ฮายค่าาา สาวๆCafeสุดเลิฟทุกคน („• ֊ •„)

แหนะ! คลิกอ่านบทความนี้ แสดงว่าอ้วนขึ้น อยากลดน้ำหนักถูกมั้ย? ดูออก (¬‿¬ )

เดี๋ยวนี้อะไรมันก็อร่อยไปหมดเนาะ โดยเฉพาะของมันๆ ทอดๆ ขนมหวาน ไอตงไอติม ชิบูย่าโทสต์เอย บุฟเฟ่ต์เค้กเอย รู้ตัวอีกทีก็เป็นหมูแล้วเรียบร้อย ;_;

ใจน่ะอยากลด แต่ก็ไม่อยากอดอาหาร เพราะต้องตบะแตกแน่ๆ หลายคนมีความโอดครวญว่า ' ชาตินี้ชั้นจะผอมมั้ยยย ( ว้อย ) '

ถ้าเธอเป็นคนหนึ่งที่ลองไดเอทมาหลายวิธีแล้ว แถมขี้เกียจออกกำลังอีกต่างหาก บทความนี้จะไม่ทำให้ผิดหวัง! กับ

สูตร ' Raw-Food Diet ' ที่ไม่ต้องอดข้าว ไม่ต้องออกกำลังจนหน้าดำหน้าแดง แค่เน้น ' กินของดิบ ' เท่านั้น


แต่ใจเย็น! เราไม่ได้ให้เธอไปเคี้ยวเนื้อสด กินเลือดสดๆ เป็นผีดิบเด้อ มันมีหลักการของมันอยู่ ง่ายๆ แต่ได้ประโยชน์ แถมสุขภาพดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยแหละ!

ไม่เชื่อก็เลื่อนลงมาอ่านต่อกันเลย!!

กินของดิบ ( 'Raw-Food' ) มีที่มาจากไหน ดีจริงมั้ย?

รูปภาพ:https://pbs.twimg.com/media/D_Ww0E4VUAAL-w4.jpg

สำหรับใครที่สงสัยว่า สูตรนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?ที่จริงมันมีมาตั้งนานแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่ปี 1800's โน่นเลย คนสมัยนั้นนิยมกิน Raw Food หรือของดิบกันมากๆ เพราะเขาเชื่อกันว่า คนที่กินอาหารดิบ 70% ของอัตราส่วนทั้งหมด จะอายุยืนกว่า สุขภาพดีกว่า เสี่ยงเป็นโรคน้อยกว่าคนที่ไม่ได้กินค่ะมีงานวิจัยจาก Scientific American เปิดเผยว่าการลดน้ำหนักแบบ Raw-Food Diet มักเป็นอาหารดิบที่ยังไม่ปรุงสุก หรือผ่านความร้อนไม่เกิน 115 องศาฟาเรนไฮต์ ( ประมาณ 45 องศาเซลเซียส ) เพื่อไม่ให้สูญเสียสารอาหารตามธรรมชาติของอาหารนั้นๆอีกทั้งยังมีรายงานว่าคนไดเอทสูตรนี้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น แต่สดชื่นขึ้น มีพลังทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น ช่วยขจัดสารพิษในร่างกายได้ดี เลี่ยงสารก่อมะเร็งได้ดี ( เพราะไม่ผ่านไฟ ความร้อน ) ลดความเสี่ยงเป็นโรคต่างๆ มากมาย เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจและโรคเบาหวานประเภท 2 เป็นต้น

แต่เอ... คำว่า ' ของดิบ ' นี่มันหมายถึงอะไรบ้างล่ะ?? ถ้าสาวๆ ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ก็เลื่อนลงมาอ่านเลยว่า อาหารอะไรที่ควรกิน และอาหารอะไรที่ควรหลีกเลี่ยง ไปค่ะ!!

อาหารชนิดใดที่ควรกิน? ชนิดใดที่ควรเลี่ยง?

