูเครื่องดื่มปั่นสุดฟินสำหรับคนกินเจกันบ้าง กับเมนู " ชาไทยปั่นสูตรเจ " สำหรับเมนูนี้ก็มีส่วนผสมที่ คล้าย ๆ กับเมนูชาไทยทั่วไป แต่เปลี่ยนการเพิ่มรสนัวของนมวัว มาเป็นรสละมุนของนมถั่วเหลืองแทน ชงเสร็จก็นำไปปั่น ดื่มเย็น ๆ ให้ชื่นใจได้เลย ส่วนวิธีการชงชาไทยยังไงให้อร่อยนัว ลองตามไปจดสูตรกันได้เลย

ส่วนผสม

  • ใบชาไทย 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำร้อน 150 มล.
  • น้ำเชื่อม 35 มล.
  • นมถั่วเหลืองสูตรเจ 125 มล.
  • น้ำแข็งเต็มแก้ว

วิธีทำ: ชงชากับน้ำร้อน กรองชากับถุงกรองประมาณ 4 รอบ ผสมน้ำเชื่อมลงเข้ากับน้ำชา แล้วเทนมถั่วเหลืองเจผสมให้เข้ากันอีกรอบ นำชาไทยที่ชงไว้ไปปั่นกับน้ำแข็ง ก็ได้เมนูชาปั่นหอม ๆ ดื่มในช่วงกินเจแล้ว


เมนูที่ 9 : สูตรน้ำแอปเปิ้ลผสมขิง

สำหรับใครที่เป็นสายสมุนไพรเชื่อว่าน่าจะต้องถูกใจกับเมนู น้ำแอปเปิ้ลผสมขิง กันแน่นอน ดื่มแล้วสดชื่นสุด ๆ เลยน้า แถมมีประโยชน์อีกด้วย

ส่วนผสม:

  • แอปเปิ้ลสด (เลือกแอปเปิ้ลเขียวหรือแดงตามชอบ) 2-3 ลูก
  • ขิงสดขนาดประมาณ 1-2 นิ้ว (หรือตามความชอบ)
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  • น้ำเชื่อม หรือน้ำผึ้งเจ (ถ้าต้องการเพิ่มความหวาน)
  • น้ำแข็ง (ตามความชอบ)

วิธีทำ: ล้างแอปเปิ้ลให้สะอาด ปอกเปลือกหากต้องการ แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เอาเมล็ดออก ล้างขิง ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ หรือบดละเอียดตามความชอบ ใส่แอปเปิ้ลที่หั่นแล้วลงในเครื่องปั่น เติมน้ำเปล่า 1 ถ้วย ปั่นจนละเอียด กรองเอากากแอปเปิ้ลออกให้เหลือแต่น้ำแอปเปิ้ลสด หากต้องการรสขิงเข้มข้น ให้ใช้เครื่องคั้นน้ำผลไม้สำหรับคั้นน้ำขิงสด หรือบดขิงและกรองเอาแต่น้ำ หากไม่ต้องการรสขิงเข้มข้น สามารถปั่นขิงรวมกับแอปเปิ้ลได้เลย ผสมน้ำขิงเข้ากับน้ำแอปเปิ้ล ปรับความหวานด้วยน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้งเจตามชอบ (สามารถไม่ใส่ได้หากไม่ต้องการหวาน)


เมนูที่ 10 : น้ำอัญชันมะนาว

ส่วนผสม:

  • ดอกอัญชันสดหรือแห้ง 10-15 ดอก
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วย
  • น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามความชอบ)
  • น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามความชอบ)
  • น้ำแข็ง (ตามความชอบ)

วิธีทำ: ต้มน้ำ 2 ถ้วยจนเดือด จากนั้นใส่ดอกอัญชันลงไป ต้มต่อประมาณ 5-10 นาที จนน้ำเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม ปิดไฟ แล้วกรองเอาดอกอัญชันออก เหลือแต่น้ำ เติมน้ำเชื่อมหรือน้ำตาลทรายลงในน้ำอัญชันที่ยังร้อนอยู่ คนให้ละลายดี แล้วพักให้เย็น หลังจากน้ำอัญชันเย็นแล้ว เทน้ำมะนาวลงไป ค่อยๆ เติมและชิมจนได้รสชาติที่ต้องการ น้ำอัญชันจะเปลี่ยนสีจากน้ำเงินเป็นสีม่วงสวยงาม


เมนูที่ 11 : ชาดำเย็น

สายน้ำชงห้ามพลาดเมนูนี้เลยค่ะกับ สูตรชาดำเย็น บอกเลยว่าดื่มแล้วสดชื่น ใครที่ง่วง ๆ ตัวนี้ทำให้ตาตื่นแน่นอน สูตรก็ง่ายมาก ทำตามได้เลย!

