1. SistaCafe
  2. นัดดินเนอร์ ผู้ควรจ่ายหมดมั้ย? รวมเหตุผลที่คู่เดทควร 'แชร์ค่าข้าวกัน' และทริคขอหารครึ่งแบบมีคลาส♡

เซย์ไฮค่าา สาวๆ ชาวซิสที่' กำลังจะออกไปเดท 'ทั้งหลาย (◕‿◕)♡ครองสถานะโสดมานาน จังหวะเหมาะก็ได้เจอหนุ่มที่คุยถูกคอ ไปๆ มาๆ เขาก็ชวนไปกินข้าว อะก็คือเดทแรกแหละ เอาละ ปัญหาโลกแตกมาแน่ เห็นได้จากกระทู้ที่ถามกันซ้ำๆ ในโซเชียลอย่าง' ไปกินข้าวเดทแรก ควรให้ผู้ชายจ่ายหรือหารครึ่งดีคะ?? 'ซึ่งทิศทางของคอมเมนต์ก็แตกเป็นสองฝ่าย ทั้งโชว์ป๋าจ่ายให้หมด กับฝ่ายที่อยากให้แชร์กันมากกว่า เพราะไม่ใช่คนรวยล้นฟ้าอะไร  //ไม่รู้จะเลือกเชื่ออันไหนดีเลยค่ะเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศอึดอัด มาคุ dead air มองหน้ากันเลิ่กลั่กว่าใครจะหยิบกระเป๋าตังค์ บทความนี้ขอเสนอให้ฝ่าย ' หารค่าข้าวกัน ' เป็นฝ่ายชนะค่ะ!แม้ในสมัยก่อนแทบจะเป็นกฎว่าผู้ชายควรจ่าย แต่ยุคนี้ 2020 แล้ว อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป ชายหญิงก็เท่าเทียมกันแล้วในหลายด้าน ทำงานหาเงินกันทั้งคู่ ดังนั้นก็ไม่แปลกที่เราจะขอเป็นฝ่ายหารค่ะหากสาวๆ ยังลังเลกับค่านิยมเก่า ยังรู้สึกก้ำกึ่งว่าควรพูดไหม จะเป็นการหักหน้าผู้ชายไหม หรือจะมีปัญหากันในภายหลังไหมลองอ่าน' 5 สาเหตุที่คู่เดทควรแชร์ค่าข้าวกัน 'เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจดูนะคะ ^^


1. ไม่ต้องรู้สึก 'กระอักกระอ่วน' ระหว่างเดท เราไม่เอาเปรียบผู้ จ่ายเองได้!

เดทแรกก็เหมือนเอาคนสองคนที่' รู้สึกดีต่อกัน 'มาใช้เวลาด้วยกัน แต่เราก็ยังไม่รู้ตัวตนจริงๆ ของอีกฝ่ายมากนัก ความขวยเขิน ความประหม่า กระอักกระอ่วนย่อมมีตามธรรมชาติ ยิ่งอยู่ในสภาวะกดดันอย่างการต้องจ่ายเงิน ซึ่งเป็นเรื่องเซนซิทีฟของใครหลายคน


สำหรับหนุ่มๆ บางคนอาจรู้สึกว่าทำไมเธอนิ่งเฉย ไม่เสนอช่วยจ่ายเลย ( แม้ถึงเธอบอกเขาก็คงจ่ายให้หมดนั่นแหละ ) เห็นแก่ตัวรึเปล่า แต่เธออาจคิดว่าถ้าขอจ่ายส่วนของตัวเอง จะดูหักหน้า เหมือนบอกว่าผู้ชายไม่มีปัญญาจ่าย เลยเงียบดีกว่าซะงั้น เข้าใจไปคนละทาง สุดท้ายไปกันไม่รอดจ้า!



' การเสนอช่วยการครึ่ง ' ก็เพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศอึดอัด กดดันมาคุเหล่านั้น ทำให้เธอและเขากินข้าวอย่างสบายๆ ไม่กดดัน และใช้เวลาในการคุยต่อหน้า ทำความรู้จักตัวจริงกันมากขึ้นดีกว่ามานั่งคิดว่า ใครจะเป็นคนจ่าย??