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/02/Z2V5Fu.jpg

> อาหารที่ควรกิน <

- ผักสด / ผลไม้สดที่กินดิบได้ ไม่ต้องเอาไปทำให้สุกก่อน- ถั่ว ธัญพืช เมล็ดพืช เนยถั่วทุกชนิด- พืชตระกูลถั่วทุกชนิด- นมอัลมอนด์ โยเกิร์ตที่ทำจากถั่ว- น้ำมันมะพร้าวแบบกินได้, น้ำมันมะกอก, น้ำมันอะโวคาโด- สาหร่าย / กิมจิ- ไข่ดิบ ปลาดิบ

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/02/Z2p1tN.jpg

> อาหารที่ควรเลี่ยง <

- ผัก เนื้อ ถั่ว ธัญพืชต่างๆ ที่เอาไปทำให้สุกเรียบร้อยแล้ว เช่น ผักต้ม เนื้อย่าง ถั่วต้ม- ถั่วอบ เมล็ดธัญพืชทุกชนิดที่นำไปทำให้สุกแล้ว- แป้งที่สุกแล้วทุกชนิด เช่น ข้าว สปาเก็ตตี้ พาสต้า ขนมปัง- อาหารขยะทุกชนิด เช่น เฟรนช์ฟรายส์ เบอร์เกอร์- ชา กาแฟทุกชนิด- แป้งและน้ำตาลขัดสีทุกชนิด รวมถึงขนมหวานที่มีแป้งและน้ำตาลเหล่านี้ผสมอยู่ เช่น เค้ก คุกกี้ โดนัท เพรทเซล ไอศกรีม- นมพาสเจอร์ไรซ์ และน้ำผลไม้กล่องสำเร็จรูป- เกลือ น้ำมันที่ขัดสีแล้ว รวมถึงอาหารและขนมที่ผสมเกลือ / น้ำมันทุกชนิด

******************

หลักๆ ก็คือ 70% ของอัตราส่วนอาหารทั้งหมด จะต้องเป็น ' ของดิบ ' หรือของที่ไม่ผ่านกระบวนการใดจากโรงงานมาเลย เรียกว่า มาจากธรรมชาติยังไง ก็หยิบมากินทั้งอย่างนั้น

ยิ่งถ้ากินไข่ดิบ ปลาดิบได้ ก็ลุยโลด! ( แต่เลือกยี่ห้อในห้างที่เขาฆ่าเชื้อโรคมาแล้วนะ กินสุ่มสี่สุ่มห้าตามที่ขายตามตลาดสดไม่ได้เด้อ )

ถ้าบอกแค่นี้ สาวๆ หลายคนอาจไม่รู้ว่า จะเอาวัตถุดิบพวกนี้มาทำเมนูอะไรดี?? เราเลยยกตัวอย่างมาให้3 เมนู ( เช้า, กลางวัน, เย็น ) รวบตึงในหนึ่งวัน ลองเอาไปดูเป็น Reference ได้พร้อมแล้วไปดูกันเล้ย!

ตัวอย่างสูตรอาหารสไตล์ 'Raw-Food Diet' ใน 1 วัน

1. สมูทตี้ข้าวโอ๊ต (กินมื้อเช้า)

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/02/Z2VgBa.jpg

ส่วนผสม- ข้าวโอ๊ตชนิด rolled oats 2 ช้อนโต๊ะ- กล้วยแช่แข็ง 1 ผล- นมอัลมอนด์ 1/2 ถ้วย- ผงเมล็ดแฟล็กซ์ 1 ช้อนชา

วิธีทำ> โยนส่วนผสมทุกอย่างลงในเครื่องปั่น ปั่นจนกว่าจะเป็นเนื้อครีมนุ่ม เทใส่แก้ว กินแทนมื้อเช้าได้เลย ให้พลังงานสูง ประโยชน์เยอะ อิ่มแน่นอน!!