ส่วนผสม:

  • ชาดำ (ใช้ใบชาดำหรือถุงชาดำ) 2 ช้อนโต๊ะ หรือ 2-3 ถุงชา
  • น้ำร้อน 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามความชอบ)
  • น้ำแข็ง
  • มะนาวฝาน (ไม่จำเป็น แต่ช่วยเพิ่มความหอมและรสชาติ)

วิธีทำ : ต้มน้ำให้เดือดแล้วเทใส่ใบชาดำหรือถุงชา (ใช้น้ำร้อนประมาณ 2 ถ้วย) แช่ชาทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาทีจนได้ความเข้มข้นของชาที่ต้องการ จากนั้นนำถุงชาออกหรือกรองใบชาออก ขณะที่ชาดำยังร้อนอยู่ ให้ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดี ปรับความหวานตามความชอบ หากต้องการชาดำที่เข้มข้นไม่หวานมาก สามารถลดปริมาณน้ำตาลได้


เมนูที่ 12 : เอสเพรสโซส้ม (Espresso Orange)

คอกาแฟถูกใจ เอสเพรสโซส้ม กันแน่นอน โดยเฉพาะกับเพื่อน ๆ ที่ชอบดื่มกาแฟผสมกับน้ำผสมไม้ แถมทำตามไม่ยากดื่มแล้วสดชื่นมากเลยค่ะ

ส่วนผสม:

  • กาแฟเอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (ประมาณ 30 มิลลิลิตร)
  • น้ำส้มคั้นสด 100 มิลลิลิตร
  • น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลทราย (ถ้าต้องการเพิ่มความหวาน)
  • น้ำแข็ง
  • ผิวส้มขูด (สำหรับตกแต่ง)

วิธีทำ: ใช้เครื่องชงกาแฟหรือแคปซูลชงเอสเพรสโซ่ 1 ช็อต หากไม่มีเครื่องชง สามารถใช้น้ำกาแฟเข้มข้นแทนได้ คั้นน้ำส้มสด 100 มิลลิลิตร หรือใช้น้ำส้มคั้นสดที่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม ถ้าชอบหวานสามารถเติมน้ำเชื่อมหรือน้ำตาลทรายลงในน้ำส้มตามต้องการ เติมน้ำแข็งลงในแก้ว จากนั้นเทน้ำส้มคั้นสดลงไป ค่อยๆ เทกาแฟเอสเพรสโซ่ช็อตลงไปด้านบน เพื่อให้เกิดเลเยอร์สวยงาม


เมนูที่ 13 : สูตรส้มสมูทตี้ (Orange Smoothie)

สายสุขภาพ สายน้ำผสมไม้แวะมาสดชื่นกันกับเมนู ส้มสมูทตี้ (Orange Smoothie) นอกจากดีต่อสุขภาพแล้ว ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายและหุ่นดีอีกด้วยค่ะ

ส่วนผสม:

  • ส้มสด 2-3 ลูก (ประมาณ 200-250 มิลลิลิตร น้ำส้มคั้น)
  • กล้วยหอม 1 ลูก (ช่วยให้เนื้อสมูทตี้เนียนนุ่ม)
  • โยเกิร์ตจากพืช (เช่น โยเกิร์ตมะพร้าว หรือโยเกิร์ตอัลมอนด์) 1/2 ถ้วย
  • น้ำแข็ง 1 ถ้วย
  • น้ำผึ้งเจหรือน้ำเชื่อม (เพิ่มความหวานตามชอบ)

วิธีทำ: คั้นน้ำส้มจากส้มสด 2-3 ลูก เพื่อให้ได้น้ำส้มคั้นสด (หรือใช้ส้มปอกเปลือกและใส่ลงไปทั้งลูกสำหรับเนื้อส้มเข้มข้น) ปอกเปลือกกล้วยหอม หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการปั่นเตรียมโยเกิร์ตจากพืช (ใช้ประมาณ 1/2 ถ้วย) หลังจากนั้นใส่น้ำส้มคั้นสด กล้วยหอม โยเกิร์ตจากพืช และน้ำแข็งลงในเครื่องปั่น ปั่นจนเนื้อสมูทตี้เนียนละเอียด หากต้องการความหวานเพิ่ม สามารถเติมน้ำผึ้งเจหรือน้ำเชื่อมลงไปและปั่นอีกครั้ง


