สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวซิสค่าา
ขอทักทายเพื่อน ๆ ทุกคนโดนเฉพาะสาว ๆ ที่กำลังอ่านบทความนี้กันอยู่ค่ะ เพราะว่าบทความนี้เราจะ
ชวนเพื่อน ๆ ไปเมาท์มอยเกี่ยวกับเรื่องภายในของสาว ๆ กัน และยังมาพูดถึงเรื่องของโรคเกี่ยวกับผู้หญิงที่มักพบบ่อย
อย่าง
" โรคมะเร็งปากมดลูก "
บทความนี้เราจะ
ชวนเพื่อน ๆ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ให้มากขึ้นอีก
นิด เพื่อป้องกันลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกกันค่ะ
ทำความเข้าใจ " โรคมะเร็งปากมดลูก " สาเหตุเกิดจากอะไร?
มะเร็งปากมดลูกเกิดขึ้นในเซลล์ปากมดลูก อยู่บริเวณช่วงล่างของมดลูกเชื่อมต่อกับช่องคลอด
ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิด Human Papillomavirus หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า HPV ในระยะแรกโรคนี้มักจะไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ แต่จะแสดงอาการในภายในหลังเมื่อเริ่มเป็นหนักแล้ว
เพราะฉะนั้น
ถ้าได้รับการตรวจคัดกรอง หรือฉีดวัคซีนป้องกันก่อนแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกลงไปได้ด้วย
เช็กสัญญาณเตือนโรคมะเร็งปากมดลูก
สำหรับโรคมะเร็งปากมดลูก
ส่วนใหญ่มักจะพบในช่วงอายุ 35 - 50 ปี แต่อายุก่อน 30 ก็มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกได้เหมือนกัน
แล้วอาการแบบไหนคือสัญญาณเตือนถึงมะเร็งปากมดลูก? ตามมาสังเกตอาการพร้อมกันเลย
อาการมะเร็งปากมดลูก
✹
มีการตกขาวมากกว่าปกติ ตกขาวมีกลิ่นเหม็นเน่า หรือตกขาวมีเลือดปนมาด้วย
✹
เลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
✹
ประจำเดือนมาไม่ปกติ
✹
ปวดท้องน้อย ปวดบริเวณหัวหน่าว
✹
ปัสสาวะและอุจจาระปนเลือด
✹
ปัสสาวะไม่ค่อยออก และมีอาการปวดบวม
✹
เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
วิธีตรวจมะเร็งปากมดลูก ควรเริ่มตรวจตั้งแต่ช่วงอายุเท่าไหร่?
ตามมาดูในเรื่องของวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกกันบ้าง
สำหรับการตรวจภายในก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก ซีสต์ หรือเนื้องอก แต่การตรวจภายในจะไม่สามารถพบก้อนมะเร็งชัดเจน
และนอกจากการตรวจภายใน ยังมีการ
ตรวจคัดกรองเพื่อหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกอยู่อีกหลายแบบ
อย่างเช่น
การตรวจแพปสเมียร์ ( Pep Smear ) การตรวจด้วยวิธี ThinPrep Pap Test การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ตรวจด้วยกล้องขยาย ( Colposcope ) การตรวจอื่น ๆ ที่อาจจะช่วยวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก อย่างการขูดภายใน การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า และการตัดปากมดลูกเป็นรูปกรวย
ควรเริ่มตรวจตั้งแต่เมื่อไร?
สำหรับสาว ๆ
อายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป หรือเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกหลังจากนั้น 3 ปี ก็สามารถเข้าไปตรวจภายในและตรวจมะเร็งปากมดลูกได้
และช่วงเวลาที่เหมาะในการตรวจมะเร็งปากมดลูกที่สุด คือช่วง 10 - 20 วันหลังจากเป็นประจำเดือน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสะอาดที่สุด แนะนำว่าควรเริ่มจากการตรวจแพปสเมียร์ ( Pep Smear ) ก่อน
วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก ด้วยวัคซีน HPV
อย่างที่ได้บอกไปว่าการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และการวัคซีน HPV แต่เนิ่น ๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการมะเร็งปากมดลูกได้ ซึ่งการ
ฉีดวัคซีน HPV ก็เป็นหนึ่งในวิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ดีที่สุดด้วย
บทความนี้เลยจะชวนเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับวัคซีน HPV วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ( Human Papilloma Virus ) กันอีกสักนิด
ช่วงอายุไหนเหมาะสำหรับการฉีดวัคซีน HPV? คนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วฉีดได้อยู่มั้ย? ต้องฉีดทั้งหมดกี่เข็ม และป้องกันได้ถึงเมื่อไร?