2. สลัดผัก (กินมื้อเที่ยง)

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/02/Z2VtF9.jpg

ส่วนผสม- ผักกาดขาวสับ 1/2 ถ้วย- มะเขือเทศเชอร์รี่ 4 ลูก หั่นเป็นชิ้นเท่าๆ กัน- แตงกวาหั่นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ 1/2 ถ้วย

- กะหล่ำปลีม่วงสไลซ์ละเอียด 1/4 ถ้วย- ลูกมะกอกนิดหน่อย- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ- เกลือทะเล 1 หยิบมือ- พริกไทยดำป่น 1 หยิบมือวิธีทำ- ใส่ส่วนผสมทุกอย่างในชามผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน เหยาะน้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยเกลือและพริกไทย คลุกอีกรอบ เทใส่จาน สลัดอร่อยๆ พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะซิส!!

3. สลัดแครอท (กินมื้อเย็น)

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/02/Z2VW0v.jpg

ส่วนผสม- แครอทขูดเป็นเส้น 1 ถ้วย- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ- ผักชีสับ 1 ช้อนโต๊ะ- โรสแมรี่แห้ง 1/2 ช้อนชา

- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ- เกลือทะเลและพริกไทยดำป่น อย่างละ 1 หยิบมือ

วิธีทำ> ใส่แครอทขูดเส้นและผักชีลงไปในชาม คลุกให้เข้ากัน เติมน้ำมันมะกอก น้ำมะนาว โรสแมรี่และเครื่องปรุงอื่นๆ ทั้งหมดลงไป คลุกให้เข้ากันอีกครั้งก็พร้อมเสิร์ฟ**ทั้ง 3 เมนูนี้ การันตีว่าทำง่าย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาหลังเลิกเรียน เลิกงานแค่แป๊บเดียว แต่สารอาหารสูง ไม่อ้วน recommended!!!***

ประโยชน์ของการลดน้ำหนักแบบ 'Raw-Food Diet'

รูปภาพ:https://scontent-lga3-1.cdninstagram.com/vp/ebfa843cb2fe4f8775c7b9e7f54e3ac1/5DDE21D3/t51.2885-15/sh0.08/e35/s640x640/54512510_2286706584738517_4515714562770995383_n.jpg?_nc_ht=scontent-lga3-1.cdninstagram.com

- ช่วยดีท็อกซ์สารพิษในร่างกาย ทำให้สุขภาพดีขึ้น- ช่วยลดน้ำหนักได้- ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ขับถ่ายคล่องขึ้น- ลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ โรคอ้วนและโรคเบาหวาน- ( อาจ ) ลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง- ลดอาการท้องผูก- ตับทำงานดีขึ้น- ทำให้สุขภาพผิว เส้นผม เล็บมือเล็บเท้า ดีขึ้น- ทำให้กระปรี้กระเปร่า สดชื่น ตื่นตัวดีขึ้นอาจจะดูเหมือนมีแต่ข้อดี?? แต่ไม่ค่ะ ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับสูตรนี้ เพราะข้อเสียก็มีพอสมควร... ตามด้านล่างนี้เลย

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เมื่อเธอลดน้ำหนักแบบ 'Raw-Food Diet'

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/02/Z2Hujf.jpg

แม้การกินอาหารแบบ Raw-Food จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือถ้าเรากิน ' ของสด / ของดิบ ' อย่างเดียวติดต่อกันเป็นเวลานาน ไม่กินของปรุงสุกเลย เราจะ ' ขาดสารอาหาร ' ในที่สุด และยังมีผลข้างเคียงของการกินอาหารดิบๆ อีกมากมาย ดังนี้- เชื้อโรค และแบคทีเรียที่อาจมีอันตราย และยังแฝงตัวอยู่ในอาหารดิบ หากภูมิคุ้มกันไม่ดี กินแล้วอาจติดเชื้อ หรือป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้- ไม่เหมาะกับคนระบบย่อยอาหารไม่ดี เพราะอาหารดิบส่วนใหญ่ย่อยยาก ซึ่งจะนำไปสู่อาการท้องผูกในภายหลัง