เมนูที่ 14 : สูตรน้ำจับเลี้ยงมะนาวโซดา

ส่วนผสม:

  • น้ำจับเลี้ยงสำเร็จรูป 1 แก้ว (ประมาณ 200 มิลลิลิตร)
  • น้ำมะนาวสด 1-2 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามความชอบ)
  • โซดา 1/2 ถ้วย
  • น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลทราย (ถ้าต้องการเพิ่มความหวาน)
  • น้ำแข็ง
  • มะนาวฝาน (สำหรับตกแต่ง)

วิธีทำ: หากมีน้ำจับเลี้ยงสำเร็จรูป สามารถใช้น้ำจับเลี้ยงที่มีความเข้มข้นและกลิ่นหอมของสมุนไพรจีนได้เลย ถ้าอยากชงเอง สามารถใช้สมุนไพรจับเลี้ยง เช่น เก๊กฮวย หล่อฮังก้วย ชะเอมเทศ ต้มรวมกันและกรองน้ำ หลังจากนั้นเติมน้ำมะนาวสด 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำจับเลี้ยง ค่อยๆ ชิมและปรับรสชาติให้ได้ความเปรี้ยวที่ต้องการ ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เทน้ำจับเลี้ยงผสมมะนาวลงไป จากนั้นเติมโซดาลงด้านบนให้เต็มแก้ว คนเบาๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน


เมนูที่ 15 : สูตรน้ำเต้าหู้ใบเตย

มาปิดท้ายกันกับน้ำเต้าหู้ แต่ขอเพิ่มความพิเศษอีกด้วยการเพิ่มกลิ่นและสีของไบเตยเข้าไป ดื่นแล้วได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ขอใบเตยคือฟินมาก

ส่วนผสม:

  • ถั่วเหลือง 1 ถ้วย (แช่น้ำ)
  • ใบเตยสด 5-6 ใบ
  • น้ำเปล่า 4-5 ถ้วย (สำหรับต้ม)
  • น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามความชอบ)
  • น้ำแข็ง (ถ้าต้องการ)

วิธีทำ: แช่ถั่วเหลืองในน้ำประมาณ 8 ชั่วโมง หรือข้ามคืนจนถั่วเหลืองพองตัว ล้างถั่วเหลืองให้สะอาดแล้วใส่ในเครื่องปั่น เติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย ปั่นให้ละเอียด ใช้ผ้าขาวบางหรือกระชอนกรองส่วนผสมออกเป็นน้ำเต้าหู้และกากถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ที่กรองออกมาจะมีสีขาวข้น ใส่ใบเตยลงในหม้อพร้อมน้ำ 2-3 ถ้วย ต้มจนใบเตยส่งกลิ่นหอมและน้ำมีสีเขียวอ่อน กรองใบเตยออกจากน้ำ เทน้ำเต้าหู้ที่กรองแล้วลงในหม้อ ใส่น้ำใบเตยที่ต้มแล้ว ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีและต้มต่ออีกประมาณ 5-10 นาที


และทั้งหมดนี้คือ สูตรเครื่องดื่มเจ แสนอร่อยที่เพื่อน ๆ สามารถลองไปทำกันในช่วงกินเจได้ รับรองว่าดื่มแล้วเจไม่แตกแน่นอน แถมยังดีสุขภาพมากอีกด้วยน้า เพราะทั้งหมดไม่มีส่วนผสมของนมวัวเลย ใครที่แพ้นมวัวก็สามารถเลือกเครื่องดื่มที่เราแนะนำไปดื่มกันได้เลยน้า เจไม่เจก็ดื่มได้แน่นอน


บทความที่ชาวซิสห้ามพลาด

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับชา สุดยอดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ Part 2

5 เครื่องดื่มจิบนิด ๆ ช่วยให้หลับสบายขึ้น

7 เมนูน้ำปั่น ลดน้ำหนัก กินง่าย พุงไม่ยื่นแน่นอน!

รีวิวเมนูเครื่องดื่มสุดฟิน! 8 เมนูหวานๆ สไตล์สาว 'ไม่กลัวอ้วน' (เอาเข้าจริงก็กลัวแหละ) Part.1


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้