สกินแคร์ในสมัยนี้มีให้เลือกเยอะแยะมากมายจริง ๆ นะคะ จากที่เมื่อก่อนจะมีแค่ครีมธรรมดา ๆแต่ตอนนี้มีทั้งโทนเนอร์ เซรั่ม ครีม มาสก์ อีมัลชัน โลชัน น้ำตบ ฯลฯรวมไปถึง" แอมพูล "ด้วยคิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินคำนี้มากันบ้างใช่ไหมล่า? ก็แหม~ เดี๋ยวนี้สกินแคร์หลาย ๆ แบรนด์ก็เริ่มทำแอมพูลออกมากันเยอะแยะมากมาย บางตัวก็ดังมาก ขายดีเป็นเทน้ำเทท่ากันเลยทีเดียวพูดมาขนาดนี้แล้วแน่นอนนะคะว่าบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้าแอมพูลสารสกัดเข้มข้นตัวนี้กัน มันคืออะไร มีดียังไง ช่วยบำรุงแบบไหน แล้วเหมาะกับผิวแบบไหนบ้างถ้าอยากรู้แล้วก็มาส่องกันเล้ย ♥
❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀
แอมพูลคืออะไร ?
เปิดกันด้วยคำถามยอดฮิตอย่าง" แอมพูลคืออะไร? "กันเล้ย~ หลายคนอาจจะยังไม่รู้เนอะว่ามันคืออะไร แอมพูลก็คือสกินแคร์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างเร่งด่วนเพราะมีสารสกัดอย่างเข้มข้นนั่นเอง แต่ถึงจะเข้มข้นขนาดไหนก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะหรือซึมซาบช้าแต่อย่างใดนะคะ แอมพูลจะมีความเหลว เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะลักษณะจะคล้าย ๆ กับเซรั่มหรือเอสเซนส์แต่จะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าเพราะเข้มข้นกว่า แล้วก็ช่วยเร่งฟื้นฟูผิวในระยะเวลาที่สั้นกว่าด้วย
ผิวแบบเราควรใช้แอมพูลแบบไหนบ้าง?
แอมพูลแต่ละตัวก็จะมีประสิทธิภาพที่ต่างกัน เราขอแนะนำเป็น 3 สภาพผิวหลัก ๆแล้วกันน้า เพื่อให้ทุกคนสามารถไปเลือกซื้อกันได้ตามสภาพผิวเล้ย ♥
• ผิวมัน ผิวผสม และผิวเป็นสิวง่าย: ประเภทนี้จะเหมาะกับกับแอมพูลที่ช่วยลดรูขุมขน ลดความมัน ลดการอักเสบของผิว ซึ่งแอมพูลประเภทนี้จะเบาบาง ซึมซาบไว ถูกใจคนผิวมันแน่นอนเล้ย
• ผิวแห้ง: จะเหมาะกับแอมพูลที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนหรือไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เพราะจะมีคุณสมบัติในการเติมความชุ่มชื้น เก็บกักความชุ่มชื้น ทำให้ผิวไม่แห้งเป็นขุยนั่นเอง
• ผิวแพ้ง่าย: ใครที่มีสภาพผิวนี้ต้องระมัดระวังในการเลือกสกินแคร์นะคะ ส่วนประกอบต่าง ๆ พยายามเลี่ยงพวกที่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์ จะได้ลดความเสี่ยงที่จะระคายเคืองได้ง่าย แอมพูลที่เหมาะจะเป็นแอลพูลเติมความชุ่มชื้นและแอมพูลที่ช่วยปรับค่า pH ให้ผิวสมดุลมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
แอมพูล กับ เซรั่มต่างกันยังไง ?