- อาหารบางอย่าง ต้องนำไปปรุงสุก จึงจะได้รับสารอาหารเต็มที่ เช่น พริกหยวก มะเขือเทศ เป็นต้น

- กินของดิบ อาจทำให้ระบบย่อยอาหารอักเสบได้

- กินของดิบ อาจทำให้ขาดวิตามิน B12 อย่างรุนแรง

- บางคนไม่สามารถกินเนื้อ หรือไข่ดิบได้

จากที่อธิบายด้านบน จะพอเห็นแล้วว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำตามสูตรนี้ได้ 100% โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง! ถ้าสาวๆ แน่ใจว่าสุขภาพแข็งแรงดี กินของสุกต่อไปจะดีกว่า แล้วนานๆ ที ค่อยกินของดิบเพื่อดีท็อกซ์ร่างกายติดต่อกัน 2-3 วัน จะดีต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาวมากกว่านะคะ ^^

ใครที่ควรทำไดเอทสูตรนี้???

รูปภาพ:https://cdn2.stylecraze.com/wp-content/uploads/2018/06/Raw-Food-Diet-Side-Effects.jpg

อันที่จริง แต่ละคนก็มีระบบร่างกาย ระดับภูมิคุ้มกัน ฮอร์โมนต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้การไดเอทวิธีเดียว มาบังคับใช้กับคนทั้งโลกได้เราต้องเลือกวิธีที่เหมาะกับสุขภาพ และไลฟ์สไตล์ของเราเองซึ่งคนที่เหมาะกับวิถี ' Raw-Food Diet ' มีดังนี้- เป็นโรคอ้วน / โรคเบาหวาน- ต้องการดีท็อกซ์ร่างกายเป็นบางโอกาส- ทรมานจากอาการท้องผูก

- มีแก๊ส กรดเกินในกระเพาะอาหาร- ฮอร์โมนไม่สมดุล- เจ็บกล้ามเนื้อ ปวดข้อบ่อยๆ- มีอาการแพ้อาหารแช่แข็ง / อาหารสำเร็จรูป- คอเลสเตอรอลสูง- เป็นโรคหัวใจ- เป็นมะเร็ง!!!ทั้งนี้ ถ้าอยากไดเอทสูตรนี้แบบเต็มตัว อาจค่อนข้างเสี่ยงถ้าพลาดทำไม่ถูกต้อง 100% จึงอยากให้ไปปรึกษาหมอก่อน ค่อยลุยนะคะซิส

--------------อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังอยากไดเอทแบบ ' Raw-Food Diet ' อยู่รึเปล่าน้า?? #เหล่ตามอง คือมันก็ไม่ง่าย และไม่ยากขนาดนั้น มันไม่ต้องอดอาหาร แต่ก็ต้องจำกัดหมวดหมู่ ซึ่งคงทรมานใจสุดๆ สำหรับคนชอบอาหารสำเร็จรูป หรืออาหารปรุงแต่งจัดๆ แต่ถ้าผ่านไปได้ สุขภาพจะดีขึ้น อาการอ่อนแอ เหนื่อยล้าจะค่อยๆ หายไป ถึงมันยาก เราว่ามันก็คุ้มที่จะลองอยู่นะ แต่ถ้าจะให้น้ำหนักลดเร็ว อาจต้องทำควบคู่กับการออกกำลังกายด้วยค่ะ ^____^แต่ถึงวิธีนี้จะดียังไง ก็ต้องสลับไปกินอาหารปรุงสุกบ้าง เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหารเด้อ หรือจะไปปรึกษานักโภชนาการ / หมอเพิ่มเติมก็ได้ จะได้เฮลตี้ ไม่แถมโรคใหม่เพิ่ม =w= ถ้าชอบก็กดหัวใจ กด follow เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า ~~ ไปแล้วค่าา บ๊ายบาย--------------