ซึ่งอาจทำลายความรู้สึกดีๆ ต่อกันไปจนหมดก็ได้นะ แถมเป็นการบ่งบอกว่าเราแฟร์ ไม่เอาเปรียบเขาด้วยค่ะ



2. ถ้าคุยแล้วไม่คลิก ไม่มีเดทสอง ก็ไม่ต้อง 'ติดหนี้บุญคุณ' กัน

เชื่อว่าสาวๆ ยุคใหม่หลายคนคิดถึงข้อนี้กันเยอะ ผู้ชายมีมากมายในโลกใบนี้ บางครั้งเราแค่อยากเดท กินข้าวด้วยกันสักครั้งเพื่อดูว่านิสัยเป็นยังไง ทัศนคติไปกันได้ไหม กิริยามารยาทบนโต๊ะอาหารเรารับได้รึเปล่า หากไม่คลิกก็แค่จบเกม มูฟออนหาหนุ่มอื่นต่อไป


ไม่ต้องมานั่งรู้สึกผิดว่าเขาอุตส่าห์จ่ายให้ แต่สุดท้ายไม่ได้ไปต่อ มันจะรู้สึกติดค้าง เป็นหนี้บุญคุณกันบ้างแหละ แถมไม่มีโอกาสให้จ่ายคืนแล้วด้วยสิ...



' การหารครึ่ง ' จึงทำให้สาวๆ ไปเดทอย่างสบายใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดถ้าในที่สุดแล้วไม่คบคนนี้เป็นแฟน


ไม่ต้องเสียใจกับเขาที่ต้องมาจ่ายเงินให้เรา ซึ่งต่อไปอาจเป็นคนแปลกหน้าในอีกไม่กี่วัน ( หรือไม่กี่เดือน ) หากคุยกันแล้วไม่ใช่นั่นเองค่ะ



3. เพื่อให้เราอยู่ในสถานะที่ 'เท่ากัน' ไม่มีใครเป็นเบี้ยล่างใคร

สำหรับหนุ่มๆ บางคน ( ย้ำว่าบางคนนะ ไม่ใช่ทุกคน ) จะมี mindset ส่วนตัวที่คิดเอาเองว่า เมื่อจ่ายเงินให้ใครแล้ว ก็แปลว่าคนนั้นเป็นสมบัติของเขา เขาจะมีอำนาจเหนือคนคนนั้นทันที หากไปกินข้าวด้วยกัน เขาจะสั่งแค่ของชอบของเขา หรือกินเยอะกว่าเรา ( มากๆ ) เราก็ไม่มีสิทธิ์โต้เถียง ไม่กล้าสั่งของแพง สั่งแต่ของถูกที่เราอาจไม่ชอบกิน เพราะเขาเป็นคนจ่าย

รวมถึงเขาอาจจะบงการกิจกรรมอื่นๆ ในการเดทให้มีแต่สิ่งที่เขาต้องการ ' เพราะเขาจ่าย ' สุดท้ายเราอาจเป็นแค่ตุ๊กตาที่โดนลากไปลากมา มีค่าแค่ได้กินข้าวฟรีเท่านั้นเอง TT



ดังนั้นเมื่อเราไม่รู้จักตัวตนคนนี้อย่างลึกซึ้ง ' การหารครึ่งในเดทแรก ' จึงบ่งบอกสถานะที่เท่ากัน ไม่มีใครเป็นเบี้ยล่างหรือต้องเกรงใจอีกฝ่ายจนเกิดความกระอักระอ่วนใจขึ้น

หากจ่ายเท่ากิน เธอมีสิทธิ์จะแย้งถ้าสั่งอาหารจานร่วมในสิ่งที่เธอไม่ชอบ กินอย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวล เป็นตัวของตัวเองได้มากกว่าค่ะ



4. คิดว่าเหมือน 'มากินข้าวกับเพื่อน' ไม่ต้องคาดหวัง จะได้ไม่ผิดหวัง!