หลายคนที่อ่านด้านบนมาก็อาจจะยังมีข้อข้องใจอยู่ว่าแล้ว" แอมพูลกับเซรั่มมันต่างกันไหม? "คือเราบอกไว้ว่ามันคล้ายกันใช่ไหมคะ แต่ความแตกต่างของมันก็มีค่ะ อย่างเนื้อผลิตภัณฑ์แอมพูลจะมีความเป็นเนื้อเหลวลักษณะคล้ายกับน้ำใส ๆ มีความบางเบามากกว่าเซรั่มที่เนื้อข้น มีความเหนอะหนะเล็กน้อย ในเรื่องประสิทธิภาพเซรั่มจะใช้เวลานานกว่า เนื้อจะเข้มข้นน้อยกว่าแต่แอมพูลจะเข้มข้นกว่า ฟื้นบำรุงในระยะเวลาสั้น ๆ หรือเร่งด่วนได้ดีกว่านั่นเองค่า
แล้วแอมพูลกับเซรั่มใช้ด้วยกันได้ไหม ?
หลายคนอาจจะเห็นว่ามันมีความคล้ายคลึงกัน คงใช้ร่วมกันไม่ได้แน่ ๆ น่าจะต้องเลือกใช้แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง... คือจริง ๆ แล้วเราจะใช้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้นะคะ แต่ถ้าอยากบำรุงผิวให้แบบจึ้งใจเลยละก็แนะนำว่าให้ใช้ควบคู่กันไปเลยค่า โดยวิธีการใช้ก็ให้ลงตามลำดับขั้นของสกินแคร์ทั่วไปเลยค่ะ ให้เริ่มจากเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เบาบางที่สุดไปยังเนื้อที่หนักที่สุดแอมพูลมีความเบาบางน้อยกว่าก็ลงก่อนเซรั่มได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคนอย่าลืมอ่านวิธีใช้ก่อนเสมอด้วยนะคะ อาจจะมีเซรั่มหรือสกินแคร์บางตัวที่ต้องลงก่อนแอมพูลด้วย ต้องศึกษาก่อนใช้เสมอน้า สกินแคร์จะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
มีทริคดี ๆ ในการใช้แอมพูลไหม ?
ด้วยความที่แอมพูลมีลักษณะบางเบาก็เลยสามารถนำไปผสมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้นั่นเองค่ะทริคในการใช้ที่อยากจะแนะนำทุกคนมี 2 ทริคก็คือ ...1. ใช้ Ampoule ผสมกับ Moisturizer: สูตรนี้จะเหมาะกับคนขี้เกียจหรืออยากจะลดขั้นตอนการลงสกินแคร์ ไม่ว่า Moisturizer จะเป็นเนื้อเซรั่ม เนื้อครีมอะไรก็แล้วแต่ สามารถผสมแอมพูลลงไปได้เลย
2. ใช้ Ampoule ผสมกับ Foundation ( รองพื้น ): สูตรนี้จะทำให้รองพื้นที่ลงไปบนผิวมีความฉ่ำ ความโกลว์มากขึ้น อันนี้ให้ผสมใช้ครั้งต่อครั้งนะคะ ผสมบนหลังมือได้เลยแล้วหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เกลี่ยค่อย ๆ เบลนด์ไป สูตรนี้ทำให้รองพื้นติดผิวได้นานมากขึ้นด้วยนะเออ
แนะนำหน่อยสิ มีแอมพูลตัวไหนแนะนำบ้าง ?