ตามไปไขข้อสงสัยกันต่อเลย
➤ วัคซีน HPV มีกี่ประเภท และป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้กี่เปอร์เซ็น?
วัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก มีให้เลือกฉีดอยู่ 2 แบบด้วยกัน
คือแบบ 4 สายพันธุ์ และแบบ 9 สายพันธุ์ โดยจะฉีดจำนวน 3 เข็ม ภายในระยะเวลา 6 เดือน
วัคซีนจะเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ HPV ที่มีอยู่ในวัคซีนขึ้นมา
และวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกไปได้ถึง 70 - 90%
วัคซีน HPV ที่ผลิตได้สำเร็จเป็นตัวแรก และได้การรับรองใช้กว่า 80 ประเทศทั่วโลก สามารถป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรค
มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด ประมาณ 70%
และยังสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 6 และ 11 ซึ่งเป็นสาเหตุของการ
เกิดโรคหูดบริเวณอวัยวะเพศประมาณ 90%
➤ วัคซีน HPV สามารถป้องกันได้นานแค่ไหน?
วัคซีน HPV จะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ภายในระยะเวลา 6 เดือน วัคซีนตัวนี้สามารถ
ป้องกันโรคได้นานกว่า 10 ปี
เลยยังไม่มีการแนะนำให้ฉีดกระตุ้นซ้ำ และจากข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบันพบว่า
หลังจาก 10 ปี วัคซีนยังมีประสิทธิภาพป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 90%
➤ ฉีดวัคซีนช่วงอายุไหนเหมาะสมที่สุด เลย 26 ปีไปแล้วฉีดได้อยู่มั้ย?
คณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐอเมริกา ได้รับรองเอาไว้ว่าสามารถใช้ได้ในเด็กผู้หญิงและหญิงสาวอายุ
9 - 26 ปีที่ไม่เคยได้สัมผัสเชื่อ HPV มาก่อน ในช่วงอายุนี้วัคซีนจะสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
และถ้าอายุ
เกิน 26 ปีไปแล้วก็ยังสามารถรับวัคซีนได้ ถ้าเกิดว่าเป็นการฉีดก่อนสัมผัสเชื้อ หรือก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
➤ คนที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว สามารถฉีดวัคซีน HPV ได้อยู่มั้ย?
สำหรับวัคซีน HPV จะออกฤทธิ์ได้ดีเมื่อไม่เคยสัมผัสกับเชื้อ หรือยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ แต่
คนที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ยังสามารถฉีดได้อยู่ แต่อาจจะไม่ได้รับประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันวัคซีน
แต่วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้หลายสายพันธุ์
ถึงแม้ว่ามีโอกาสเสี่ยงต่อเชื้อ HPV ไปแล้ว ก็ยังได้รับประโยชน์จากการป้องกันเชื้อบางสายพันธุ์ได้อยู่
➤ หลังจากฉีดวัคซีนแล้วมีผลข้างเคียงอะไรมั้ย?
สำหรับวัคซีน HPV เป็นวัคซีนสังเคราะห์เลียนแบบโครงสร้างของเชื้อ HPV ไม่ได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของสายพันธุกรรมเชื้อไวรัสมาใช้ผลิต
วัคซีนนี้เลยมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายน้อยมาก อาการหลังจากได้รับวัคซีนจะคล้ายกับอาการตอนได้วัคซันอื่น ๆ
อย่างปวดบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด หรือในบางคนอาจจะมีไข้ต่ำ ๆ
✹✹✹✹✹✹✹✹✹
ตามไป
ทำความเข้าใจกับโรคมะเร็งปากมดลูก
มาแล้ว หวังข้อมูลจากบทความนี้น่าจะพอเป็นประโยชน์ให้เพื่อน ๆ ได้บ้างนะคะ และ
ถึงแม้ว่าโรคมะเร็งปากมดลูกจะฟังดูน่ากลัว แต่ถ้าเกิดตวรจคัดกรอง หรือฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกไปได้เยอะเลย
ส่วนตัวเราก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจอยากฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกอยู่เหมือนกัน
ยังไงก็แนะนำวัคซีน HPV เอาไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการดูแลรักษาสุขภาพของเพื่อน ๆ ในระยะยาวนะคะ
cr. ข้อควรรู้ก่อนฉีด HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก
https://www.bpksamutprakan.com/care_blog/view/112
cr. 7 เรื่องที่ผู้หญิงต้องรู้เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก
https://www.samitivejchinatown.com/th/health-article/7-Things-You-Should-Know-About-Cervical-Cancer
cr. โรคมะเร็งปากมดลูก
https://www.medparkhospital.com/content/cervical-cancer