ไม่ว่าจะเป็นเดทแรกกับคนที่คุยมานาน หรือคนที่เพิ่งเจอในแอปก็ตาม อยากให้พึงระลึกไว้เสมอว่า ' อาจไม่มีเดทที่สองก็ได้ ' เพราะแค่เดท ยังไม่ได้คบ จึงอยากให้ตั้งสถานะของเขาไว้แค่เพื่อนก่อน


เวลานัดกินข้าวกันก็พยายามคิดว่ามากินข้าวกับเพื่อนเฉยๆ ถ้าคิดแบบนี้ ' การหารค่าข้าว ' ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเวลามากินกับเพื่อนก็ต้องจ่ายส่วนของตัวเองอยู่แล้ว จริงไหม



อีกทั้งผู้ชายบางคนมักคิดว่า ถ้าเขาเลี้ยงข้าวเราไปแล้ว ก็เป็นการคาดหวังกลายๆ ว่าเราต้องเป็นแฟนกับเขา ' แน่ๆ ' ด้วยการบังคับให้เรามากินข้าวด้วยไปอีกเรื่อยๆ ทั้งที่เราเริ่มรู้สึกไม่โอเคกับเขาแล้ว

แต่จะปลีกตัวก็ลำบากเพราะดันให้เลี้ยงข้าวมาตั้งแต่แรก ถ้าบอกเลิกทันทีเราก็ดูเป็นคนเลวอีก เพื่อเลี่ยงปัญหานี้ ก็จ่ายครึ่งไปเลย จะได้ไม่ต้องมาคาดหวัง ผิดหวังอะไรกันให้ลำบากใจค่ะ



5. เอาเวลาไปสนุกกับกิจกรรมอื่นๆ ระหว่างเดท ไม่มัวกังวลว่า 'ใครจะจ่ายค่าข้าว'

นอกจากเอาเวลามาคุยดูทัศนคติ นิสัยกัน มากกว่าไปพะวงว่า ' ใครจะเป็นคนจ่ายค่าข้าว? ' แล้วนั้น ยังทำให้เรารู้สึกสบายใจในการไปเที่ยวต่อกับเขา เช่น ไปดูหนัง ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ etc. สนุกได้เต็มที่โดยไม่ต้องรู้สึกติดค้างในใจว่า


' เราน่าจะช่วยเขาจ่ายนะ เขาดูหน้าแหยมากเลยตอนนับเงิน ทำไมตอนนั้นเราไม่เสนอหารครึ่งนะ แล้วเขาจะคิดกับเรายังไงนะ '

สุดท้ายก็ทำให้เดทกร่อยไปโดยปริยาย เผลอๆ ถึงเขาไม่คิดอะไรแต่เรานอยด์ ก็อาจไปไม่รอดถึงเดทสองอยู่ดีค่ะ



เลิกสนใจกฎในการไปเดทกับผู้แบบเดิมๆ โลกตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก เราสามารถขอช่วยค่าอาหาร ( ทั้งที่จริงๆ ก็ไม่ได้ช่วยขนาดนั้น แค่จ่ายส่วนของตัวเอง ) โดยไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องรู้สึกเป็นเบี้ยล่างไร้ค่า เพราะเราทำงานหาเงินให้ตัวเองได้ เท่านั้นเอง


แต่เชื่อว่าบางคนก็กังวลว่า จะพูดยังไงไม่ให้ผู้รู้สึกโดนหักหน้า จะเหมือนไม่ให้เกียรติรึเปล่า ?? งั้นลองทำตามทริคนี้กันดูนะคะ



-- ทริคให้สาวๆ 'ขอหารครึ่งค่าข้าว' ในการเดท ให้หนุ่มๆ ชื่นใจ (*¯ ³¯*)♡ --


[ ขอแชร์ตั้งแต่แรก ให้เข้าใจตรงกัน ]

ถ้าคิดจะหารครึ่ง เราแนะนำให้บอกตั้งแต่แรกเลยว่า ' เธอ ขอแชร์ค่าข้าวด้วยนะ ไม่อยากเอาเปรียบเธอ ' จะบอกตอนเริ่มเข้าไปในร้านอาหารเลย หรือตั้งแต่คุยกันที่บ้านเลยก็ได้ แต่ต้องบอกก่อน


