สวัสดีค่าเพื่อน ๆSistaCafe
สาวอวบคนไหนที่เคยโดนคำครหาต่าง ๆ กับบ้างหรือเปล่าเอ่ย อย่างบางคนก็ล้อว่าอ้วนบ้างล่ะ ฮิปโปบ้างล่ะ ขาหมูบ้างล่ะ คำเหล่านี้เป็นสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ วันนี้เราเลยจะชวนเพื่อน ๆ มาลดความอ้วนกัน ตามแบบฉบับของสาวสไมล์ ภาลฎาที่เคยอวบถึง 58 กิโลกรัม ด้วยส่วนสูง 159 เซนติเมตร รอบเอว 28 นิ้ว รอบสะโพก 38 นิ้ว ซึ่งปัจจุบันเธอมีน้ำหนักเพียงแค่ 40 กิโลกรัม ลดลงไปได้ถึง 18 กิโลกรัม เลยทีเดียว!!
มาคะเรามาดูเคล็ดลับของสาวสไมล์ ภาลฎา ที่ลดน้ำหนักลงได้ถึง 18 กิโล กันจะเป็นวิธีไหนนั้นเรามาดูกันเลย>///<
1. เปลี่ยนตัวเอง

การเปลี่ยนตัวเองในที่นี้ไม่ใช่การทำศัลยกรรมพึ่งมีดหมอนะคะ แต่การเปลี่ยนตัวเองนี้คือการเปลี่ยนความคิดตัวเอง ไม่ยอมรับกับ ' ความอ้วน ' ที่เกิดขึ้น ไม่ต้องไปทนว่าเราจะต้องอยู่ กับหุ่นอ้วน ๆ นี้ให้ได้ แต่ให้เปลี่ยนความคิดใหม่ ว่าเราต้องสวย เราต้องดูดี ต้องมีความมั่นใจในการแต่งตัว ต้องแต่งชุดสวย ๆ ให้ได้!! เพราะการผอม หุ่นดีเนี้ยแหละ คือเกราะกำบังไม่ให้เราโดนล้อ โดนคำครหาว่า อ้วน ให้หมดไปได้
สาว สไมล์ ภาลฎา เลย เปลี่ยนความคิดว่า“ สไมล์ต้องผอม!! สไมล์ต้องหุ่นดี!! สไมล์ต้องดูดี สไมล์ต้องมีความมั่นใจ!! ”สาวสไมล์ ภาลฎา แนะนำว่าให้เขียนโพสต์อิส แล้วแปะไว้ที่กระจก ว่า“ เราจะต้องน้ำหนัก 42 โล ให้ได้!! ”และจินตนาการภาพเราตอนผอมว่าจะต้องสวย หุ่นดี
2. เอาจริง

อย่างแรกเลยในเรื่องการลดน้ำหนักคือ
เอาจริง!!
เพราะถ้าเราไม่เอาจริงก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลย และต้องอย่าท้อ เพราะถ้าเราท้อ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้อไปก็ทำให้เราอ้วนอยู่ดี ดังนั้นให้เราตั้งใจและเดินต่อ ทำต่อ แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางก็แล้วแต่ ก็ต้องสู้ จนกว่าจะถึงเป้าหมาย
3. กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด

ซึ่งสาว สไมล์ ภาลฎา เป็นคนกรุ๊ปเลือด โอ อาหารที่สาวสไมล์ เลือกทานก็จะเป็นอาหารประเภทโปรตีนซะส่วนใหญ่ โดยข้อดีของการเลือกอาหารตามกรุ๊ปเลือดคือ มันจะเป็นอาหารที่เหมาะสมกับเรา ช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหารได้สมบูรณ์แบบ ทำให้ไม่มีอะไรที่ตกค้างในร่างกาย
สาว สไมล์ ภาลฎา ได้ทดลองกิน อาหารตามกรุ๊ปเลือด เน้นกินผัก เน้นเนื้อสัตว์โดยเธอเลือกกิน สเต็ก ในทุก ๆ มื้อ เป็นเวลา 3-4 วัน ผลปรากฏว่า น้ำหนักของเธอลดลงเฉลี่ย 2 ขีด ต่อวันจนลดลงไปได้ 1 กิโลกรัม จากนั้น เริ่มเติมอาหารจำพวกแป้งเข้าไป ประมาณ 15% -20% ต่อมื้อ กินแบบนี้มาสักพัก จนน้ำหนักลดลง เหลือ 54 กิโลกรัม ( 4 กิโลกรัม )
4. เน้นการขยับร่างกายบ่อย ๆ

ข้อนี้เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ไม่ชอบออกกำลังกายมาก ๆ เลยค่ะ โดย สาวสไมล์จะเน้นการเดิน เน้นการขยับร่างกายเยอะ ๆ เน้น Activity ที่ค่อนข้างมีการเคลื่อนไหวทั้งวันมากกว่าการออกกำลังกายอย่างจริงจัง เพราะสำหรับเธอแล้วการออกกำลังกายจริงจังนั้น จะทำให้เธออยากอาหารมากขึ้น และกินมากขึ้นกว่าเดิม จนน้ำหนักลดลง เหลือ 52 กิโลกรัม
และค่อย ๆ เริ่มปรับมาออกกำลังกาย โดยการวิ่งบนลู่ ระดับความเร็ว อยู่ที่ 8 ประมาณ 30 นาทีต่อวัน จนน้ำหนักลดลง เหลือ 46 กิโลกรัม ( ลดไปได้ทั้งหมด 12 กิโลกรัม )
5. การกินแบบกำหนดช่วงเวลา

การกินแบบกำหนดช่วงเวลา หรือ วิธี Fasting โดย
เริ่มกินอาหารตั้งแต่ 8 โมงเช้า และหยุดกินภายใน 4 โมงเย็น
และจะอดอาหารไปเลย 16 ชั่วโมง และจะมาเริ่มกินอีกทีตอน 8 โมงเช้าเช่นเดิม ( แบบนี้เรียกว่าการ Fasting แบบ 16:8 ) โดยที่กินหารตามกรุ๊ปเลือดแบบเดิมมาทำควบคู่กันไปตลอด จนน้ำหนักลดลงเหลือ 44 กิโลกรัม ( 14 กิโลกรัม )
6. ออกกำลังกายเน้นกระชับสัดส่วน

เมื่อน้ำหนักเราลงไปถึงจุดที่น่าพอใจแล้ว หลังจากการที่เราลดความอ้วนมากนาน บริเวณต่าง ๆ ที่เคยเป็นไขมัน ก็จะมีความย้วย ความหย่อนคล้อย โดยการออกกำลังกายนี้จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ค่ะ
ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ถือว่าเป็นไม้ตายสุดท้าย ที่จะฟิตกระชับรูปร่างของเรา
แถมยังลดน้ำหนักลงมาได้อีก จนน้ำหนักลดลงเหลือ 40 กิโลกรัม
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสาว ๆ กับการลดน้ำหนัก ตามแบบฉบับของสาวสไมล์ ภาลฎา ที่สามารถลด น้ำหนักลงได้ถึง 18 กิโลกรัม แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้เธอทำให้ระยะเวลา 9 เดือน โดยที่ไม่อด ไม่ใช้ยา และยังมีสุขภาพที่ดีแข็งแรงได้อีกด้วย ยังไงแล้วสาว ๆ ก็ลองเอาไปปรับใช้กับตัวเองกันดูนะจ๊ะ
สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน บ๊ายบายค่า^///^