จริง ๆ ต้องบอกก่อนว่าแอมพูลตัวดัง ๆ มีเยอะมากกกกกกกกมีหลายสูตรเลยด้วย ไม่ว่าจะสูตรช่วยลดรูขุมขน สูตรเติมความชุ่มชื้น สูตรปลอบประโลมผิว สูตรเพิ่มความกระจ่างใส ฯลฯ แต่เราจะขอยกแอมพูลที่โด่งดังมีรีวิวเยอะ ๆ มาแนะนำให้ทุกคนประมาณ 3 ตัวรับรองว่าที่คัดมาให้เป็นสูตรที่เข้มข้นจึ้งใจ ใช้ดีแบบไม่มีผิดหวังแน่นอนค่ะ อยากรู้ว่ามีตัวไหนก็ลงมาดูได้เล้ย ♥
ANUA Heartleaf 80% Soothing Ampoule
เปิดด้วยแอมพูลตัวดังแรก ๆ ที่ออกมาอย่างANUA Heartleaf 80% Soothing Ampouleเลยค่า แบรนด์นี้คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างดี เพราะเป็นแบรนด์เดียวกับโทนเนอร์พี่จุนนั่นเองค่ะ ตัวนี้เป็นแอมพูลที่มีสารสกัดจาก Heartleaf เข้มข้นถึง 80%ช่วยปลอบประโลมผิวที่ระคายเคือง เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว สูตรนี้เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิวง่ายมาก ๆเลยค่ะ เพราะรีวิวหลายคนที่ใช้ตัวนี้บอกเหมือนกันหมดเลยว่าพวกสิวผดพวกนี้ไม่ค่อยขึ้นหรือแทบไม่ขึ้นเลยใครมีสภาพผิวแบบนี้ขอแนะนำตัวนี้เล้ย ♥
SKIN1004 Madagascar Centella Ampoule
อีกหนึ่งในแอมพูลตัวที่กำลังดังมาก ๆ ตอนนี้เพราะทุกคนแห่ไปซื้อกันมาตุนสุดฤทธิ์ นั่นก็คือSKIN1004 Madagascar Centella Ampouleนั่นเองค่า ตัวนี้มีสารสกัดจากมาดากัสการ์ 100% ที่จะฟื้นบำรุงผิวอ่อนแอได้อย่างอ่อนโยนมีค่า pH 5.5 เป็นกรดอ่อน ๆ ใกล้เคียงกับผิวลดโอกาสการเกิดสิว ลดการอักเสบลดรอยสิว สมานแผลให้หายไวขึ้นตัวนี้ผิวแพ้ง่ายตอบโจทย์สุด ๆ เลยค่ะเพราะทำให้ผิวแข็งแรง ส่วนผิวเป็นสิวง่ายก็ใช้ได้เช่นกัน เพราะตัวนี้เนื้อแอมพูลมีความเหลว ไม่เหนอะหนะ ซึมซาบไวด้วย
Round Lab 1025 Dokdo Ampoule
ปิดท้ายกันด้วยแอมพูลอีกตัวที่ดังเหมือนกัน แต่บางคนอาจจะไม่คุ้นหูเท่าไหร่ สำหรับRound Lab 1025 Dokdo Ampouleนั่นเองค่ะ ตัวนี้จะไม่มีสีเนื้อสัมผัสบางเบาแต่ไม่ได้เหลวจะรู้สึกคล้ายน้ำน้า ตัวนี้จะมีความเหมือนล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิวอยู่ ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวยาวนาน ปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ เสริมเกราะให้ผิวแข็งแรง พร้อมปกป้องผิวจากการระคายเคืองและมลภาวะต่าง ๆ ตัวนี้เขามีโทนเนอร์สูตรเดียวกันไว้ใช้คู่กันด้วยเน้อ เผื่อใครอยากคอมโบความฉ่ำ
❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀
ได้รู้กันไปแล้วเนอะว่า" แอมพูล "คืออะไร คล้ายเซรั่มไหม เหมาะกับใครบ้าง อ่านจบแล้วมีใครอยากจะลองไปสอยมาใช้สักตัวกันไหมเอ่ย ~ทางนี้บอกเลยนะคะว่าอยากจะสอยเพิ่มสักตัวมาก ๆ เหมือนกันค่ะ เพราะประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยใช้ค่อนข้างชอบมาก ๆ เลยนะคะ เราเป็นคนผิวมันด้วย เวลาใช้แล้วไม่ทำให้ผิวมันเพิ่ม ซึมซาบไว ไม่เหนอะหนะ คือตอบโจทย์สุด ๆ แถมตัวที่เราแนะนำก็ราคาไม่แพงด้วย ก็คือคุ้มค่าที่จะซื้อมาใช้นะคะ ใครอยากลองก็ไปศึกษาหาตำกันได้น้าตอนนี้เราก็ต้องขอลาไปก่อน บทความหน้าจะมาบอกต่ออะไรดี ๆ ก็รอติดตามกันนะคะบ๊ายบายค่าชาว SistaCafe ♥