อย่าไปโพล่งตอนกินเสร็จแล้วว่า ' เราว่าขอหารครึ่งดีกว่า ' เพราะแบบนั้นค่อนข้างเข้าข่ายหักหน้าตรงๆ เลยแหละ ผู้ชายบางคนจะคิดว่าเธอไม่ชอบเขาด้วยซ้ำ บอกแต่เนิ่นๆ จะง่ายกว่าค่ะ


ถ้าเขาแย้งหรือถามว่าทำไม ก็บอกว่า ' เธอสะดวกแบบนี้มากกว่า ' โดยไม่จำเป็นต้องลงดีเทลลึกไปกว่านี้ ถ้าเธอชัดเจนว่าอยากหารครึ่ง ถ้าไม่หารจะไม่สบายใจ ส่วนใหญ่ผู้ชายก็จะไม่ปฏิเสธหรอกแต่ถ้าเจอผู้ชายที่อยากจ่ายให้หมดจริงๆ ก็เลื่อนไปอ่านข้างล่างค่ะ!

[ ถ้าเขายืนยันจะจ่ายหมดให้ได้ ก็เสนอช่วย 'ค่าอื่นๆ' แทน เช่น ดูหนัง ]

จะมีผู้ชายบางส่วนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ใจป๋าสุดๆ ไม่ว่ายังไงก็จะจ่ายให้ฝ่ายหญิง ให้เธอลองแยบถามไปว่า

' สมมุติว่าต่อไปเราคุยกันไม่คลิก ไม่ได้เป็นแฟนกัน เธอจะยังจ่ายให้เราไหม '


ถ้าเขาให้เหตุผลที่ชัดเจนว่า เขาแค่อยากจ่ายให้ ไม่มีอะไรพิเศษ จะเป็นเพื่อนหรือแฟนเขาก็ไม่เสียใจ ก็ปล่อยให้เขาจ่ายเถอะค่ะ อย่าไปคะยั้นคะยอมาก เพราะบางครั้งผู้ชายก็อยากมีศักดิ์ศรีของเขาแหละ



แต่! เราก็ไปช่วยในค่าอื่นๆ แทนได้ เช่น ค่าป๊อบคอร์นดูหนัง ค่าตั๋วหนัง ค่าขนมหวานเผื่อไปกินขนมต่อ หรือถ้าอยากไปทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ออกกำลังกาย ก็หารค่าเช่าจักรยาน ปั่นเล่นในสวนสาธารณะแบบนี้ก็พอไหว


ให้เราได้จ่ายอะไรบ้าง จะได้รู้สึกว่าเราก็มีส่วนช่วยจ่ายในเดทครั้งนี้เหมือนกันนะ (。・//ε//・。)




---------------------------------


ก็ประมาณนี้กับหัวข้อโลกแตกของคู่เดทที่ต้องนั่งเถียงกันว่า ' ใครจะเป็นคนจ่ายค่าอาหาร?? ' ถ้าไม่ชัวร์จริงๆ ว่าเขาจะโอเคกับการจ่ายให้เรา เสนอแชร์ครึ่งก็เป็นอะไรที่สมเหตุสมผลดี ทำงานด้วยกันทั้งคู่แล้ว จะช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเห็นว่าเราไม่เอาเปรียบเขา เขาจะยิ่งมองเราในแง่ดีว่า ถ้าคบเป็นแฟนเราจะไม่เกาะเขากินแน่ๆ แต่หากไปกันไม่รอด ก็จะได้ไม่ต้องติดค้างหรือคิดมากต่อกันด้วยค่ะ ยังไงก็ลองเลือกเอาไปปรับใช้กับคู่ตัวเองดูเนอะ ขอให้สาวๆ ทุกคนเดทอย่างราบรื่น ได้แฟนอย่างที่ต้องการน้า วันนี้เราไปก่อนค่ะ บ๊ายบาย ( ˘⌣˘)♡(˘⌣˘ )



เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้